แม้จะหายหน้าหายตา แต่ใช่ว่า “ปิงปอง” ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ เจ้าพ่อเพลงประกอบละครในอดีต จะหายจากวงการเพลงไทย เพราะล่าสุด “ปิงปอง” ขอเรียกความสนใจแฟนเพลงครั้งใหม่ ในนามวง Sbyderman

การรวมตัวของ 4 คนดนตรี

ปิงปอง : จริงๆ แล้วคนต้นคิดหลักๆ มาจาก พี่ต่อ(กรกฎ เมฆยงค์) ครับ ซึ่งผมกับพี่ต่อทำงานด้วยกันมา 7-8 ปีแล้ว จนเมื่อปีที่แล้ว พี่ต่อ กับ พี่เป็ด(ศุภสิทธิ์ แก่นเสน) ได้เจอกัน และได้รู้ว่าพี่เป็ดเคยทำงานอยู่ มิวสิค บั๊กส์ เป็นนักแต่งเพลงที่แกรมมี่มา พี่ต่อเห็นว่า เพลงพี่เป็ดดีมาก แล้วเสียงร้องพี่เป็ดก็แปลก เลยอยากได้พี่เป็ดมาร่วมงาน แล้วพี่เป็ดก็รู้จักกับ ชาลี(พลนเรศ ผดุงชีวิตร์) โดยชาลีเป็นเจ้าของร้าน ซิกส์ ดีกรี ที่พี่เป็ดเล่นดนตรีประจำอยู่ แล้วที่บ้านชาลี ทำโรงแรมน้องหมา ทำร้านกาแฟ และมีห้องชั้นบนเหลือว่าง ทีแรกเขาทำไว้คล้ายๆ ห้องอัดหยาบๆ ครับ พี่ต่อชวนผมไปดู เห็นแล้วรู้สึกว่าห้องเจ๋ง บรรยากาศดีมาก เลยตกลงทำห้องอัดเล็กๆ ขึ้นมาห้องหนึ่ง แล้วก็ตั้งชื่อกลุ่มว่า Sbyderman ครับ ตอนแรกก็ตั้งใจว่า จะทำเอาไว้หางาน รับทำเพลงโฆษณา รับจ้างทำเพลงทั่วไป ทำไปทำมา ไหนๆ ก็มีแล้ว พี่เป็ดก็เคยคุยเรื่องคลิป บอกมาทำคลิปกันดีกว่า ทำไปทำมา ก็ลากมาจน ทำเพลงของเรากันดีกว่า (หัวเราะ) ก็เลยออกมาเป็นผลงานซิงเกิ้ลแรก “วันนั้น...ถ้าเรา” ครับ

Sbyderman คืออะไร

ปิงปอง : มีคนถามเยอะครับ บางคนบอก หมายถึง สไบ รึเปล่า จริงๆ Sbyderman มาจากพี่ต่อเลยครับ ด้วยวิธีคิดทำเพลงของพวกเรา จะเป็นแบบคนอายุผ่านมาประมาณหนึ่ง ไม่ได้สดใสวัยรุ่น เพลงจะดูเข้าใจโลกมากกว่าตอนเด็กๆ เพลงแบบตบหลังเบาๆ ไม่เป็นไรนะ สบายๆ นะ ก็เลยใช้คำว่า สบายเด้อ ออกมาเป็น สบายเดอร์แมน Sbyderman ครับ หลักๆ เลย ก็จะเป็นผู้ชายครึ่งชีวิต 4 คน (หัวเราะ)

ต่อ : เป็นขั้นกว่าของสบายดีครับ สบายดี สบายเด้อ สบายเดส (ฮากันทั้งคณะ)

ที่มาของ “วันนั้น...ถ้าเรา”

ปิงปอง : เพลงนี้คือผมมีหน้าที่ร้องอย่างเดียวเลยครับ นอกนั้นเป็นพี่ต่อทำทั้งหมด ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง พี่ต่อเป็นโปรดิวเซอร์ครับ

ต่อ : ผมเขียนเพลงนี้ไว้หลายปีแล้วครับ แรงบันดาลใจมาจาก ตอนนั้นไปสังเกตเห็นครอบครัวหนึ่ง ผู้ชายเขาแยกออกมานั่งฟังเพลงอยู่คนเดียว เราก็มีคำถามขึ้นมาว่า ตรงนั้นเขาอาจจะคิดถึงใครบางคน ที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ เรื่องราวของเพลงก็จะบอกถึง คนที่เคยมีใครสักคนผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วเรายังนึกถึงเขาอยู่ มีบางเวลาที่เราอาจจะแวบกลับไปคิดถึงเขา หรืออาจจะอยากเจอ

ปิงปอง : เราตั้งใจทำกันมากๆ ตั้งแต่ตอนแต่ง ตอนเรียบเรียง ไปจนถึงเอ็มวี ซึ่งถ้าใครเข้าไปดูยูทูบคงจะได้เห็น
เอ็มวีกันแล้ว คือเราทำแบบเงินน้อย แต่คิดเยอะมาก เอ็มวีนี่คือเป็นนักศึกษาปี 5 ม.ศิลปากรมาช่วยทำทั้งหมด เรามีหน้าที่แค่ใส่ข้อมูลที่เราอยากได้ให้เขาครับ

ต่อ : เหมือนกลับไปเป็นเด็กมหา’ลัย (หัวเราะ) ฟิลเหมือนทำกิจกรรมมหา’ลัย เช็คงานกันกว่าจะกลับบ้าน ออกจากศิลปากรตอน 4 ทุ่ม ผมชอบบรรยากาศมาก ได้ฟิลเหมือนกลับไปเป็นเด็ก (หัวเราะ)

ทำดนตรีเพื่อการเติมเต็ม

ปิงปอง : อาจจะไม่ได้เรียกว่าธุรกิจของตัวเอง แต่พวกเราก็มีอาชีพหลักของแต่ละคน เพียงแต่ว่าการมาทำเพลงตรงนี้ เราได้เติมเต็มหลายๆ อย่าง ไม่ได้เติมเต็มแค่ความฝัน เหมือนชีวิตคนเราไม่ได้มีโอกาสเข้ามาบ่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโต บางทีเราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของที่วางอยู่ตรงหน้าเรียกว่าโอกาส เราก็ปล่อยผ่านไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง คราวนี้เราก็เลยคิดว่าในวัยที่ขึ้นเลข 3
กันหมดแล้ว (หัวเราะ) แล้วยังมีโอกาสทำเพลงได้อยู่ ก็อยากที่จะทำ อย่างน้อยๆ พ้นช่วงนี้ไป มีลูกมีเต้า มีครอบครัว ไม่สามารถมาสนุกสนานแบบนี้ได้อีก เราจะได้ไม่เสียใจ ที่ไม่ได้คว้าโอกาสตรงนี้เอาไว้ครับ

ทางดนตรีของแต่ละคน

ปิงปอง : จะเรียกว่าคลิก ก็คลิกลงตัว เข้าทางกัน แต่ไม่ถึงกับเป็นร่างเดียวกัน ที่คิดเหมือนกันทุกอย่าง ก็มีคิดไม่เหมือนกันบ้าง มองคนละมุมบ้าง แต่ก็เป็นธรรมชาติ เราเป็น 4 คนที่รวมตัวกันแล้ว พูดสิ่งที่เราคิดได้เต็มที่ ผมว่าหาได้ยากนะครับ เราทะเลาะกันได้เต็มที่ โดยที่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ ทำงานร่วมกันได้ พอปิดจ๊อบก็สามารถปาร์ตี้กันได้

ซาวนด์ดนตรีสไตล์ Sbyderman

ปิงปอง : ถ้าสำหรับคนทั่วไปคงเรียกว่า Easy Listening ครับ แต่ Easy Listening ของเรา ด้วยความที่พี่ต่อเป็นจอมยุทธ์
ดูจากสีผมได้ครับ(หัวเราะ) เราก็จะมีรายละเอียดทางดนตรีบางอย่าง ที่แตกต่างจาก Easy Listening ทั่วไป เช่น วันนั้น...ถ้าเรา ทำนองออกเอเชีย แต่ดนตรีข้างในไปทางสากล โดยใส่กลองลูปเข้าไป แต่แทรกกีตาร์สไลค์สำเนียงคันทรีๆ เข้าไปด้วย คลุกๆ ออกมาเป็นอย่างที่ได้ฟังกันครับ

ต่อ : งานเพลงของแต่ละคน เราจะใช้การคุยกัน ผมไม่ได้บอกให้ใครเป็นแบบไหน อย่างเป็ดเขาแต่งเพลงเอง ซึ่งเพลงของเขา บอกตัวตนเขาอยู่แล้ว แต่ละคนจะมีสไตล์ที่ตัวเองชอบ ผมไม่ได้เอาอะไรไปใส่ให้เขาครับ

ทำความรู้จัก “เป็ด” ศุภสิทธิ์ แก่นเสน

เป็ด : ผมเคยแต่งเพลงกับค่ายมิวสิค บั๊กส์ ยุคแรกๆ สมัยที่มีวงลาบานูน เป็นทีมเขียนเพลง แล้วก็ไปเขียนแวบๆ ที่แกรมมี่ แล้วก็ออกมาด้วยปัญหา MP3 ก็เลยออกมาทำโน่นทำนี่

ปิงปอง : พี่เป็ดเคยเล่นหนังอินดี้เรื่อง Wonderful Town เล่นโฆษณา ทำอุปกรณ์เองได้ ซ่อมหมอน้ำรั่วได้ ทำยากันยุง
ได้ด้วย (หัวเราะ)

เป็ด : คือผมเคยขายของตามออนไลน์ คิดว่าอะไรน่าทำ ก็จะลองทำ

ปิงปอง : เขาทำอะไรมาเยอะกว่าที่เราคิดครับ ละครเวทีก็เคยเล่น(หัวเราะ) เคยเล่นหนังปิตุภูมิด้วย แต่ไม่ได้ฉายในไทย (หัวเราะ) และในเอ็มวีของเรา ก็เลยเอาพี่เป็ดเป็นพระเอกเอ็มวีซะเลย

ทำความรู้จัก “ชาลี” พลนเรศ ผดุงชีวิตร์

ชาลี : ปกติผมก็เป็นคนเสพดนตรีคนหนึ่ง ฟังเพลงไปเรื่อย ไม่ได้เล่นดนตรีเก่งอะไร

ปิงปอง : ชาลี เป็นคนชอบดนตรีกับศิลปะมาก แต่ตอนเด็กๆ ด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทำให้ต้องตัดสินใจเลือกเรียนวิศวะ เกษตร แทน แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งดนตรี ตอนผมไปเจอ เขาก็ชอบบ่นว่าเขาไม่เก่ง แต่ว่ารูปวาดเขานี่ เทสต์ดีมากครับ และนั่งดูเขาเล่นกีตาร์ก็โอเคเลย (ต่อ : การวางนิ้วมีการศึกษามาก) ปรากฏว่าพี่ต่อมาบอกให้ฟังชาลีร้องเพลง พอฟังแล้ว ชาลีร้องเพลงได้ด้วย ทำไมครบขนาดนี้ ชาลีเลยเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมเราครับ

แพลนงาน

ปิงปอง : ตอนนี้ที่วางไว้ คือเริ่มปล่อยเอ็มวี “วันนั้น...ถ้าเรา” และก็ออกงานแสดงสดให้แฟนๆ ได้ฟังกัน ว่าเพลงที่รายละเอียดเยอะๆ แบบนี้ ถ้าเราเล่นสดแล้วจะเป็นยังไง แล้วก็เร็วๆ นี้ จะปล่อยซิงเกิ้ลที่ 2 ออกมา ซึ่งก็จะมีทั้งที่ผมร้อง พี่เป็ดร้อง แล้วก็ชาลีร้อง ส่วนพี่ต่อทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ครับ (พี่ต่อไม่ร้องบ้างหรือคะ? ต่อ : (ไว้จะพยายามนะครับ) เพลงของพี่เป็ด อันนี้เป็นผลงานที่เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งครับ ผมชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่เป็ดเล่นกีตาร์ร้องเพลงเปล่าๆ ให้ฟัง แล้วยิ่งตอนทำเดโม่เสร็จก็ชอบ มาเป็นมาสเตอร์ยิ่งชอบมากๆ เป็นหนึ่งในเพลงที่ฟังแล้วต้องร้อง โอ้โห...!! ส่วนของ ชาลี จะเป็นเพลงอาร์ต น่ารัก เท่ๆ ครับ เสียงร้องของชาลีมีเสน่ห์มาก มีความเป็นไปได้ว่าชาลีอาจจะเปิดฮาเรมได้เลยทีเดียว (หัวเราะ)

ต้องเรียกว่าเป็นงานซน คนดนตรี อีกหนึ่งผลงานที่น่าจับตามอง ของ ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ & Sbyderman