“ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ขอนำ “คุณผู้อ่าน” สำราญไปกับความไพเราะของบทเพลงจาก วงดนตรีอมตะ สุนทราภรณ์ กันอีกครั้ง กับ “ขุนพล” ข้างกาย ครูเอื้อ สุนทรสนาน ศิลปินแห่งชาติ และบุคคลดีเด่นด้านวัฒนธรรมของโลก ผู้ที่คนไทยต่างให้การยอมรับว่าเป็น สุดยอดของศิลปิน อย่างแท้จริง

บทเพลงจาก สุนทราภรณ์ ยังคงตราตรึงในอารมณ์ของผู้ฟังมาจวบจนทุกวันนี้ แต่ละเพลงล้วนกลั่นกรองมาจากความรู้สึกของผู้เขียน ร้อยเรียงเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ ตามเอกลักษณ์อันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของ วงสุนทราภรณ์  และหนึ่งใน “ขุนพล” ที่เราจะพาท่านไปรู้จักในวันนี้  เป็น นักประพันธ์เพลง และ นักดนตรี ผู้ติดตามเคียงข้าง ครูเอื้อ สุนทรสนาน มายาวนาน  “ครูสริ ยงยุทธ”  ปูชนียศิลปิน ของสุนทราภรณ์

ครูสริ ยงยุทธ  เกิดเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ..ศ. ๒๔๕๖ ที่ถนนเขื่อนขันธ์ ในย่านพื้นที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพ เป็นบุตรของ ขุนยงวรยุทธ (หริ่ง ยงยุทธ) ทหารล้อมวังในรัชสมัย รัชกาลที่ ๕ ต่อเนื่องมาจนถึง รัชกาลที่ ๖ กับ นางเลื่อน ยงยุทธ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๗ คน โดย “ครูสริ” เป็นบุตรคนที่ ๕

“ครูสริ” เริ่มต้นการศึกษาที่ โรงเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์  จนสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ ๓ แล้วจึงเข้าไปเรียนในโรงเรียนพรานหลวง กองวงเครื่องสายฝรั่งหลวง กรมมหรสพ กระทรวงวัง ซึ่งมี พระเจนดุริยางค์ เป็นผู้อำนวยการสอน เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ โดยเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันกับ ครูเอื้อ สุนทรสนาน

“ครูสริ” มีใจรักทางการเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเริ่มเรียนที่โรงเรียนพรานหลวงนั้น “ครูสริ” เริ่มเล่น ไวโอลิน เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก จนได้ขึ้นไปเล่นกับวงใหญ่ ต่อมาได้เลื่อนไปฝึกเล่น วิโอลา จนสามารถเข้าไปร่วมเล่นกับวงใหญ่ได้ จนได้รับคำชมจาก พระเจนดุริยางค์ จนต่อมาทางวงขาด นักเปียโน.. พระเจนดุริยางค์ ได้ให้ “ครูสริ”  ฝึกเล่นเปียโนจน กระทั่งประสบความสำเร็จ และเป็นเครื่องดนตรีที่ “ครูสริ”  เล่นต่อมาตลอดชีวิตของการเป็นนักดนตรี

เมื่อ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๗ มีพระราชดำรัสให้ พระเจนดุริยางค์ คัดเลือกนักดนตรีในวงเครื่องสายฝรั่งหลวง ๒ คน ไปศึกษาด้านการดนตรี ณ ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และ อิตาลี โดย ทุนส่วนพระองค์ ด้วยมุ่งหวังเพื่อให้กลับมาควบคุมวงเครื่องสายฝรั่งหลวงต่อไปในอนาคต ครูสริ ยงยุทธ และ คุณมานิตย์ พยัคฆนันท์ เพื่อนนักดนตรีอีกคนหนึ่ง ก็ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับทุนนี้ โดยให้เตรียมฝึกเรียนภาษาอังกฤษ จนมีความชำนาญ แต่ครั้นเมื่อเกิด การปฏิวัติสยาม ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ และเกิดความผันผวนทางการเมือง ทำให้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ทรงสละราชสมบัติ  จึงทำให้ “ครูสริ” และ “คุณมานิตย์” พลาดโอกาสไม่ได้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ทั้ง “ครูสริ” และ “คุณมานิตย์”  ก็ได้รับพระราชทาน ฮาร์พ จากพระองค์ท่านมาเป็นเครื่องปลอบใจ ซึ่งปัจจุบัน “ครูสริ”  ได้มอบให้ กรมศิลปากร จัดแสดงไว้ที่ห้อง พระเจนดุริยางค์ ในห้องสมุดดนตรีฯ ภายในหอสมุดแห่งชาติ

“ครูสริ”  เริ่มชีวิตการทำงานดนตรี หลังจากเรียนจบจากโรงเรียนพรานหลวง โดยติดตาม “ครูเอื้อ” มาโดยตลอด จากการเล่นในวงดนตรีเครื่องสายฝรั่งหลวง กรมมหรสพ กระทรวงวัง จนเมื่อเกิด การปฏิวัติสยาม  ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มีการยุบกระทรวงวัง จึงโอนย้ายมาสังกัด กรมศิลปากร กระทรวงธรรมการ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ จึงย้ายติดตาม ครูเอื้อ สุนทรสนาน ไปรับราชการที่ กรมโฆษณาการ โดยมี พันตรี วิลาศ โอสถานนท์ เป็นอธิบดีคนแรก ซึ่งได้โอนย้ายนักดนตรีทั้งวงมาจากกรมศิลปากร เพื่อจัดตั้งวงดนตรีกรมโฆษณาการ มี ครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นหัวหน้าวง และ ครูเวส สุนทรจามร เป็นผู้ช่วยหัวหน้าวง สังกัดแผนกวิทยุกระจายเสียง มีที่ตั้งอยู่ที่ ศาลาแดง

ผลงานสำคัญของ “ครูสริ”   ในระหว่างรับราชการที่กรมมหรสพหลวง คือ การจดบันทึกโน๊ตระนาดเอก จากการบรรเลงของ ครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ เนื่องจากเพลงไทย (เดิม) ไม่เคยมีการบันทึกเป็นโน้ตสากล ผู้เล่นจะใช้วิธี “ครูพักลักจำ” กันมาแต่โบราณ จนนักดนตรีรุ่น ครูเอื้อ, ครูสริ, ครูสมพงษ์ จบวิชาการดนตรีจาก โรงเรียนพรานหลวง มีความรู้ความสามารถด้านการอ่านและเขียนโน้ตสากล จึงเป็น นักดนตรีกลุ่มแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการมอบหมายให้บันทึกเพลงไทย(เดิม) เป็นโน้ตสากล ใช้กันมาจนทุกวันนี้

ในระยะเริ่มแรกที่อยู่ในวงดนตรีกรมโฆษณาการนั้น ครูเอื้อ ครูสริ และเพื่อนร่วมวง ได้บรรเลงเพลงสากล ส่งกระจายเสียงทางวิทยุคลื่นสั้นไปยังต่างประเทศ โดยยังไม่มีการร้องเพลง จนต่อมาจึงได้มีนักร้อง เข้ามาในวง ได้แก่ คุณมัณฑนา โมรากุล, คุณรุจี อุทัยกร, คุณล้วน ควันธรรม, คุณสุปาณี พุกสมบุญ, คุณสุภาพ รัศมิทัต. คุณชวลี ช่วงวิทย์ ทำให้เริ่มมีการประพันธ์เพลงขับร้องมากขึ้น โดยมี ครูเอื้อ สุนทรสนาน, ครูเวส สุนทรจามร, ครูสริ ยงยุทธ และครูสมพงษ์ ทิพยกะลิน เป็นผู้ประพันธ์ทำนอง

ผลงานเพลงที่ “ครูสริ”  ประพันธ์ทำนองได้รับความนิยมแพร่หลายเป็นอย่างมากตราบมาจนถึงทุกวันนี้ อาทิเช่น เพลง อุบลรัตน์ (สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตน์) หากภาพเธอมีวิญญาณ ,ชั่วคืนเดียว, ดาวเจ้าชู้ ,รักฉันตรงไหน, เงาแห่งความหลัง, วิมานทลาย, กำศรวลรัก เป็นต้น

ชีวิตครอบครับของ “ครูสริ”  ได้สมรสกับ นางเจือ ยงยุทธ (ถึงแก่กรรม) มีบุตรธิดาด้วยกัน ๔ คน ต่อมาได้สมรสกับ นางสาวสุปาณี พุกสมบุญ นักร้องรุ่นแรกของวงดนตรีกรมโฆษณาการ และวงดนตรีสุนทราภรณ์ มีบุตรธิดาด้วยกันอีก ๔ คน คุณสุปาณี ในวัย 91 ปี ยังขับร้องเพลงร่วมกับวงสุนทราภรณ์ ฯลฯ อยู่ในปัจจุบัน

ภายหลังเกษียณอายุราชการจากกรมประชาสัมพันธ์แล้ว “ครูสริ”  ยังคงใช้ชีวิตการเป็นนักประพันธ์เพลง และนักดนตรีในวงดนตรีสุนทราภรณ์ตลอดมา จนเมื่อ ครูเอื้อ สุนทรสนาน เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๔ “ครูสริ”  จึงรับหน้าที่ดูแลควบคุม วงดนตรีสุนทราภรณ์ ต่อให้ระยะหนึ่ง

 “ครูสริ”  มีโรคประจำตัว คือ โรคหอบหืด และ ถุงลมโป่งพอง โดย “ครูสริ”  ได้รักษาตัวอยู่ที่บ้านของบุตรสาว ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อยู่เป็นประจำ จนสุขภาพดีขึ้น แต่ก็มีโรคอื่นแทรกซ้อนบ้างตามวัยของผู้สูงอายุ จนเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ “ครูสริ”  ก็ถึงแก่กรรมด้วยอาการสงบ สิริอายุรวม ๙๒ ปี

“ครูสริ”  เป็นนักเรียนโรงเรียนพรานหลวงรุ่นเดียวกันกับ ครูเอื้อ สุนทรสนาน และมีโอกาสทำงานด้านการดนตรีร่วมกันตลอดมาทั้งชีวิต นับแต่ร่วมกันตั้งวงดนตรีไทยฟิล์ม จนมาเป็น วงดนตรีสุนทราภรณ์ ในเวลาต่อมา  นับเป็นเพื่อนสนิทของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน และถือเป็น “ปูชนียศิลปิน ของ สุนทราภรณ์” คนสำคัญที่ร่วมกันก่อร่างสร้างชื่อเสียงให้ วงดนตรีสุนทราภรณ์ ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

อาลัยคุณครูสริ ยงยุทธ

ขุนพลเพลงคนสุดท้ายของวงสุนทราภรณ์

จากอติพร สุนทรสนาน เสนะวงศ์

(จากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพนายสริ ยงยุทธ)

            ความรู้สึกที่สูญเสียอาหริ เมื่อทราบข่าวจากน้องตุ๊ก เมื่อเช้ามืดของวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๔๘ นั้น เปรียบเสมือนดิฉันสูญเสียคุณพ่อคนที่สองไป อาหริ อาเจี๊ยบ มีความผูกพันกับครอบครัวของเราอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงหลังๆที่อาหริเป็นผู้ใหญ่ของวงสุนทราภรณ์ เพียงท่านเดียวที่มีชีวิตอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับเรา ถึงแม้ว่าในวัย ๙๒ ปี ของท่านจะทำให้มีความรู้สึกว่าท่านก็ได้อยู่กับเรามานานพอสมควร แล้วก็ไม่ทำให้ความรู้สึกอาลัยเสียดายห่างหายไป

            อาหริเป็นปูชนียบุคคลด้านดนตรีคนสุดท้าย ความรู้ความสามารถ ที่ท่านได้สะสมมาตลอดชีวิตนั้น มากมายเกินกว่าจะนำมากล่าวได้หมด ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นศิลปินของสุนทราภรณ์อีกท่านหนึ่งที่ไม่ได้รับรางวัลใดๆจากทางราชการ แต่ในชีวิตของท่านในฐานะมือเปียโนประจำวงสุนทราภรณ์ ท่านได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเวลาทรงดนตรี ทั้งที่พระราชวังสวนจิตรลดา สวนอัมพร และพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาหริเป็นผู้ร่วมวงสุนทราภรณ์อีกท่านหนึ่งที่ได้รับพระราชทานเสมาเงิน ภปร เมื่อวันครบรอบการก่อตั้งวงสุนทราภรณ์ครบ ๓๐ ปี เมื่อ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๒

            ทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อดิฉันต้องการข้อมูลที่แท้จริงของสุนทราภรณ์ ดิฉันก็มีอาหริเป็น Encyclopedia ประจำตัว ดิฉัยยังจำคำพูดของอาหริได้ว่า เพลงสุนทราภรณ์นั้นเขามี “ทางเพลง” ของเขาเอง ซึ่งคนอื่นที่ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมจากเราจะไม่มีวันรู้จัก อาหริสอนให้ดิฉัน ฟังให้มาก ดูให้รู้ แล้วเมื่อใดที่ได้ฟัง ได้เห็น จะรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่านั่นไม่ใช่ “ทางเพลง” ของสุนทราภรณ์

            ต่อไปนี้ดิฉันจะไม่มีอาหริ วงสุนทราภรณ์จะขาดครูเพลง “ผู้รู้” ท่านสุดท้ายไปแล้ว คุณแม่และดิฉันขอกราบคารวะดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของอาหริ คุณพ่อโชคดีเหลือเกินที่มีขุนพลเพลง ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ และยังเป็นมิตรแท้ เพื่อนตายที่ยืนหยัดเพื่อสุนทราภรณ์ ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต อาหริจะไปดีเพราะจะตลอดชีวิตของท่าน ท่านได้ทำแต่สิ่งดีๆ มาตลอด ณ เวลานี้คุณพ่อก็ได้ขุนพลเพลงของท่านไปครบทุกคนแล้วนะคะ

            และในโอกาสนี้ ทาง มูลนิธิสุนทราภรณ์ แจ้งมาว่า จะมีการจัดงานคอนเสิร์ตรำลึกถึง ครูเพลงคู่ใจ ของ ครูเอื้อ ภายใต้ชื่อ “ขุนพลเพลงคู่ใจของครูเอื้อ สุนทรสนาน” ครูสริ ยงยุทธ และ ครูสมพงษ์ ทิพยกะลิน เจ้าของเพลง หากภาพเธอมีวิญญาณ เงาแห่งความหลัง ชั่วคืนเดียวดื่มน้ำรัก ดอกพุดตาน ช่อรักซ้อน ท่องทะเลทอง สวรรค์บันดาล ฯลฯ นอกจากการบรรเลงและขับร้องเพลงของทั้งสองครูโดย วงดนตรีสุนทราภรณ์ วงใหญ่แล้ว คุณสุปาณี พุกสมบุญ ภรรยาในวัย 91 ปี จะนำทายาททั้งหญิงและชายของ “ครูสริ”  ซึ่งทุกคนเป็นศิลปินนักร้องนักดนตรี ขึ้นเวทีเล่นดนตรีและขับร้องเพลงด้วย

รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะมอบให้ ทายาทครูเพลง ทั้งสองท่านต่อไป ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองบัตรราคา 500 - 2000 บาท ได้ที่ ศูนย์บริการสุนทราภรณ์ โทร. 081-285-1427