“ชีวิตเหมือนรถไฟเหาะ ปกติรถไฟเหาะจะลงมาที่พื้นดินใช่มั้ยคะ อันนี้ลงไปใต้ดินแล้วหยุด ใต้ดินไม่พอนะ ใต้ดินนั้นเป็นน้ำอีก”
ห่างหายจากวงการเพลงในบ้านเราไปนานสำหรับ เจิน เจิน บุญสูงเนิน นักร้องลูกทุ่งที่โด่งดังจากผลงานอัลบั้มชุด ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง หลังจากใช้ชีวิตในอเมริกาถึง 14 ปีเต็ม กับวิบากกรรมครั้งใหญ่ในชีวิตที่ทำให้นักร้องอย่างเธอไม่สามารถใช้เสียงได้อีกต่อไป ทำให้เธอตัดสินใจกลับมาเริ่มต้นทำธุรกิจในประเทศไทย และได้รับโอกาสที่จะทำให้กลับมาเดินทางสายดนตรีที่เธอรักอีกครั้ง
ตัดสินใจทิ้งแสงสีในอเมริกา
ช่วงที่กลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ งานร้องเพลงมันต่อไม่ติด เพราะว่าเราห่างไป 14 ปี กลับมาอีกที คนก็ลืมเราหมดแล้ว ไม่รู้จักแล้วว่า เจิน เจิน คือใคร แล้วก็งานเพลงก็ไม่มีเลย 14 ปี ก็เลยคุยกับครอบครัวว่าอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ เพราะตอนกลับจากอเมริกาไม่มีเงินเลย เงินหมดไปกับการรักษาตัวที่อเมริกาหมด 1 ปีเต็ม เพราะอยู่ๆไปช่วยเพื่อนร้องเพลงในกาสิโนแล้วเสียงหาย หายแบบว่าหายสนิท คือ ไม่มีเสียงพูด 3 เดือน ก็ต้องใช้เขียนเอา
เหตุที่พูดไม่ได้
เกิดจากแพ้ควันบุหรี่ค่ะ ในกาสิโนควันบุหรี่เยอะ และเราแพ้ควันทุกชนิดในโลกนี้แม้แต่หมอกที่เกิดจากธรรมชาติก็แพ้ เงินที่เก็บไว้กะว่าจะเอามาลงทุนที่เมืองไทยก้อนหนึ่ง ซึ่งเราเก็บได้พอสมควร ก็กลายเป็นว่าต้องใช้รักษาตัวที่โน่นหมดเลย1 ปีเต็ม เพราะว่าที่โน่นค่ารักษาแพงมาก ทุกอย่างแพงหมด
ตัดสินใจกลับเมืองไทย
เนื่องจากอาการป่วยรักษาที่อเมริกาหนึ่งปีก็ไม่หาย คิดว่าทำอาชีพนักร้องไม่ได้แล้ว ก็คิดว่า สมัยก่อนเราเคยเป็นอย่างนี้หนหนึ่งแล้ว รักษาที่เมืองไทยรักษาหาย เลยคิดว่าน่าจะลองกลับมารักษาที่เมืองไทยดู พอกลับมาถึงสนามบินดอนเมืองร้องเพลงได้เลย!! วิบากกรรมเรื่องเสียงหมดพอดี (หัวเราะ) มันได้กำลังใจค่ะ ตอนเรานั่งเครื่องบินมา ใส่ชุดวอร์ม แล้วหน้าก็ไม่แต่งโทรมมาก คือไม่มีใครจำได้สักคน แต่ปรากฏว่ามีสจ๊วตการบินไทยเข้ามาทักบอกว่า พี่รู้มั้ยพี่คือไอดอลของผม แล้วพอตอนลงเครื่อง สจ๊วตกับแอร์โฮสเตสเขาจะยืนหน้าเครื่องเพื่อขอบคุณใช่ไหมคะ เขาก็ร้องเพลง “ต้องสู้” กำลังใจมันมา...!! พอลงจากเครื่องก็เดินยิ้มมาเลย เดินจากเครื่องมาแล้ว เข้าห้องน้ำ อยู่ๆก็ฮัมเพลง เอ๊ะ...ทำไมร้องเพลงได้ ก็เลยแอบร้องในห้องน้ำจนจบเพลง ปรากฏว่าร้องได้จนจบ ดีใจมาก!!
เริ่มเส้นทางสายอาชีพกับบทบาทแม่ค้า
ตอนนั้นกลับมาไม่มีเงินเลยแม้แต่บาทเดียว พี่สาวกับพี่เขยให้เงินติดตัวมา 1,000 ดอลลาร์ ก็แค่ 30,000 บาท กลับมาทำอะไรไม่ได้ แล้วครอบครัวที่รออยู่ที่เมืองไทยทุกคนก็ไม่มีเงินเลย อีก 5-6 ชีวิตจะทำยังไงต่อ ก็เลยมานั่งประชุมกันว่างานร้องเพลงมันไม่ดีแล้ว จะให้กลับมาเหมือนเดิมก็ไม่ได้แล้วอายุเรามากแล้วต้องหาอาชีพอื่นเข้ามา อย่างน้อยๆครอบครัวเราอยู่ได้ ก็คุยกับ คุณสา (สามี-คุณภัทราดร นาสารี) ครอบครัวคุณสาเขาทำซาลาเปามา 30 กว่าปีแล้ว อยู่แถวนวมินทร์ แล้วครอบครัวเราเองก็ขายก๋วยเตี๋ยวขายเกี๊ยวกุ้งมาเป็นระยะเวลาเกือบ 40 ปี ก็เลยคิดว่าถ้าเราเอาทั้งสองอย่างนี้มารวมกันก็ต่อยอดได้เลย เพราะว่าเราต้องการทำอะไรที่มันมีอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนมาก สูตรก็มีทุกอย่างพร้อมหมด เพราะเงินเราไม่มี เราเลยต้องการอะไรที่ลงทุนน้อยสุด ก็เลยเอาสองอย่างนี้มารวมกันเป็น เจิน เจิน ซาลาเปาเกี๊ยวกุ้ง
รับประกันว่าเป็นสูตรดั้งเดิม
ดั้งเดิมจริงๆ อร่อยจริงๆ ค่ะ แล้วซาลาเปาของเราแป้งจะไม่เหมือนในท้องตลาด แป้งจะนุ่มมาก ราคา ซาลาเปาลูกละ 20 บาททุกไส้ เกี๊ยวตัวละ 8 บาทเราขายเป็นกล่อง กล่องเล็ก 5 ตัว 40 บาทกล่องใหญ่ 10 ตัว 80 บาท ซาลาเปามีไส้หมูสับ หมูแดง ไส้ครีม ไส้ถั่ว ถ้าจะสั่งออกไปตามงานอีเว้นท์ทั้งหลาย ยินดีที่จะไปส่งแล้วถ้าสั่งเยอะๆ อย่างเช่นสั่งซาลาเปา 2,000 ลูกขึ้นไป ยินดีไปร้องเพลงให้ฟรีในงานนะคะ(หัวเราะ)
เริ่มเปิดตัวตั้งร้านตั้งหลัก
เราเริ่มมาได้ 1 ปีแล้วค่ะ ช่วง 3-4 เดือนแรก แย่มากเลย เนื่องจากที่จอดรถก็ไม่มี แล้วคนก็ไม่รู้จัก จนกระทั่งได้เริ่มออกทีวี.บ้าง แฟนเพลงก็เริ่มโทร.เข้ามาถามว่าร้านอยู่ตรงไหน เริ่มมาชิมเริ่มมาพูดคุยพอชิมเขาก็ไปพูดต่อว่าอร่อยจริง ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ
1,000 ดอลลาร์ที่ติดตัวกลับมา
1,000 ดอลลาร์นั้นใช้อะไรไม่ได้เลย คือพอมาถึงกว่าจะได้ทำตรงนี้ ก็หมดไปแล้วค่ะ เงินที่มาเริ่มต้นกิจการนี้คือเป็นเงินจากที่เราโทร.ไปคุยกับคนเดินสายจัดคิวเก่าๆ ว่าตอนนี้เรามีปัญหาเรื่องนี้นะ ช่วยจัดให้หน่อย ค่าตัวเท่าไหร่ไปหมด ซึ่งบางทีถูกมากก็ไป ไปเพื่อเก็บเงินเอามาลงทุนตรงนี้ค่ะ ยังไงก็จะไม่ทิ้งจนกว่าธุรกิจซาลาเปาเกี๊ยวกุ้งตัวนี้จะอยู่ตัวเต็มที่แล้ว แล้วค่อยมาว่ากัน
พิกัดร้าน “เจิน เจิน ซาลาเปาเกี๊ยวกุ้ง”
เปิดขายหน้าร้านที่ซอยวิภาวดี 16 แยก 25 ใช้ชื่อร้านว่า เจิน เจิน ซาลาเปาเกี๊ยวกุ้ง เลยค่ะ เป็นตึกแถวบ้านของเราเอง หรือถ้าจะโทร.มาสั่งก็ที่เบอร์ 089-967-5539 ทุกวันนี้รายได้ส่วนใหญ่ก็คือรายได้จากการสั่งมากกว่าค่ะ เพราะที่หน้าร้านที่จอดรถน้อย คนก็ไม่ค่อยอยากจะมา เวลาคนเขาตั้งใจจะมาทาน เขาก็จะโทร.มาสั่งอีก 10 นาที มาเอานะ ขับรถมาถึงก็ยื่นให้เลยค่ะ
กลับมาพร้อมผลงานซิงเกิ้ลใหม่
ถือเป็นซิงเกิ้ลแรกในชีวิตค่ะ เนื่องจากว่าทุกครั้งที่ทำ เราก็จะทำเต็มอัลบั้มตลอด แล้วพอมาตอนหลัง กลับมาปุ๊บ น้องนักแต่งเพลงเขาฟังสัมภาษณ์เราในรายการเจาะใจ เขาเห็นว่าชีวิตนักร้องคนนี้น่าสนใจจังเลย ทำไมถึงได้ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนรถไฟเหาะ ปกติรถไฟเหาะจะลงมาที่พื้นดินใช่มั้ยคะ อันนี้ลงไปใต้ดินแล้วหยุด ใต้ดินไม่พอนะ ใต้ดินนั้นเป็นน้ำอีก คือชีวิตมันแย่มาก เขาได้ฟังสัมภาษณ์แล้วเขาบอกน่าสนใจอยากจะทำเพลงให้ เขาก็เลยโทร.มาหาเรา บอกว่า “พี่ครับ ผมชื่อนี้นะ ผมอยากจะแต่งเพลงให้พี่ พี่จะว่ายังไง” เราก็บอก “ค่ะ” แค่นั้นจบเลย เพราะว่าโอกาสมา เราต้องยอมรับว่าเราแก่แล้ว โอกาสที่จะกลับมาร้องเพลงให้มันเหมือนเดิมจะมีใครมาทำให้เราไม่มีแล้ว แล้วน้องคนนี้เป็นคนที่ให้โอกาสเรา เราจะปฏิเสธทำไม
เหมือนได้เกิดใหม่กับชีวิตนักร้อง
ไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาทำเพลง เพราะว่ามีความรู้สึกว่าขนาดงานโชว์ตัวยังน้อยมาก บางเดือนมีงานเดียว บางเดือนไม่มีเลย ก็เลยทุ่มแต่ซาลาเปาอย่างเดียว อาศัยเพลงเก่า พอได้รับโอกาส น้องเขาก็ส่งเพลงให้ฟัง เราก็โอเคฟังแล้วเราก็คิดว่าเพลงทันสมัยดีจัง คือมันเข้าได้ทุกยุคทุกสมัย วัยรุ่น คนมีอายุฟังได้หมด เพลงแรกที่ร้อง ถ้าคิดถึงเธอมากกว่านี้ เพลงนี้ร้องง่ายแต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นยากหมดเลยค่ะ(หัวเราะ) เหมือนกับว่าอ่อยเหยื่อเรา เพลงแรกร้องง่ายๆเบาๆสบายๆ แต่เพลงต่อมาโอ้โหยากมาก มันต้องใช้เวลาฝึก นิดหนึ่ง เนื่องจากว่าเสียงเราไม่ได้เหมือนสมัยตอนวัยรุ่น ขึ้นเสียงสูงปรี้ดเหมือนสมัยก่อนก็คงไม่ได้แล้ว ต่ำมากเหมือนสมัยก่อนก็คงไม่ได้
นักแต่งเพลงไม่ขอเปิดเผยตัว
เขาเคยแต่งให้นักร้องดังๆ มาเยอะแยะเลยค่ะแต่เขาขอไม่เปิดเผยตัว ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่เขาเขียนไว้อยู่แล้ว พอได้ทำงานร่วมกัน เขาก็เริ่มแต่งเห็นว่าตรงกับคาแร็กเตอร์เพลงจีนพอดี ก็เลยได้ออกมาเป็นเพลง ถ้าคิดถึงเธอมากกว่านี้ เป็นเพลงลูกผสมระหว่างลูกทุ่งกับสตริง ป๊อป และ เพื่อชีวิตอีกต่างหากนะ รวมกันไว้หลายอย่างจนคนบอกว่าไม่คิดว่าจะได้ยินเพลงแบบนี้อีก ส่วนใหญ่เพลงแบบนี้จะดังอยู่ในยุคหนี่งแล้วก็หายไป
“เจิน เจิน” ในลุคใหม่
สีอาจจะจี๊ดจ๊าดเหมือนเดิม แต่ว่าต้องสุภาพขึ้นดูให้สมวัยค่ะ สมัยก่อนอาจจะโป๊บ้าง แต่สมัยนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเราจะต้องเป็นตัวอย่างทั้งของนักร้องรุ่นน้อง และเด็กรุ่นใหม่ที่ฟังเราอยู่ ดูเราอยู่ อีกอย่างหนึ่งคือเราเข้าทางธรรมะมาเยอะ เราควรจะรู้กาลเทศะที่ดีเป็นยังไงจะให้แต่งตัวเหมือนเดิมไม่ได้แล้วค่ะ และการอยู่บนเวที โอเค การพูดการคุยก็ต้องให้เข้ากับสภาวะที่เป็นอยู่ เราจะไม่พูดอะไรที่มันทะลึ่ง ไม่พูดอะไรที่มันเกี่ยวโยงทำให้คนฟังนึกไปถึงสิ่งที่ไม่ดี เราจะเฟดตรงนั้นลงไป เปลี่ยนบุคลิกให้เป็นผู้ใหญ่ ให้คนดูดูแล้วคิดว่าเออ..ไม่มีพิษมีภัยนะ
กระแสตอบรับ หลังกลับมาปล่อยซิงเกิ้ลเพลงใหม่
ตอนเราเปิดตัวมาอาทิตย์แรก ก็ติดชาร์ตอันดับ 6 เลย ทุกคนก็งง ทำไม ติดได้ยังไง อาจจะเป็นเพราะว่าหนึ่ง เพลงมันไม่เหมือนในท้องตลาด สองคือเนื้อหาของเพลงฟังง่ายๆ ฟังแล้วยิ้มได้ พอฟังแล้วทุกคนชอบ ก็เลยขึ้นมาติดชาร์ต และอาจจะมีบางคนที่ยังคิดถึงเราอยู่ และยังติดชาร์ตอยู่จนถึงทุกวันนี้ค่ะติดมา 11 อาทิตย์แล้ว(ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ)
ดีใจมากค่ะ ขอบคุณแฟนเพลง ขอบคุณดีเจทั่วประเทศ ขอบคุณนักแต่งเพลง ขอบคุณโปรดิวซ์เซอร์ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้โอกาสเราอีกครั้งหนึ่ง และขอบคุณที่แบ่งที่เล็กๆ ให้นักร้องรุ่นเราได้กลับมายืนบ้าง ในพื้นที่เล็กๆ เนื่องจากว่านักร้องรุ่นพี่ทุกวันนี้ยากนะ ยากที่จะกลับมา เลยคิดว่า พอเราได้โอกาสตรงนี้เราก็ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นส่วนประกอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพลง นักแต่งเพลงโปรดิวเซอร์ นักดนตรี ดีเจที่ช่วยเปิดเพลงให้สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อทั้งหลายแหล่ ขอบคุณทุกคนเลยค่ะ แล้วเดี๋ยวก็จะมีซิงเกิ้ลที่ 2-3ตามมา รับรองว่าเพราะทุกเพลงเลยค่ะ แต่ร้องยากมาก(ลากเสียงยาว)
อัพเดตเรื่องสุขภาพร่างกาย
ยังเหมือนเดิมค่ะ โรคเดิมยังคงอยู่ โรคภูมิแพ้ชนิดที่ไม่ว่าจะกินยาอะไรก็ไม่หาย และมันจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต มีวิธีเดียว คือออกกำลังกาย ช่วงไหนที่ออกกำลังกายเยอะๆ ก็จะดีขึ้น จะแข็งแรงขึ้น แต่ช่วงไหนที่ไม่ได้ออกเลย ก็จะเริ่มทรุด พอทรุดมาก เราก็กลับไปออกกำลังกายใหม่ค่ะ (ออกกำลังกายชนิดไหนคะ?) ใช้วิธีเดินค่ะ อายุขนาดนี้ทำอะไรไม่ได้ค่ะ(หัวเราะ) เดินอย่างเดียว เดินวันละ 1 ชั่วโมงกับ 20 นาที จากช้าแล้วก็ไปเร็ว แล้วค่อยๆ เดินช้าลงเดินอยู่บนเครื่องเล่นที่บ้านค่ะ
กำลังใจสำคัญ คนข้างกาย
คุณสามี เขาเป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ทั้งพ่อ ทั้งน้องเป็นหมดเลย เรารู้จักกันเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วที่อเมริกาค่ะ ตอนนั้นไปโชว์ตัวครั้งแรกที่อเมริกา รู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกันจนกระทั่งไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาจริงๆ ก็ไปเจอเขาอีกรอบหนึ่ง เราก็เลยตั้งวงดนตรีชื่อ “เจิน เจิน ทรีโอ้” มีเพื่อนพี่เขาอีกคนเป็นนักดนตรีเราก็เดินสายโชว์ตัวในอเมริกาด้วยกัน แต่ก็รู้สึกกันแค่เป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนสนิทกันมาก แต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องชู้สาวเลย จนกระทั่งเราย้ายกลับมาเมืองไทยอย่างถาวร พี่เขาก็ตามมา ตามมาแล้วมาบอก ถึงได้รู้ตอนนั้น ถึงตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันมา 4 ปีแล้วค่ะ พี่เขาก็จะไปๆ มาๆ เพราะเขาอยู่อเมริกา แต่ด้วยความที่เรามีอะไรหลายอย่างคล้ายกันมาก เช่น ชอบไปทำบุญ ชอบนั่งสมาธิ ชอบกินอะไรก็ได้ง่ายๆ ข้างทางได้หมด ไม่ชอบเที่ยวอะไรแบบนี้คล้ายๆ กัน เราก็เลยไปด้วยกันได้ดีค่ะ
ชีวิตของ เจิน เจิน บุญสูงเนิน ขึ้นลงดั่งรถไฟเหาะตามที่เธอว่าจริงๆ ค่ะ แฟนเพลงที่คิดถึงผลงานเธอสามารถติดตามและเป็นกำลังใจให้เธอคนนี้ได้ กับซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด “ถ้าคิดถึงเธอมากกว่านี้”และ “ต้องทำกันสองคน” สามารถดาวน์โหลดได้ทาง *123 8334 ค่ะ
ชนาภา ศลโกสุม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี