คณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่เพิ่งผ่านมาเห็นชอบให้ต่ออายุการดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ออกไปอีก 1 ปีหลังจากที่นั่งเก้าอี้มาครบวาระ 4 ปี ซึ่งการต่ออายุเก้าอี้อธิบดีกรมดีเอสไอให้นายธาริตครั้งนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตุเป็นอย่างมากจากบรรดาคอการเมือง
ประเด็นซึ่งจะตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ตามด้วยความวิตกก็คือ ความเที่ยงธรรม โปร่งใส ตรงไปตรงมาของกรมดีเอสไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทอำนาจหน้าที่เป็นอย่างมากในการคดีคลายคดีสำคัญระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่หลายฝ่ายเฝ้าจับตาก็คือคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 จากการชุมนุมของม็อบเสื้อแดง รวมทั้งอีกหลายคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับ นักโทษชายแม้ว และคนในรัฐบาลเพื่อไทย
นายธาริต นั้นถูกตั้งข้อสังเกตุว่า “เปลี่ยนสี” จากหน้ามือเป็นหลังเท้าหลังเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณ โดยในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 ซึ่งขณะนั้นหากยังจำกันได้ นายธาริต เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่จัดตั้งขี้นมาเพื่อรักษาความสงบหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองจากการก่อม็อบของคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์จนนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ ซึ่งขณะนั้น นายธาริต
เปิดแถลงข่าวแทบจะรายวันยืนยันข้อมูลหลักฐานของขบวนการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง
โดยมีกองกำลังชุดดำที่แฝงตัวปะปนอยู่ในม็อบเสื้อแดงใช้อาวุธสงครามนานาชนิดก่อการร้ายสังหาร พล.อ.ร่มเก้า ธุวธรรม และทหารอีก 4 นายเสียชีวิตทันทีที่บริเวณสี่แยกคอกวัวเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 และยังมีพยานหลักฐานอีกมากมายที่ชี้ชัดว่าขบวนการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองที่
บงการโดย นักโทษชายแม้ว พยายามที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อล้มล้างรัฐบาลในขณะนั้น
แต่พอเปลี่ยนยุคจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สำนวนคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองถูกตั้งข้อสังเกตุว่าแทบจะพลิกจากดำเป็นขาว จากขาวเป็นดำ และที่สำคัญคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ซึ่งทำหน้าที่ ผอ.ศอฉ.เมื่อปี 2553 จากผู้บังคับบัญชาที่ นายธาริต เคยทำงานรับใช้ในการทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองกลับตาลปัตรถูก นายธาริต ตั้งข้อหาสั่งฆ่าประชาชน
นอกจากคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองแล้ว พฤติกรรมของดีเอสไอยุคเปลี่ยนขั้วรัฐบาลยังถูกตั้งข้อสังเกตุว่า ทำตามใบสั่งทางการเมืองด้วยการเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์อย่างหนักในหลายคดี และมีข้อน่าสังเกตุด้วยว่า ช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนั้นเป็นฝ่ายค้านประกาศหมายหัวจะปลด นายธาริต ทันทีหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเหมือนต้องการขู่ นายธาริต และเมื่อพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล จุดยืนของ นายธาริต ถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม ได้นั่งเก้าอี้รองนายกฯและคุมดีเอสไอ จากจากพฤติกรรมที่ถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเปลี่ยนสีทำให้ร.ต.อ.เฉลิม พึงพอใจในผลงานของ นายธาริต เป็นอย่างมากพร้อมกับประกาศจะค้ำเก้าอี้อธิบดีกรมดีเอสไอของ นายธาริต
อย่างเต็มที่
ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศกลางสภาชัดเจนว่าเป็นขี้ท้า นักโทษชายแม้ว ขณะที่บรรดาบิ๊กข้าราชการที่ยอมรับใช้ระบอบทักษิณต่างได้รับการตบรางวัลด้วยตำแหน่งและผลประโยชน์อย่างงาม
จึงไม่แปลกสำหรับกรณีของนายธาริตที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็นรางวัลจากการ “เปลี่ยนสี”ใช่หรือไม่ ?
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี