ยังจำกันได้ไหมคะกับนักแสดงสาวหน้าสวย ฝน-วรรณวลัย สุรีย์เดชะกุล (โปษยานนท์) ที่เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นเธอผ่านทางหน้าจอทีวี.หรืออีเว้นท์ทั่วๆ ไป เพราะตอนนี้เธอหันไปเอาดีด้านการทำเค้กขายภายใต้ชื่อร้านแสนเก๋ Finish Me Cupcakes ซึ่งถือเป็นงานหลักที่เธอยึดเป็นอาชีพ พร้อมๆ ไปกับการสร้างชีวิตครอบครัวกับสามี คุณอุ๊-อนุสรณ์ สุรีย์เดชะกุล และลูกชายทั้ง 2 คน น้องฟิน-ภูริช และ น้องจิน-จิณณ์ พอมีโอกาส“ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” จึงขอบุกไปเยี่ยมเธอถึงบ้านที่สนามบินน้ำและไม่พลาดที่จะตามเก็บเบื้องหลังการทำงานของเธอในอีกบทบาทกับตำแหน่งคุณแม่ (บ้าน)ที่เธอบอกว่าทุกสิ่งอย่างต้องใช้ใจบริหารและจัดการด้วยความรักและเข้าใจ แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะมีแต่บวกและคูณเท่านั้น ไปติดตามความสุขในครอบครัวของเธอพร้อมๆ กันค่ะ
ที่มาของ Finish Me Cupcakes (ฟีนิชมีคัพเค้ก)
ย้อนกลับไปประมาณเมื่อ 10 ที่แล้ว ฝนแต่งงานแล้วได้คุยกับสามีว่าถ้าเราแต่งงานกันมีลูกเมื่อไหร่เนี่ยขอให้ออกจากวงการ เพราะสามีฝนเป็นนักบินไม่มีเวลา อยากให้ฝนหยุดอยู่บ้านดูแลลูกๆ ฝนก็โอเค ตอนนั้นก็เลยย้ายจากในเมือง ออกมาอยู่แถวสนามบินน้ำเนี่ยแหละค่ะ ซึ่งใกล้กับคุณพ่อ คุณแม่ด้วย ตอนนั้นท้องคนโต คือน้องฟินหลังจากคลอดลูก ช่วงปีนั้นบ้านไกลจากเมืองมาก กว่าจะเข้าไปในเมืองขับรถค่อนข้างนาน ฝนชอบกินขนมเค้กมากตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว จะไปทุกที่เพื่อตะลุยหาขนมเค้กกิน แล้วตอนนั้นจำได้ว่าชอบดูหนังเรื่อง Sex and the City มาก ดารานำ ซาราห์ เจสสิก้า ก็จะชอบไปกินคัพเค้กแม็กโนเลีย ก็นั่งคิดว่ากว่าเราจะไปถึงนิวยอร์กคงอีกนานนะ ลูกก็เพิ่งคลอด เอ๊ะแล้วทำไมเราไม่ลองทำเองบ้าง ก็เลยลองดู
แรกๆ ไม่รู้วิธีทำอะไรเลย เค้กสักอย่างไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต แต่ก็ไม่ได้ไปเรียนอะไรนะคะ เลี้ยงลูกไป อุปกรณ์แรกที่ซื้อชิ้นแรกคือ เครื่องปั่นมือ ไปซื้อตำราทำในร้านหนังสือ แล้วก็เอามาทำกับแม่บ้าน เปิดหน้าแรกเริ่มทำทีละสเต็ปไป ทำเสร็จครั้งแรกให้สามีชิม เขาก็บอกว่าโอ้ว…โยนลงพื้นนี่เด้งได้อ่ะคะ(หัวเราะ) เราก็ไม่ยอมแพ้นะเอ๊ะทำยังไงให้มันอร่อย ตั้งแต่วันนั้นก็พยายามทำทุกวันฝึกกับตำรา จนกระทั่งอินเตอร์เนตเริ่มเข้ามา มีป๋ากู (Google) ก็เข้าถามคุณป๋า เสิร์ชทุกวัน จนกระทั่งเรียนรู้ไปในแต่ละขั้นตอนไปเรื่อยๆ ปีนั้นก็เรียกว่าทำเค้กทุกวันค่ะทานได้บ้างไม่ได้บ้าง คุณพ่อ คุณแม่ก็ชิม จนวันหนึ่งฝนจำได้ว่าทุกอย่างเริ่มเปลี่ยน ทำเค้กเสาวรส เป็นชีฟอง ก็ชวนคุณพ่อคุณแม่มาทาน จากแต่ก่อนกินไม่ได้เลยเริ่มอร่อย ตาเริ่มลุกวาว ฝนเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น ก็คิดจริงจัง
แล้วจุดที่เปลี่ยนสุดก็คือ ที่หมู่บ้านจะมี Big Saleฝรั่งเยอะมาก ฝนก็ทำคัพเค้กขายตื่นเต้นมาก 40 นาทีแรกขายหมดเกลี้ยงเลย 100กว่าชิ้น อร่อยหรือเปล่าไม่รู้ ฝรั่งกินหมด (หัวเราะ) โอ้โหสุดยอด เป็นกำลังใจต่อตัวเองมากตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเค้กที่เราทำขายได้ 8,000บาท ดีใจมาก ก็เลยดีใจ ฮึดมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เริ่มรีวิวลงอินเตอร์เนตขาย บอกเพื่อนต่อๆ กันไป เพื่อนก็เห็นใจด้วยความที่เห็นอยู่บ้านเลี้ยงลูกไม่ได้ออกไปไหนเลย กลายเป็นปากต่อปากบวกกับฝนก็เริ่มเขียนบล็อก คัพเค้กแกลลอรี่ มีคนติดตามเยอะมากทั้งฝรั่งและคนไทย และตอนนี้ฝนทำมาเข้าปีที่ 9แล้ว ถ้าใครสนใจก็ลองแวะเข้าไปสั่ง หรือดูเค้กที่ฝนทำได้ที่ IG:Fonwanwalai หรือ แฟนเพจ FB:Fin-ish MeCupcakes จะมีเค้กรูปแบบต่างๆ ตามที่มีคนสั่งลองดูนะคะ
ชีวิตใหม่ที่ต้องเรียนรู้
ตอนทำงานในวงการ เหมือนเป็นชีวิตเล่มหนึ่งของฝนเลยนะคะ และตอนนี้ก็ได้กลายมาเป็นอีกเล่ม คือเป็นหนังสือคนละเล่มกัน เป็นหนังสือเล่มใหม่ซึ่งได้อยู่กับลูกทุกวัน ไปส่ง-รับ ไปโรงเรียน อยู่บ้านสามีกลับมาทำกับข้าวให้ทาน งานทุกอย่างเรากำหนดเอง รับเค้กทำกี่ชิ้นๆ ก็แล้วแต่ฝน ส่วนเล่มที่อยู่ในวงการก็จะเป็นเล่มของสาวโสดที่ยังไม่ได้แต่งงาน จำได้เข้าวงการประมาณอายุ 21 กลับจากเมืองนอกจำได้ว่าครั้งแรกไปแคสติ้งแป้งเพียซ และได้เป็นโฆษณาแรกด้วย จากนั้นก็ได้เล่นละครของค่ายบรอดคาซท์ฯช่อง 3 เรื่อง ร่วมงานรัก แล้วก็เข้ามาเป็นนางเอกช่อง 5 งานก็เข้ามาเรื่อยๆ ทำอยู่เกือบ 10 ปี มีถ่ายโฆษณากานิเย่เล่นละคร ถ่ายหนัง เรียกว่าก็ได้ประสบการณ์ไปเยอะจากวงการบันเทิงค่ะ
ย้อนดูตัวเองจากผลงานเก่าๆ
พูดตามตรงนะคะดูตัวเองเล่นละครแล้วเขินตัวเองมาก 10 ปีที่แล้วหน้าเรานี่เด๋อมาก ดูเป็นคนละคนเลยจริงๆ เห็นแล้วเชยมาก บวกกับภาษาไทยก็ไม่ค่อยชัดอีก คือพูดง่ายๆ ว่าเล่นก็เล่นไม่เป็น แต่ก็สนุกชอบ ฝนชอบที่ตัวเองเล่นคือ บังเอิญรวยช่วยไม่ได้ ช่อง 5 เป็นเรื่องที่เล่นแล้วสนุกมากถ้าถามว่าคิดถึงการทำงานในวงการบันเทิงไหม บอกได้เลยค่ะว่า คิดถึง เพราะเป็นงานที่สนุก ชอบมากเวลาไปถ่ายโฆษณา อย่างกานิเย่ดีใจมากที่ได้รับเลือกเป็นคนแรกในเอเชียที่แพร่ภาพไปทั่วเอเชีย และที่ประทับใจมากก็คือ ได้ไปถ่ายที่ปารีสกับปราก สนุกมาก ได้เที่ยวด้วย แต่ถ้าตอนนี้มีผู้จัดหรือใครชวนเล่นละครคงคิดหนักค่ะ เพราะห่างมานานแล้ว คงต้องเคาะสนิมกันนานหน่อย สมองก็ไม่รู้จะจำบทได้ไหม แต่ถ้าเป็นจัดเค้กทำเค้กให้อันนี้พอไหวค่ะ (หัวเราะ)
แฟนคลับของเรา
จำได้ตอนนั้นผู้จัดการมาบอกว่า นี่เธอไปออกข่าวให้สัมภาษณ์ใช่ไหมว่าเธอขับรถไม่ไหวเวลาไปกองละคร เราก็บอกว่า ใช่ค่ะ แล้วผู้จัดการก็บอกว่านี่เธอรู้ไหมมีคุณลุงคนหนึ่งมาจากสุพรรณบุรีมาหาที่หน้าบริษัทโมเดลลิ่ง บอกว่าจะมาสมัครเป็นคนขับรถให้คุณฝน วรรณวลัยน่ารักมากตอนนั้นจำได้ (หัวเราะ) แล้วก็มีเขียนจดหมายมาหา แต่เราก็ตอบกลับเขียนภาษาไทยไม่เป็นไง คิดแล้วก็คิดถึงนะช่วงเวลาเหล่านั้น เล่นละครก็พูดไม่ชัด แต่เป็นช่วงชีวิตที่สนุกมากๆ (หัวเราะ) บางทีเราก็ไม่เข้าใจบทเพราะเป็นภาษาไทยด้วย พูดก็ต้องเรียนรู้ว่าถ้าอยากให้ชัดก็ต้องพูดช้าๆ อ้าปากกว้างๆ แล้วไหนจะอารมณ์อีกที่พอเราไม่เข้าใจมันก็จะไปไม่ถูกกับบทนั้นๆ
ความฝันต่อจากนี้
อยากจะเขียนหนังสือ แกลเลอรี่บุ๊ค เป็นภาพเล่มใหญ่ๆปกแข็งๆ แต่ก็ต้องเก็บเกี่ยวและหาสูตรของตัวเองไว้เยอะๆ คือเป็นคนที่ชอบมากอะไรที่เกี่ยวกับเค้กวันๆ สามารถที่จะนั่งปั้นอยู่ได้ทั้งวัน เพื่อนมาเห็นยังแปลกใจว่าเฮ้ยทำได้ยังไง นั่งบี้ๆ ได้ทั้งวันไม่เหนื่อยเหรอ แต่ฝนบอกว่าเรามีความสุขมากนะกับการปั้น
เมื่อต้องมารับบทคุณแม่ในชีวิตจริง
ฝนมีลูกคนโตตอนอายุ30 คือน้องฟิน พอฟินได้ขวบหนึ่งท้องอีกเลย (หัวเราะ)หัวปีท้ายปี ชีวิตก็เลยเต็มที่กับลูก24 ชั่วโมง แล้วก็ทำเค้กไปด้วย ทั้งวันก็จะยุ่งอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ฝนเป็นแม่ที่ดุบ้าง แต่ค่อนข้างจะเป็นแม่สมัยใหม่ค่ะ ไม่ได้บังคับว่าลูกต้องเรียนพิเศษนะ จะเลี้ยงสไตล์ที่พ่อ-แม่เคยเลี้ยงฝนมา ให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ไปกำหนดเขา อย่างตามตำราบอกว่า คุณต้องให้ลูกเลิกขวดนมตอนอายุเท่านี้นะ แต่ฝนจะไม่ทำแบบนั้น ฝนดูว่าลูกฝนพร้อมเมื่อไหร่ให้เขาทำ ตัดสินใจเองว่าคุณโตพอแล้วที่จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง (ยากไหมกับการเลี้ยงน้อง 2 คน?)จะบอกว่ายากไหมก็ยาก แต่ถ้าบอกว่าง่ายมันก็ง่ายนะคะ มันอยู่ที่ตัวเราว่าเราคิดว่ามันเหนื่อยหรือเปล่า แต่ถ้าเราไม่ได้คิดอย่างงั้นวันๆ ก็ผ่านไปด้วยความคิดที่ว่ามันก็มีความสุขนะ เขาก็เหมือนเพื่อนเราลูกจะเป็นเหมือนยาวิเศษให้เราในช่วงเวลาลำบากของชีวิตนะฝนว่า แค่มองหน้าก็หายเหนื่อย ปัญหาต่างๆ ก็ไม่เก็บมาเป็นประเด็น
อุ๊-อนุสรณ์ (สามี) : ผมว่าฝนเขาเป็นแม่ที่ค่อนข้างเท่นะ เลี้ยงลูกแบบผู้ชายเพราะผมว่าตัวเขาเองก็คงมีมุมแมนๆ ด้วยเหมือนกัน ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเท่าไหร่ ของเล่นที่ไปเจอแปลกๆ ใหม่ๆ เขาก็จะซื้อเลย ฝนเขามีความคิดที่ค่อนข้างเปิดกว้าง ด้วยความที่เขาอยู่ต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยสอนลูกสบายๆ แต่ก็มีเข้มงวดบางเรื่อง อย่างการเรียน พูดคุยกับผู้ใหญ่ การทานอาหาร อะไรพวกนี้ในส่วนที่ต้องเข้ม
มุมมองชีวิตหลังจากเป็นคุณแม่
เปลี่ยนไปแน่นอนค่ะ เพราะทุกอย่างเราต้องทำเพราะว่าลูกเรา เงินที่หาได้ก็ต้องคิดว่าเราหาได้เพราะอะไรไม่ใช่เราหาได้เพื่อจะใช้ของเราเอง เราหาได้เราก็ต้องเก็บไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ เก็บไว้เป็นค่าอาหารลูก นม เสื้อผ้า ค่าเทอม จิปาถะ คนเดียวยังโอเค แต่พอมีสอง ต้องคุมทุกอย่างทุกวันนี้ที่ทำเค้ก เหนื่อยแค่ไหนแต่ก็คิดว่ามีความสุขเพราะได้ทำให้ลูก คิดถึงแต่ลูก เราอาจจะมีเงินก้อนหนึ่งเมื่อลูกเราอยากได้อะไรก็สามารถมีได้ซึ่งเป็นความสุขในจุดนั้นแต่ช่วงที่เราเป็นสาวโสดก็จะไม่เหมือนกัน เงินก้อนหนึ่งที่เราได้มาจากการทำงานในวงการเยอะมากเราจะใช้ทำอะไรก็ได้ เที่ยวนู่นนั่นนี่ยังไงก็ได้ ชีวิตไม่ได้กำหนดว่าเราจะต้องทำอะไรเพื่อใคร แต่พอแต่งงานเริ่มเป็นอีกชีวิตหนึ่งที่มันไม่เหมือนแต่ก่อน คิดเพื่อลูกถ้าเราแก่ขึ้นมาในอนาคต เราก็ต้องมีเงินเก็บ เพื่อจะไม่ไปเบียดเบียนลูก คือเราต้องเผื่อไว้ด้วย ไม่งั้นเราอาจจะต้องเป็นภาระของลูกได้ เราต้องคิดไปอีกสเต็ปหนึ่ง ไม่ได้มองแค่ปีสองปีแต่ต้องมองไปยาวๆ อีก 20-30 ปีข้างหน้า เพราะตอนนี้เราเดินทางมากลางชีวิตแล้ว อีกไม่นานก็จะกลายเป็นอีกสเต็ปหนึ่งซึ่งก็จะจบชีวิตแล้ว แต่ละวันผ่านไปเร็วมากนะคะ
วางอนาคตลูกไว้อย่างไร
ยังค่ะ ให้เขาค่อยๆ เป็นไปเรื่อยๆ ตอนนี้ยังเด็กอยู่เลย ให้เขารู้จักตัวเองมากกว่านี้ ขนาดฝนอายุเท่านี้ยังไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นคนทำขนมเค้ก ตอนที่ฝนจะมาทำเค้กยังนั่งคิดอยู่เลยว่าถ้าทำงานเข้า-ออกตรงเวลา 8 โมง เลิก 5 โมง นี่คงไม่ไหว ไหนจะเลี้ยงลูกอีก เลยทำเค้กนี่แหละหอมด้วย ทำกับข้าวก็คงไม่ไหวกลิ่น ก็ไม่ได้ล่ะ แต่ทำเค้กนี่เพอร์เฟกท์ที่สุดค่ะ (อยากให้ลูกๆเข้าวงการบันเทิงไหม?)
อุ๊-อนุสรณ์ (สามี) : แล้วแต่เลยครับ ผมว่าวงการก็ดี หรือจะไม่อยู่ในวงการก็ดี ถ้าเกิดเราทำตัวดี โอกาสมีอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน แล้วแต่ลูก ผมไม่ปิดกั้น แต่ขอให้เป็นคนดี ทำแล้วสบายใจ อยากทำอะไรก็ทำ ถ้าชอบก็ไปทำ ถ้าทำอะไรที่ไม่ชอบมันก็ไม่ใช่ เพราะเราก็เคยผ่านมาแล้ว เราย่อมรู้ดี หาสิ่งที่อยากจะทำให้เจอก็แล้วกันครับ
เซอร์ไพรส์จากน้องฟิน และน้องจิน
มีนะคะ ที่โรงเรียนเขาให้ทำ มีประดิษฐ์การ์ดนู่นนั่นนี่ให้คุณพ่อ คุณแม่ เนื่องในโอกาสต่างๆ เขาจะชอบวาดรูปให้เรา คนโตเขียนได้แล้ว ส่วนคุณแม่ก็จะสอนทำกับข้าวให้ เพราะว่าผู้ชายคุณแม่มองว่าเสน่ห์อยู่ที่นี่จริงๆ ผู้ชายทุกคนควรที่จะรู้วิธีทำอาหารให้ได้สักหนึ่งอย่าง เก่งๆ เลยนะ สามารถทำงานบ้านได้ด้วยตัวเองคือผู้ชายสมัยนี้จะต้องไม่เหมือนสมัยก่อนถ้ายูทำได้ยูจะมีเสน่ห์มากกว่า ฝนก็จะสอนเขาตั้งแต่เด็กใครอยากช่วยแม่ทำขนมเค้ก ทำกับข้าว เริ่มจากง่ายสอนไปทีละอย่างให้มีอะไรติดตัว โตขึ้นจะได้ทำเป็น
ลูกชายสองคนถอดแบบคุณแม่
พูดจริงๆ นะคะ ฝนเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นผู้หญิงเยอะมากๆ เขาก็ได้ตรงนี้จากฝนไปเยอะค่ะแต่ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นนะคะ คือเขาจะเห็นว่าแม่ชอบอยู่ในบ้านที่สะอาด เราก็ไม่ต้องทำบ้านรกการที่คุณเป็นผู้ชายไม่ได้หมายความว่าสกปรกรื้อทุกอย่าง มันไม่ได้ คือคนเราก็ต้องเรียนรู้ว่าการที่จะเก็บอะไรให้สะอาด อาหารการกิน เขาก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างรู้จักเลือกอาหารอร่อยทาน เลือกอยู่ในที่ที่สวยสะอาด รักสวยรักงาม แต่ถ้าเป็นนิสัยจะคนละแบบเลยคนโตกับคนเล็ก อย่างคนโตค่อนข้างจะเหมือนคุณพ่อนิ่งๆ เงียบๆ แต่ก็จะมีอารมณ์ขันของเขานะคะถ้าได้รู้จักจริงๆ ส่วนคนเล็กจะร่าเริงมาก ยิ้มง่าย ไปไหนก็คุยกับคนได้ง่ายๆ ส่วนกิจกรรมหลักๆ ของครอบครัวคือการอยู่บ้าน เที่ยวบ้าง เด็กๆ จะชอบว่ายน้ำ
เพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจ
ฝน : เป็นสามีที่ดีค่ะ สนับสนุนเราทุกอย่างที่อยากจะทำตั้งแต่คบกันแรกๆ แล้ว ที่ได้มาเจอกันนี้ตอนแรกเขาเห็นป้ายโฆษณาอยู่ตรงป้ายรถเมล์ แล้วเขาบอกว่าอยากจะรู้จักผู้หญิงคนนี้จังเลย ก็ได้เจอกันนะจุดนั้น เพราะว่าเราอยู่ในวงการแล้ว เขาก็เห็นเรา พอดีได้คุยกับเพื่อนเขาแล้วเพื่อนก็ดันเป็นเพื่อนสนิทกับฝนอีกทีหนึ่ง ก็เลยได้เจอกัน สามีเป็นคนน่ารัก รักลูกมาก ดูแลเราดี คู่หูคู่คิด (จะมีลูกอีกไหมคะ?) ไม่แล้วค่ะ จบละ ปิดอู่ ฝนก็ใกล้จะ 40 แล้วด้วย ไม่ไหวล่ะค่ะ
อุ๊-อนุสรณ์ (สามี) : ชีวิตคู่ตอนนี้ย่างปีที่ 12 ครับ เร็วเนอะ ยิ่งมีลูกก็ยิ่งเร็ว ชีวิตก็เรื่อยๆ เหมือนเดิม ยังคุยกันทุกวันเหมือนเดิม ผมจำได้วันแรกที่เจอ 31 ปี 1998 วันสิ้นปีพอดีคุยกันทุกวันไม่มีวันไหนที่ไม่ได้คุยจนทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ บวกกับเขาก็เป็นคนคุยเก่งด้วยนี่ก็เรียกว่าเป็นเสน่ห์ของเขาที่ผมชอบนะเพราะปกติผมเองจะเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ด้วย กลายเป็นจุดเด่นของเขาที่เข้ามาเติมเต็มให้เรา
เมื่อไม่เข้าใจกัน
ฝน : พูดจริงๆ นะคะ คู่ของฝนเป็นเหมือนคู่นักมวย คือเราชอบชกกัน แต่จริงๆ ต่างคนต่างก็รักกัน ไม่เคยทะเลาะกันหนักหนาอะไรมาก
อุ๊-อนุสรณ์ (สามี) : ผมไม่เคยทะเลาะกันข้ามวันข้ามคืนนะ ไม่เคยเกินชั่วโมงด้วย (หัวเราะ) เพราะว่าเขาจะเป็นคนที่ถ้าโกรธก็โกรธจริงๆ แต่เขาจะหยุดตรงนั้นและหาย ไม่มีการมางอนหรืออึดอัด คู่เราจะออกแนวเพื่อนกันมากกว่านะ คุยกันได้ทุกเรื่อง และเข้าใจกัน เพราะว่าเราคงผ่านอะไรกันมาเยอะ มีอะไรก็คุยกัน อะไรที่ต้องทนก็ต้องทนด้วยกัน อันไหนสุขก็สุขด้วยกัน ก็ดีครับที่เราทั้งคู่คิดเหมือนกัน เข้าใจกัน รับได้ เราทน เขาก็ทน มันเลยโอเคไปด้วยกันได้
เปรียบชีวิตตัวเองเป็นเค้กสักก้อน
คัพเค้กแน่ๆ มันน่ารักอ่ะ รู้สึกว่าเป็นส่วนตั๊วส่วนตัวไม่ต้องแบ่งใคร สวยด้วย ชอบมากเลยจริงๆ คัพเค้กเนี่ยค่ะ
กระแตน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี