ถ้าไม่ล้ม! เราจะรู้ได้ยังไง ว่ารสชาติ
‘ความล้มเหลวในชีวิต’ เป็นแบบไหน!?
เป็นอีกหนุ่มที่ผ่านเรื่องราวชีวิตมาอย่างโชกโชน สำหรับ “บอล” อธิป นานา แม้จะมีอดีตที่ผิดพลาด แต่เขาไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค กลับใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นครูในการดำเนินชีวิต เรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาทีละก้าว เพื่อให้ผ่านพายุร้ายลูกใหญ่หลายต่อหลายลูก อันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต โดยรวมแล้วคงหนีไม่พ้น ลูกสาววัย 3 ขวบที่เป็นทั้งแก้วตาและดวงใจของเขาอย่าง “น้องซาร่า” กับ ภรรยานอกวงการ ที่รักกันมากว่า 5 ปี “สตาร์เรโทร” สัปดาห์นี้ จะพาไปดูชีวิตฟ้าหลังฝนของหนุ่มมาดเซอร์แถมด้วยมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนและแปลกแบบไม่เหมือนใครของ “บอล” อธิป นานา
เริ่มต้นด้วยการปรับตัว
ผมปรับจากดารามาเป็นแค่คนธรรมดา ตอนแรกต้องปรับตัวเยอะมากนะ เพราะการเป็นดาราเงินเข้ามาง่ายมาก พอเริ่มมาทำธุรกิจเงินจะดร็อปไปมากเลย คุณต้องค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ชีวิตก็เดินต่อไป ค่อยๆ ปรับตัวครับ ซึ่งเส้นทางธุรกิจเป็นอะไรที่เครียดมากนะ คือ ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองดีๆ ก็โอเค แต่โลกเรากลับมีคนเห็นแก่ตัวคนที่พยายามเอาเปรียบที่เราต้องดูแลดีๆแต่ผมคงไม่กระโดดไปทำธุรกิจอะไรที่ใหญ่เกินตัว คงใช้สิ่งที่เรามีทำให้มันดีที่สุดครับ
ปัจจุบันของผู้ชายชื่อ “บอล” อธิป นานา
พูดได้เต็มๆ ครับว่าไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงแล้ว แต่ก็มีแอบไปเล่นหนังอยู่เรื่องหนึ่งเป็นนักแสดงรับเชิญมีพี่เรย์ แมคโดนัล เป็นพระเอก เป็นหนังเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม “หนังเทิดเกียรตินบีมุฮัมหมัด” ผมไปรับเชิญไม่กี่ฉากครับ แต่มีรูปผมบนโปสเตอร์หนังด้วย วันที่ผมไปเข้าฉากผมตื่นเต้นจนลืมบท ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน เรื่องแรกที่เล่นคือ โอปปาติก (โอ-ปะ-ปา-ติ-กะ) ก่อนเล่นเราคิดว่าโอ๊ยทำงานแบบนี้สบาย บทก็ไม่เยอะ เราเคยผ่านมาแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ ต้องเข้าฉากกับอาสุเชาว์ นี่แบบอึ้ง!! เรย์ ก็เข้ามาปลอบว่าโอเคไม่เป็นไร ตื่นเต้นใช่ไหม ไม่ได้เข้าฉากมานาน แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปด้วยดีครับ
สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในวงการบันเทิง
ผมทำเพลงอยู่ด้วยครับ ทำเวอร์ชั่นเดโมเสร็จแล้วชื่อวง “มอนสเตอร์” คิดว่าอาจจะได้ฟังภายในปีนี้นะครับ เป็นดนตรีร็อกจริงจัง อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมยังคงเหลือในวงการบันเทิงที่คงจะทำอยู่ เพราะจริงๆ ผมชอบร้องเพลงมานานแล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตัดสินใจที่จะมาร้องเพลงเอาตอนแก่ไปหน่อย มานึกย้อนดูว่าเอ๊ะตอนนั้นเราน่าจะร้องเพลงเนอะ ทำนั่นนี่ก็มาหลายอย่างแล้ว ซึ่งการร้องเพลงเป็นสิ่งหนึ่งที่เราชอบจริงๆ แต่เอ๊ะทำไมไม่คิดที่จะทำ อย่างการเป็นนักแสดงผมก็เฉยๆ มากนะ ผมเพียงแค่ชอบเป็นพิธีกร ชอบพูดเท่านั้นเอง
ความภาคภูมิใจในธุรกิจครอบครัว
ผมมีบริษัทอีเว้นท์ชื่อว่า “Bangkok Fanatix” อยู่แถวอาร์ซีเอ ตรงข้ามกับสลิม มีมา 10 ปีแล้วครับ น้องชายผมเป็นคนดูแลอยู่ เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ เพราะเริ่มจากการไม่มีอะไรเลย แล้วที่ดินเป็นสิ่งที่ครอบครัวผมทำมาตั้งแต่รุ่นทวด อย่างบริษัทที่ดินที่บ้านก็เพิ่งครบ 100 ปีไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นที่ดินของที่บ้านก็ช่วยๆ กันบริหาร ส่วนใหญ่จะดูความเหมาะสมของผู้เช่าเพราะคุณทวดผม “ตระกูลนานา” เขาบอกว่า “ห้ามขายที่ดิน” เขาบอกว่า “ที่ดินที่บ้านถ้าอยากมีเงินก้อนก็เอาไปเซ้งซะห้ามขายเด็ดขาดเพราะเดี๋ยวมันจะไม่มีเหลือไว้ให้รุ่นต่อๆ ไป” นั่นเป็นคำสั่งเพราะฉะนั้นจะไม่มีขาย มีแต่ปล่อยเช่าระยะสั้นระยะยาวก็ว่าไปครับ
ธุรกิจที่หมายมั่นปั้นมือ
งาน ขยะรีไซเคิล ครับ ผมรับซื้อขยะมาสองสามปีแล้ว ตอนนี้ผมรับซื้อพวกกระดาษทุกเดือนนะ แล้วก็มีพวกพลาสติก ขวดน้ำ ซึ่งก็มีหลายเกรด ราคาต่างกัน โลหะ ทองแดง แต่ผมไม่ได้รับซื้อหมดนะ ซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจที่คนอาจจะคิดว่า คนส่วนใหญ่จะอี๋กับขยะ ของเสีย ของทิ้ง แต่ผมยืนยันได้เลยว่ากำไรของมันนี่หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ เอาเป็นว่าถ้าสามารถหาขยะได้ อย่างสมมุติเราซื้อขวดน้ำมากิโลละ 20 บาท ถ้าเราเอามาแยกเองได้ หรือมีเครื่องรีไซเคิลเองก็จะดีมาก เราก็เอาขวดนั้นไปบดแล้วมันจะออกมาเป็นเม็ดๆ เอาไปใช้ใหม่ขายได้กิโลละมากกว่า 40 บาทนะ เพราะฉะนั้นในธุรกิจนี้ก็จะมีการแย่งกันบ้าง และเรามักจะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งธุรกิจนี้ในเมืองไทยอาจจะเพิ่งเติบโตขึ้นมาได้ไม่นานครับ
เหตุที่มารับซื้อขายขยะรีไซเคิล
ตรงนี้ผมทำไปเพราะรู้สึกว่าเราทำให้โลกสะอาดขึ้น โลกเขียวอาจจะฟังดูกระแดะนิดหนึ่งแต่จริงๆ มันเป็นการช่วยเหลือโลกนะ คือเราสบายใจด้วยแหละ และเป็นงานที่ไม่ได้ตั้งใจทำหรอกครับ อยู่ดีๆ เพื่อนทำ แล้วอยากให้ผมช่วยเขาอยากได้ขยะ ผมก็เข้าไปช่วย ไปๆ มาๆ เพื่อนเลิกทำ บวกกับผมก็มีข้อได้เปรียบรู้จักคนเยอะ มีคอนเนคชั่นก็เลยจัดการเองทุกอย่าง และรู้ตัวว่าเราน่าจะทำได้นะก็เลยทำเองแต่จริงๆ อยากทำมากกว่านี้ อยากจะมีตลาดที่เยอะเหมือนเมืองจีน ผมเชื่อว่าคนที่โน้น ขยะสามารถทำเงินให้เขาเป็นพันๆ ล้านนะ แต่ผมไม่ได้จะทำเป็นธุรกิจใหญ่โตอะไรขนาดนั้นครับ แค่คล้ายๆ เป็นพ่อค้าคนกลางมากกว่า
ความสนุกของการทำงานกับขยะ
ได้ตังค์ไง (หัวเราะ) ผมชอบนะ บางทีไปโรงงานขายขยะ เหล็ก พลาสติก ผมชอบ ไม่ได้รังเกียจเลย กองกระดาษ กองขวด ผมไม่อี๋นะ อย่างที่เขาบอกว่า “ขยะคือทองคำ” คุณเห็นกองขยะหนึ่งเนี่ยอาจจะมีมูลค่าเป็นยี่สิบล้านก็ได้นะอย่าดูถูกไป ใครจะไปรู้ ในเมืองไทยก็มีนะประมูลขยะเป็นสิบๆ ล้าน!!
ก้าวต่อไปในอนาคต
ที่ดินของ นานา มีเยอะมาก แล้วที่ผ่านมาที่บ้านผมก็ไม่ได้เสี่ยงอะไรมีแค่ให้ผู้เช่า แต่ผมคิดว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ผมมองว่าผมอาจจะขอลองเอาสักสถานที่จากที่เคยปล่อยเช่า แยกออกมาเพื่อเรียนรู้ว่านานา จะมีการพัฒนาได้เหมาะสมแค่ไหน เพราะผมคิดว่าการมีที่ดินมันเป็นข้อได้เปรียบมาก อย่างแสนสิริ คิวเฮ้าส์ ขึ้นเรื่อยๆ นะเขาก็ต้องซื้อที่ดินตลอด เพราะที่ดินเป็นค่าใช้จ่ายหลัก แต่บ้านผมมีอยู่แล้ว หมายความว่า คนอื่นอาจจะเสีย 60% ไปกับค่าที่ดิน และค่าก่อสร้างอีก 40% แล้วสมมุติเขาขายได้ 1,000 กลับกันของผมต้องเสียแค่ 40% แต่ก็ขายได้ 1,000 เหมือนกัน แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ ผมก็พยายามไปคุยกับที่บ้านอยู่ ซึ่งเขาบอกว่า “จะหาเรื่องทำไมในเมื่อทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว” ผู้ใหญ่ไม่อยากให้ไปเสี่ยง เพราะเราก็ไม่เคย ซึ่งผมก็บอกว่านี่ไงผมก็อยากจะไปเรียนรู้อะไรอย่างงี้ แต่ยังไงผมก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการทำเกี่ยวกับที่ดินแหละครับ เพราะที่บ้านผมญาติเยอะด้วยมีเป็นสิบๆ คน ในที่สุดผมก็อาจจะเป็นนายห้างเก็บค่าเช่าไป(หัวเราะ)
ความคิดถึงงานในวงการบันเทิง
ถ้ามีคนติดต่อมา? อืม…คงไม่รับทุกอย่างนะครับ และพูดเลยตอนนี้ปากมันคันมาก เฉาปากมาก ยังคิดอยู่ว่าอยากจะกลับมาเป็นพิธีกรหรือดีเจ อะไรก็ได้เกี่ยวกับการพูดผมพูดได้เรื่อยๆ นะ สนุกกับการที่จะพูด พี่ติ๊ก กลิ่นสีเคยบอกว่า บอลมันเป็นคนที่พูดจนลิงหลับ(หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเอาไมค์มาเถอะ สอนหนังสือก็เคยสอนมาแล้วสอนพิเศษที่เอแบคเป็นวิชาแบรนดิ้ง สอนวิชาภาษาอังกฤษ สอนเดือนเดียวครับ ซึ่งบุคลิกและหน้าตาก็ไม่ค่อยเหมือนคนมีการศึกษาเท่าไหร่(หัวเราะ) หลังจากนั้นก็เลยไปซื้อแว่นมาใส่ เดี๋ยวเขาจะไม่เชื่อว่าจบปริญญาโท คราวนี้ก็ดูมีคุณวุฒิหน่อย ถ้าให้ไปสอนอีกก็ไปนะ แต่ช่วงที่ออกไป เพราะเอแบคเขาหยุดรับอาจารย์พิเศษ
ย้อนถึงความผิดพลาดในอดีต (เคยถูกศาลตัดสินจำคุก 7 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปีคดีมีกัญชา-โคเคน ไว้ในครอบครอง เมื่อปีพ.ศ. 2553)
เคยทำตัวไม่ดีมาเสียใจไหม? ผมไม่เสียใจนะเพราะว่าชีวิตคือการเรียนรู้ครับคนเราบางทีต้องมีทำผิดทำถูกบ้าง ถึงจะเกิดการเรียนรู้ไม่มีใครเกิดมาตรัสรู้ทุกอย่างหรอก ช่วงนั้นอาจจะเป็นวัยด้วย อารมณ์ด้วย ที่ไม่เสียใจเพราะว่าอะไรที่เราทำผิดพลาด เราก็เรียนรู้จากมัน เป็นบทเรียนที่ดีมากๆ เลย แต่ก็ยอมรับนะว่าเราพลาดไป ซึ่งผมไม่ได้เกิดมาเป็นเทพบุตรอย่างที่บอก ทำอะไรผิดไปผมก็ไม่ได้อยากจะทำหรอกเรื่องไม่ดีเรื่องร้ายๆ ในชีวิตแต่เราเลือกไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะทำอะไรกับสิ่งที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นชีวิตมีจุดต่ำ ขึ้น ลง ถ้าไม่ล้มมันจะรู้ได้ไงว่ารสชาติความล้มเหลวในชีวิตจะเป็นยังไงแล้วค่อยกลับมาให้มันดีกว่าเดิม ก็เป็นชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ เนี่ยแหละชีวิตครับ ก็เป๋เกือบเสียผู้เสียคนแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวนี้มีเพื่อนมาชวนไปเที่ยวทองหล่อผมรู้สึกว่า เสียงก็ดัง ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด จนผมคิดว่านี่ผมแก่หรืออะไร แล้วถามตัวเองว่าออกมาทำไม แค่ขับรถไปกินก๋วยเตี๋ยวปากซอย ยังมีความสุขกว่าเยอะเลย คือตอนนั้นผู้ใหญ่เตือนก็ไม่ค่อยจะฟัง แต่พอผ่านมาสิบกว่าปีนี้หลายอย่างมันง่ายขึ้นเยอะเลย
มีความสุขกับชีวิตครอบครัว
ภรรยาผมเป็นคนนอกวงการครับ แล้วผมไม่อยากจะออกสื่อเลย อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว แต่ชีวิตคู่ก็เป็นปกติครับ มีขึ้นมีลง เรื่อง
ความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและทุ่มเทให้มันตลอดเวลา ไม่มีหรอกเจ้าชาย หรือรอราชรถมาเกย ถ้าไม่ช่วยกันเติมเต็มหรือประคับประคองกันไปเรื่อยๆ เหมือนเรามีของดีแล้วปล่อยปละละเลยไม่เช็ดไม่ขัดมันจะกลายเป็นของดีได้ยังไง แต่คืออย่างน้อยข้อดีคือ คนเราต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ผมมีลูกสาว 3 ขวบ 1 คน ชื่อซาร่าครับ จริงๆ ตอนแรกอยากจะได้ลูกชายนะ ตั้งชื่อลูกชายไว้อย่างเดียวเลย แต่พอได้ลูกสาวก็น่ารักนะ ไม่อยากจะออกจากบ้านไปไหนมันทำให้ผมจ๋อยไปเลยความซ่าส์ต่างๆ ดูสิผมหงอกขึ้นเต็มเลย(หัวเราะ) (จะมีอีกสักคนดีไหม?) ก็ต้องดูก่อนครับ เพราะจริงๆ ผมชอบเด็กนะ อย่างตระกูลผมลูกพี่ลูกน้องผมอุ้มมาหมดทุกคนแล้ว แต่ตอนนี้ขอเลี้ยงคนเดียวก่อน เอาให้รอดก่อนแล้วดูลูกคนนี้ด้วยว่าได้ความแค่ไหน(หัวเราะ)
เหนื่อยแต่แฮปปี้
ผมบอกทุกคนเลยนะ เหนื่อยที่สุดเลยว่ะมีลูกเนี่ย แต่มันก็มีความสุขนะ เอาจริงๆ สมัยก่อนผมเป็นคนกลางคืนมาก ไปหมดทุกที่ แต่ตอนนี้ตื่น 7 โมงเช้า ประมาณ 3 ทุ่มก็ง่วงละ หลับ พอกันทีชีวิตวัยหนุ่ม เอาจริงๆ นะ ผมไม่ค่อยอยากให้คนเห็นหรือจำได้หรอก เพราะว่าตั้งแต่มีลูก ชีวิตผมเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาก อาจจะเป็นเพราะว่าชีวิตผมไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก สมัยก่อนผมมีเตียงนอน มีข้าวกินทุกวันอยู่แล้ว ทุกอย่างทำเพื่อตัวเอง อันนี้คือผมโชคดีกว่าคนอื่นนะ ยังไงก็สบายอยู่แล้ว ผมทำอะไรก็ได้ ตั้งใจทำงานหาเงินเพื่อให้ได้ใช้ แต่พอมีลูกชีวิตเราไม่สำคัญต่อไปแล้ว มันหมดเวลาที่จะคิดถึงตัวเองแล้ว และอย่างที่บอกผมอาจจะดูไม่เป็นผู้เป็นคนกับเขาเท่าไหร่ เป็นคนไม่ตั้งใจแล้วแต่อารมณ์ช่วงไหนไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ผมตื่นเช้าส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน คือต่อให้เราเหนื่อยหรือท้อแค่ไหนแค่มองไปที่ลูกสาวมันก็จะหายและลืมตัวเองไปเลย ตอนนี้โดยรวมของผมก็อยู่เพื่อลูก เคยห่างจากเขามากสุดไม่เกินสองวัน สองคืนนี่คิดถึงแทบตาย
คุณพ่อสไตล์ อธิป นานา
ผมเป็นพ่อที่ใจดีเกินไปครับ ผมสปอยล์ลูกมากเกินไป ผมรู้นะว่าอะไรดีไม่ดี ควรนอนเร็วนะ อันนี้ไม่ให้ทาน คนอื่นไม่ให้ แต่ผมบอก เอาเลยลูกพ่อให้ แต่ไม่ใช่ตลอดนะ จริงๆ ใจดีเกินไป ผมว่าการใช้วิธีสอนแบบเนี้ยบกับทุกคนไม่ได้ เพราะจริงๆ พ่อแม่ก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างหรอกนะ ก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ
วางแผนอนาคตให้ลูกสาว
ผมคอยดูและประเมินลูกสม่ำเสมอครับ ไม่ได้บอกว่าโหยโตขึ้นต้องไปเป็นนางแบบนะ ผมไม่ได้มองไกลมากผมอยากจะดูเบสิกเขาก่อน ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าลูกผมเพิ่งพูดรู้เรื่อง กำลังเรียนหนังสือ ขอศึกษาดูข้อดีข้อเด่นของเขาก่อนว่าจะไปทางไหน ทุกคนก็อยากให้ลูกได้ดีทั้งนั้นแหละครับ แต่ว่าบางทีมันก็ต้องถามลูกด้วย ไม่ใช่บังคับให้เรียนพิเศษนู่นนั่นนี่ ผมก็จะบอกลูกว่าอย่าบ้าเหมือนพ่อนะลูก
ความต้องการในชีวิตต่อจากนี้
ถ้าผมจะตายวันนี้ผมจะตายอย่างยิ้ม เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาถึงวันนี้ ผมทำอะไรบ้าๆ บอๆ แปลกๆ แต่ทุกอย่างมันก็เป็นการใช้ที่ผมอยากเลือก และเลือกไว้ ไอ้ชีวิตที่ใช้ๆ แบบคุ้มค่าเนี่ยผมก็ไม่เข้าใจว่าบทจะขึ้นมันก็เป็นเส้นที่ขึ้นไปจนสุด ลงก็ลงสุดๆ เหมือนรถไฟเหาะเลยครับ ผมเหนื่อยมาเยอะละ ตอนนี้ถามว่าผมอยากได้อะไรผมอยากขออีกสัก 10 ปี ก็ได้ ขอเป็นเส้นตรงราบเรียบ นิ่งๆ สบายๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ทำเพื่อลูกมากกว่า ไม่อยากจะออกงาน ไม่อยากให้คนเห็น อยู่กับลูกที่บ้าน หรือพาลูกไปเล่นของเล่นที่เซ็นทรัล ชิดลม ดีกว่า ยอมรับว่าชีวิตมีความสุข สงบสุขกว่าอยู่ในวงการ ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่พายุสงบที่สุด สงบนิ่ง มีทิศทาง มีเส้นทางชัดเจนว่าต้องทำอะไรยังไง รู้สึกว่ามันไม่วุ่นวาย เฮ้อ….. (ถอนหายใจยาวๆ)ออกไปไหนไม่มีใครจำได้แล้วดีจัง(หัวเราะ)
ฝากถึงวัยรุ่นวัยมันส์
หนึ่ง เรียนต้องตั้งใจเรียนหนังสือ แล้วผู้ชายสมัยนี้ ไม่ค่อยมีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะ ไม่ค่อยรู้จักการให้เกียรติ เด็กรุ่นใหม่เป็นวัตถุนิยมกันเหลือเกิน แต่บางทีโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ดีนะ บางทีการไหว้ผู้ใหญ่การเคารพผู้ใหญ่ รุ่นพี่ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่ก็เข้าใจแหละว่าเขาคงคิดว่าตัวเองแรง หรือหลายอย่างที่เด็กวัยรุ่นกำลังทำอยู่ผมคิดว่าผิด โดยเฉพาะเรื่องเรียนนะ สมมุติว่าช่วงเวลาเรียนมีเด็กเป็นร้อยคนที่โดดเรียนหนังสือเพื่อไปแคสงานโฆษณาซึ่งส่วนใหญ่จะมีสักกี่คนที่ได้เข้าไปเป็นพระเอก เอาเวลาตรงนั้นไปตั้งใจเรียนก่อนเถอะ มัวแต่มุ่งผิดอย่าง เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกได้ว่าจะทำอะไรกับชีวิตที่เราได้มา เพราะฉะนั้นชีวิตของเราก็แล้วแต่ตัวเราตราบใดที่ยังมีเวลาก็ทำมันขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะครับ
มนุษย์หรือสัตว์ทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้ไม่มีชีวิตไหนที่สามารถเลือกเกิดได้อย่างที่ต้องการไม่มีเส้นทางไหนโรยด้วยกลีบกุหลาบสวยงาม ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรือเพอร์เฟกท์ร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกคนล้วนเคยล้มลุกคลุกคลานผิดพลาดแตกต่างกันไปเพราะชีวิตคือการเรียนรู้ อย่าลืมนั่งสำรวจ หมั่นตรวจสอบและทดสอบวิชาชีวิตของตัวเองในปัจจุบันอยู่เสมอเพื่อพัฒนาสู่ความก้าวหน้าในอนาคตกันนะคะ
กระแตน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี