ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการสวมหัวโขน รับหน้าที่หลายบทบาท แต่เมื่อโอกาสปั้นแต่งชีวิตให้สร้างสรรค์ จาก คนเบื้องหน้า พระเอกมากความสามารถ ที่รู้จักกัน วันนี้ “สตาร์เรโทร” สัปดาห์ต้อนรับ วันพ่อแห่งชาติ ขอตามไปดูการรังสรรค์ จัดระบบ งานราษฎร์-งานหลวง ของพระเอกและผู้จัดละครดัง “วุธ” อัษฎาวุธ เหลืองสุนทรกว่า 22 ปี ที่โลดแล่นในวงการ “วุธ” อัษฎาวุธ แจ้งเกิดจากภาพยนตร์โฆษณาคอฟฟี่เมท คู่กับ ซอนย่า คูลิ่ง ก่อนมีผลงานละครเรื่องแรก “บัลลังก์เมฆ” และจากนั้นคิวการแสดง ก็ไม่เคยหายไปจากตารางชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ อัษฎาวุธ อีกเลย..
ย้อนถึงจุดเปลี่ยนจากนักแสดงสู่อาชีพผู้จัดฯ
บริษัท ดูมันดี จำกัด เป็นโปรเจกท์ที่คิดไว้นานแล้วครับ แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ และช่องอนุมัติก็ใช้เวลาร่วม 7 ปี ระหว่างที่รอ
การอนุมัติ ผมใช้เวลาตรงนั้นในการเรียนรู้ หาความรู้เพิ่มเติม เพื่อดูว่าเรื่องที่เราส่งไปให้ช่องพิจารณามีข้อบกพร่องอะไร แล้วก็นำมาปรับแก้ไข การทำละครไม่ใช่การเล่นขายของ เราอยู่ในสมรภูมิของการแข่งขันจริงๆ ทุกอย่างเป็นเรื่องของธุรกิจ เพราะฉะนั้นการที่เราจะได้รับโอกาสนั้น ทางช่องต้องเห็นศักยภาพ และต้องมีความเชื่อใจก่อนว่าถ้าให้โอกาสเราแล้วเราจะทำได้ เพราะช่องต้องมีการแข่งขัน ผลของการแพ้ชนะทางธุรกิจย่อมส่งผลต่อช่อง ซึ่งทางเราเข้าใจจุดนี้ดี ผมถึงปรับปรุงแก้ไขอยู่ตลอดจนกระทั่งถึงวันที่ได้รับอนุมัติทำละคร
ผลงานแรกของบริษัท
ซิทคอมเรื่อง “วิวาห์ฮาเฮ” ตอนแรกที่รู้ว่าได้ทำละครเรื่องนี้ ผมกับทีมงานตื่นเต้นมาก ซีซั่นแรกมี 12 ตอน ทำกันแบบผิดๆ ถูกๆพอซีซั่น 2 ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ จนมาถึงปีที่ 3เราเริ่มเข้าใจทุกอย่าง และสนุกกับการได้ทำการทำละครก็เหมือนการเล่นละคร ต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า เพียงแต่ว่าระยะเวลาในการเตรียมตัวอาจจะไม่ยาวขนาดนี้ พอซิทคอมผ่านไป ทางช่องก็ให้โอกาสเราทำละคร “กู้ภัยหัวใจแหวว” เป็นละครเย็นที่เราถนัดมากขึ้น
“กู้ภัยหัวใจแหวว” ประสบความสำเร็จสูงสุด
ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้ผมได้ไอเดียมาจากเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ แล้วน้าชายของผมเสีย ตอนนั้นมีกู้ภัยมาช่วยกันเยอะมาก เราเลยรู้สึกว่ากู้ภัยทุกคนทำสิ่งดีๆให้กับสังคมเยอะ แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเขาในแง่ของพระเอกนางเอก ทางเราเลยให้พระเอกนางเอกมีอาชีพกู้ภัยเป็นหลัก แล้วละครเรื่องนี้ก็จับต้องง่ายเป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวัน มีอาชีพหลากหลายอยู่ในนั้นผสมกับเรื่องราวภายในสังคม และความเชื่อ ทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ เป็นละครที่ทำเรตติ้งสูงสุดในปีนั้นครับ
ความกดดันเพิ่มมากขึ้น
ด้วยความที่ละครเรื่องแรกประสบความสำเร็จ ทำให้เรื่องต่อๆ ไปถูกจับตามองจากทุกคนว่าละครจะออกมาเป็นยังไง แม้แต่บริษัทเองก็คิดว่าเรื่องต่อไปจะทำอะไรดี จะเอายังไงดี ทุกอย่างเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมคิดว่าสนุกดีครับกับการได้คิด สมมุติเรามีโจทย์มาว่าจะทำยังไงให้คนดูชอบ เราก็คิดกันไปเรื่อยๆจนกลายเป็นละครเรื่องต่อๆ มา
ความท้าทายใหม่ กับงานละครหลังข่าวเรื่องแรก
เรื่อง “พรายพยากรณ์” เป็นครั้งแรกของบริษัทที่ได้ทำละครหลังข่าว และก็เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่เราทำละครจากบทประพันธ์ เพราะที่ผ่านมาเราคิดพล็อต เขียนเรื่องกันเองมาตลอด ต้องบอกก่อนว่ากลุ่มคนที่ดูละครเย็นกับละครหลังข่าวอาจเป็นคนล่ะกลุ่ม หรือกลุ่มเดียวกันก็ได้ เราเลยต้องทำรีเสิร์ชข้อมูล ทำวิจัยเพื่อดูว่าสิ่งที่เราจะนำเสนอเขาจะเข้าใจไหมเรามีการประชุมแบบเป็นทางการ มีวิธีการเล่าเรื่องที่เปลี่ยนไป ผมคิดว่าคงต้องรอพิสูจน์กันในวันที่1 ธันวาคมนี้ครับ วันที่ละครออนแอร์ตอนแรก ว่าที่เราตีโจทย์มา ตรงใจกับผู้ชมรึเปล่า
รสชาติที่คุ้นเคย
ผมโตมากับอาหารรสชาติแบบช่อง 7 ถ้าเราเอาอาหารรสชาติแบบนี้ ไปเสิร์ฟช่องอื่น เขาอาจไม่ชอบรสชาติแบบเราก็ได้ เพราะรสชาติและรสนิยมแต่ละคนแตกต่างกัน แต่เมื่อเรารับบทพ่อครัวเราก็ต้องพยายามทำอาหารนานาชาติเพื่อให้ทุกคนทานได้หมดครับ
ยังมองตัวเองเป็น “มือใหม่”
ผมสนุกในการทำงานละครทุกเรื่อง แต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ทำให้เราต้องเริ่มต้นจากศูนย์เสมอ พระ-นางไม่ซ้ำเดิม หลักสูตรทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่ แม้คนอื่นจะเห็นงานเรามาเยอะ แต่กลับกันในมุมมองของเรา ผมคิดว่าพวกเรายังเป็นมือใหม่ที่ยังต้องพัฒนาตัวเองตลอด เราไม่รู้หรอกว่าโจทย์ต่อไปคืออะไร เรารู้แค่ว่าเราอยากทำอะไร ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูด้วยว่าสิ่งที่ทำพอดีกับที่ทางช่องต้องการไหม เหมือนกับการขายสินค้าเราอาจมีสินค้าไปเสนอให้ลูกค้าหลายอย่าง แต่ลูกค้าอาจจะเลือกสินค้าแค่ชิ้นเดียวก็ได้ครับ
ละครสไตล์ “ดูมันดี”
คือ ไม่ใช่แค่ละครสนุกแต่เป็นละครที่ให้สาระ และข้อคิดในการดำเนินชีวิต เราอยากให้คนดูละครได้อะไรกลับไป หรืออาจจะดูละครของเราแล้วไปสะดุดอะไรสักอย่างทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป นั่นคือจุดมุ่งหมายของเราครับ
อาชีพหลัก
ใจจริงผมยังรักการแสดงครับ เพียงแต่ว่างานผู้จัดฯ เป็นโอกาสที่ทางช่องหยิบยื่นให้ จึงอยากทำตรงนั้นให้ดีที่สุด
บทบาทความเป็น “พ่อ”
ผมเอาเวลาว่างจากกองละคร เทให้กับครอบครัว ตอนนี้ “น้องสิงห์” อายุ 5 ขวบแล้วครับ เราต้องคอยดูแลให้อยู่ในทางที่เขาสมควรจะไป แล้วพอถึงเวลาที่เขาเริ่มทรงตัวได้ เริ่มเรียนรู้ และเข้าใจอะไรมากขึ้น เราค่อยให้เขาจัดการตัวเอง เหมือนเด็ก
ที่ปั่นจักรยานเริ่มแรกต้องปั่น 4 ล้อก่อน แล้วค่อยๆ ถอดออกจนเหลือ 2 ล้อ ถ้าเราไม่คอยดูแล ชี้เส้นทางหรือให้คำแนะนำ เขาก็จะขาดความมั่นใจในตัวเอง ฉะนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่สำคัญ ผมถึงต้องคอยสอน และแนะนำเขา
สอนให้ลูกรู้จักความเท่าเทียม
ผมคิดว่าความเป็นลูกดารา หรือเจ้าของบริษัท ทำให้ไม่มีใครกล้าสอนหรือดุเขามาก ฉะนั้นผมคิดว่าให้เขาอยู่แบบไม่มีสิทธิพิเศษจะดีกว่า แล้วเขาจะโตแบบเด็กติดดิน ไม่งั้นเวลาไปไหนก็จะมีแต่คนที่พร้อมจะให้ โดยที่เขาไม่รู้ว่าเขาได้รับสิ่งนั้นเพราะอะไร การที่ได้รับความรักเพราะพ่อคุณเป็นเจ้านาย ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ต่อเด็กครับ ผมเลยอยากให้ลูกโตขึ้นมาแบบเท่าเทียม เหมือนที่พ่อ-แม่สอนเรามา ไม่ใช่ว่าอ้าวลูกดาราให้เขาก่อนสิ แล้วเขาจะติดนิสัยเหล่านี้ไปจนโต แล้วถ้าวันหนึ่งเราตายไป เขาก็จะอยู่แบบนิสัยเสียๆ นี้ ตลอดไปเราไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น เลยพยายามเลี้ยงเขาแบบคนธรรมดา
สไตล์การเลี้ยงลูกของ “พ่อวุธ”
ด้วยความที่ผมกับภรรยาเราจบครูกันมาทั้งคู่ฉะนั้นเวลาเราเลี้ยงลูกเราเลี้ยงให้เขาเป็นตัวของตัวเองแต่ในความเป็นตัวของตัวเองก็ต้องอยู่ในกรอบด้วย เป็นการผสมผสานครับ ถ้าอยู่ในกรอบมากเกินไปก็จะขาดความสร้างสรรค์ในชีวิต ถ้าเป็นตัวของตัวเองมากไปกรอบก็จะหายไป ฉะนั้นต้องเลี้ยงเขาแบบพอดีๆ และเข้าใจเขาครับ
จาก “ลูก” มาเป็น “พ่อ”
ผมเข้าใจหัวอกพ่อกับแม่มากขึ้น ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เรามักจะแก้ปัญหาของเราเองเท่ากับที่แก้ได้ก่อน ผมคิดว่าไม่ควรนำปัญหาไปให้เขาเพราะเขาเลี้ยงเรามาก็เหนื่อยแล้ว กว่าเราจะโตมาถึงทุกวันนี้ ตอนเด็กๆ ผมก็เคยดื้อ เคยมีพฤติกรรมแบบสุดโต่งมาแล้ว ฉะนั้นถ้าลูกเรามีพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้น เราคงไม่ได้ตกใจมาก เพราะเราก็เคยทำมาก่อน(หัวเราะ) เพียงแต่คิดว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่สามารถอธิบายให้ลูกเข้าใจได้ แต่สุดท้ายต้องให้เขาเลือกทางเดินชีวิตเองครับ
“โอกาส” คือที่มาของทุกสิ่ง
ที่ผมมีงาน มีทุกสิ่งในวันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือโอกาส ทุกวันนี้ผมถึงอยากให้โอกาสลูก และทุกคน รวมถึงทีมงาน ถ้าเราให้โอกาสเขา เขาก็จะให้โอกาสคนอื่นต่อ ต่อให้คนเรามีความสามารถมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้รับโอกาสเขาก็จะตายไปพร้อมกับความสามารถโดยที่เขาไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับตัวเองหรือสังคมเลย คนบางคนอาจมีความสามารถแปลก แตกต่าง และความสามารถเหล่านั้นอาจสร้างประโยชน์แบบที่เราไม่คาดคิดก็ได้ครับ หรือแม้แต่คนพิการใช่ว่าเขาจะไม่มีศักยภาพ เพียงแต่เราต้องค้นหาศักยภาพที่เหมาะสม และให้โอกาสเขาครับ
ได้มา และแบ่งปัน รังสรรค์ผลงานด้วยรัก และไม่ลืมที่จะบัญญัติบทบาท “พ่อ” ในแบบฉบับ “วุธ” อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ที่สอนลูกให้ “ติดดิน”!!
พรหมปภา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี