วง Bubble Girls เปิดตัวด้วยเพลง “ตัวเล็ก...ใจใหญ่” และเพลง “อยากฟังเหตุผล” คนวัย 30 อัพน่าจะคุ้นหูและนึกหน้าสามสาวเจ้าของบทเพลงเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี สามสาวซึ่งประกอบด้วยลิซ่า เทเรซ่า เฮมเฮาเซอร์ ,แพร ธรรมเสถียรเอมเมอรี่ และ แซม-ซาแมนต้า แสงสิงแก้ว ตอนนี้พวกเธอทำอะไรอยู่ที่ไหน สัปดาห์นี้ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” มีโอกาสบุกไปสอบถามจากสาว แซม-ซาแมนต้า หนึ่งในสมาชิกวงกันถึงที่ทำงานประจำของเธอเลยทีเดียว เรื่องราวจะสนุก และเธอมีความสุขกับงานแค่ไหน รวมถึงโอกาสรวมตัวของ Bubble Girls จะมีหรือไม่? วันนี้เธอเปิดหมดเปลือกให้เราได้รู้กันค่ะ
l งานปัจจุบันที่ทำ
หลักๆ เลยตอนนี้ทำอยู่ที่ Unilever ด้านมาร์เก็ตติ้งสิ้นค้าดูแลเส้นผม TREsemme’ Tony & Guy อยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้ายันดึกเลยค่ะ อยู่มาประมาณ 4 ปี ถือเป็นงานที่อยู่นานที่สุด จริงๆ ก่อนจะเรียนปริญญาโทมีความอยากจะทำงานที่นี่มากๆอยู่ก่อนแล้วด้วยค่ะแต่ถ้าจะทำงานที่นี่ ต้องจบทางด้านการตลาดโดยตรง น่าจะมีโอกาสเดินเข้ามาตรงนี้ได้ง่ายขึ้นก็เลยไปเรียนปริญญาโท เตรียมตัวเองให้พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์หาความรู้ แล้วพอดีมีเพื่อนที่รู้จักนายที่นี่เขาบอกเขาก็หาคนทำงานอยู่ เราก็อุ๊ย! พอดีเลยก็เลยมาสมัคร เราก็เริ่มทำงานที่นี่ เป็นแบรนเมเนเจอร์ค่ะ หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าเราเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพราะดูจากไอจีก็จะมีคนเข้ามาทักเยอะเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) อย่างเมื่อไม่นานมานี่ไปที่ออสเตรเลียญาติๆ เขาก็บอกว่า ฉันก็นึกว่าเธอเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์นะ (หัวเราะร่วน)
l งานในวันนี้ กับการเป็นศิลปินในวันก่อน
มีความคล้ายคลึงประมาณหนึ่งค่ะ ที่นี่ก็มาทำการตลาด ต้องเลือกพรีเซ็นเตอร์เป็นใคร ดาราที่จะมาอีเว้นท์เราจะเป็นใครน้า กลับกันอีกด้านหนึ่ง จากเมื่อก่อนที่เขามาจ้างเราไปงาน ตอนนี้เราต้องเลือกแล้วว่าใครจะมางานดี คือเปลี่ยนจากเบื้องหน้าไปอยู่เบื้องหลังนั่นเองค่ะ (สนุกหรือตื่นเต้นกว่ากัน?)อาจจะเทียบกันไม่ได้มั้งคะ เพราะร้องเพลงก็เป็นแนวหนึ่ง การทำงานประจำก็จะเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งซึ่งคิดว่า ณ จุดนี้แฮปปี้สนุกดี จริงๆ แล้วแซมทำงานมาหลายอย่างแล้ว ก่อนจะมาทำตรงนี้ แซมก็รู้สึกว่าตอนนี้ใช่ที่สุดแล้วค่ะ
l งานประจำดียังไงสำหรับแซม
ไม่รู้สิคะ เราได้ใช้สิ่งที่เราไปเรียนมาอย่างเต็มที่กว่าเราจะได้ทำงานที่นี่ เราต้องไปเรียนหนังสือตั้งกี่ปีเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ถึงจะได้มาทำงานที่นี่ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ แซมรู้สึกว่าข้อดีของการทำงานที่นี่ คือ เวลาทำมาร์เก็ตติ้งเราได้คิดแคมเปญใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ พอเราคิดเสร็จปุ๊บ เราก็จะได้เห็นผลงานของเราออกสู่สาธารณะ อย่างสมมุตินั่งมองจากตึกเราไปตรงสี่แยกพระราม 9 ก็จะเห็นแล้วรูป เมย์-พิชญ์นาฏบนบิลบอร์ดลอยมา โอ้โหนั่นงานฉันนี่ จะมีอารมณ์แบบนี้ มีความภาคภูมิใจอีกแบบหนึ่ง แต่ความกดดันก็จะมากกว่า ซึ่งตอนเด็กๆ เราก็ร้องเพลงไป พี่ๆ เขาก็ไปปวดหัวเองว่าจะยอดขายได้ไหม กระแสจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้เรื่องหรอกตอนนั้น เราแค่ทำหน้าที่ร้องเพลงให้ดีที่สุด แต่พอตอนนี้จะเป็นลักษณะว่าถ้ายอดขายไม่ดี จะทำยังไง เราก็ต้องคิดว่าจะทำยังไงต่อไป มีความเครียดกว่าค่ะ
l รับมือกับปัญหา
แซมจะพยายามไม่เครียด หยุดแป๊บหนึ่งอาจจะลงไปซื้อน้ำปั่นกิน แล้วก็ค่อยกลับมาคิดว่าเราจะทำอะไรต่อไปได้บ้าง ก็นั่งคิดดีๆ ค่อยๆ คิดไตร่ตรอง
l หยุดรับงานในวงการบันเทิง
ถ้ามีโอกาสดีๆ ที่เราสนใจจริงๆ ก็อาจจะพิจารณาดูก่อน แต่ที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีอะไรเข้ามาเท่าไหร่ค่ะ ยกเว้นคอนเสิร์ตครั้งนั้น แต่ยังไงในใจก็คิดว่าการร้องเพลงเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุด ชอบที่สุดแล้วงานอื่นก็ไม่ค่อย หรืออย่างด้านละครสมมุตินะคะมีคนจ้างเข้ามา แล้วฉันจะยังไงดีล่ะ งานประจำที่นี่ก็จันทร์ถึงศุกร์ ก็ไม่ได้แล้ว แต่ถ้ามีบทที่ดีจริงๆ ก็ต้องมาคุยกันอีกทีหนึ่งค่ะ อาจจะขอกับเจ้านายได้(หัวเราะ)
l ย้อนวัยสมัยตอนเป็นเกิร์ลกรุ๊ป
จำได้ว่าตอนนั้นสนุกมากๆ ตื่นเช้ามาทุกวันต้องไปเจอเพื่อนๆ นะ ได้ร้องเพลงด้วย (หัวเราะ) สมมุติวันนี้ไปโรงเรียนหลังเลิกเรียนก็จะมีพี่ๆ จากแกรมมี่มารับเพื่อมาที่ออฟฟิศ ซ้อมเต้น รู้ว่าต้องเจอเพื่อนคนนั้นคนนี้คนโน้น คืออยากเจอเพื่อนมาก สมัยเด็กๆ ก็ไม่มีอะไรมาก ได้เจอเพื่อน แล้วพอเจอทุกวันก็ซี้มีกิจกรรมได้ทำด้วยกันสนุกค่ะ (ดังแค่ไหนสำหรับวงเราในช่วงนั้น) ก็ไม่รู้สินะ (หัวเราะ) แต่จำได้ว่ามารู้สึกถึงโมเม้นต์แรกที่บอกว่า เฮ้ย!มันได้เกิดขึ้นแล้ว คือได้ยินเสียงตัวเองอยู่ในวิทยุ นั่นคือแว่บแรก เฮ้ย!เพลงเราได้ออกสู่สาธารณะ ประชาชนได้รับรู้และฟังว่ามีเพลงนี้นะ วงนี้ร้อง ก็เริ่มมีคนมาขอลายเซ็นขอถ่ายรูป คนในกรุงเทพฯ มีประมาณหนึ่ง แต่พอไปต่างจังหวัดโอ้โหเขาต้อนรับเราดีมากๆ มาต้อนรับเป็นร้อยๆ รู้สึกดีนะ อุ๊ย!มีคนสนใจเราด้วย (ยิ้ม)
l กำลังไปได้ดีในวงการแต่ต้องตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศ
คือแซมทำงานตั้งแต่อายุ 11 ขวบก่อนร้องเพลงก็มีทำอย่างอื่นบ้าง ถ่ายมิวสิกวีดีโอถ่ายแมกกาซีน แล้วตอนที่หยุดไปเรียน ก็เป็นนักร้องมาเกือบ 8 ปีแล้ว รู้สึกว่าฉันแฮปปี้กับตรงนี้แล้ว ถ้าจะทิ้งไปเพื่อเรียนต่อก็ไม่เสียดาย ก็ตัดสินใจไปเรียน แต่ก็มีกลับไทยบ้างช่วงปิดเทอมค่ะ ได้ทำงานพิธีกร แต่รู้สึกว่าไม่ใช่แนวเรา ไม่ค่อยชอบ ส่วนละครก็มีเคยลองเล่นอยู่เรื่องหนึ่ง Girl Club…รับเอาคืน ทางไอทีวีมี เจ-มณฑล, ซาร่า ผุงประเสริฐ, พี่โบว์ ทีเค, พี่ท็อป-พิพัฒน์ แล้วก็แซม เล่นคู่กับ พี่แพท พาวเวอร์แพท ตอนนั้นสนุกนะคะ แต่แซมเป็นคนยังไงดีล่ะ ค่อนข้างเรียบร้อยนะจริงๆ แล้วก็จะไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไหร่ พอไปเล่นละคร รู้สึกว่าต้องเค้นออกมา ดีที่ดราม่าไม่ค่อยเยอะ มีฉากที่ต้องทะเลาะกับพี่แพทด้วยในเรื่องต้องเศร้า ก็เป็นละครเรื่องแรกและเรื่องเดียวเลย และตอนนั้นที่ถ่ายเรื่องนี้เสร็จ ก็ไปเรียนต่อยาวเลยค่ะ
l จับไมค์อีกครั้งในรอบ 15 ปี
ตอนนั้นได้ขึ้นคอนเสิร์ตรวมศิลปินแกรมมี่ “Grammy Happy Face Tival” ได้ไปเป็นแขกรับเชิญค่ะ รู้สึกดี เหมือนได้กลับไปโมเม้นต์สมัยก่อนอีกครั้ง และจำได้ว่าก่อนจะขึ้นเวทีตื่นเต้นมากใจเต้นตุ๊บๆ เพราะเป็นการขึ้นเวทีอีกครั้งของพวกเราในรอบ 15 ปี เลยค่ะ พอจบคอนเสิร์ตก็มีแว่วๆ ว่าเดี๋ยวจะมีติดต่องานมานะ แต่จนถึง ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรค่ะ เราก็คิดในใจว่าถึงจะมีก็ยากนะถ้าเอาเข้าจริงๆ แล้ว ด้วยวัยของพวกเรา หน้าที่การงาน และอะไรหลายๆ อย่าง น้องแพร (ธรรมเสถียร เอมเมอรี่) พี่ลิซ่า (เทเรซ่า เฮมเฮาเซอร์) เขาก็มีอะไรทำเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะแต่เรา ก็คิดว่าคงจะยากที่จะรวมตัวกันอีกครั้งอย่างจริงจัง ขนาดคอนเสิร์ตรอบที่แล้ว ต้องเกลี่ยกล่อมลิซ่าให้เขามา ตอนนี้ลิซ่าอยู่ไต้หวันค่ะ มีงานที่ทำและสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะแยะ เราก็อ้อนวอนเขาว่า เฮ้ยยูมาเถอะมาๆ คงไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ ก็อ้อนๆ เขานิดหนึ่งนานๆ ทีเขาจะกลับมาไทยครั้ง ส่วนน้องแพรก็เล่นละครช่อง 7 เราสามคนก็ยังติดต่อกันปกติเรื่อยๆ ค่ะในไลน์ก็มีกลุ่มของพวกเราไว้คุยกันด้วย
l ถ้าให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ในช่วงทำเพลงแว่บแรกคือ
สนุกในการทำงานมาก ตอนนั้นไม่รู้เรื่องหรอกว่าชีวิตเราจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่พอมีโอกาสก็โอเคน่าจะสนุกดีนะ ลองทำดู เป็นความสนุกในวัยเด็ก ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นด้วย แล้วก็ดีใจที่มีโอกาสแบบนั้น เพราะจริงๆ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสแบบนี้พอเรามีประสบการณ์ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ก็ทำให้เรามีความรับผิดชอบ เวลาคุยกับเพื่อนก็จะมีเรื่องเล่านู่นนี่นั่น เยอะมากค่ะ
l รางวัลชีวิตที่มักจะให้ตัวเองเสมอ
เพิ่งบอกพ่อกับแม่ไปว่าที่หนูทำงานทุกวันนี้มีอยู่สองอย่าง คือให้พ่อกับแม่ที่ส่งเสียเรามาเราอยากตอบแทนท่าน ส่วนอย่างที่สอง คือ ท่องเที่ยวในแบบที่เราชอบ เพราะแซมเป็นคนชอบเที่ยวมากๆ เก็บตังค์จากการทำงานได้ก็เอาไปเที่ยว สงกรานต์ที่ผ่านมาก็ไปออสเตรเลียเยี่ยมคุณย่า วันหยุดยาวแรงงานที่ผ่านมาก็ไปญี่ปุ่น ไม่ว่าจะมีช่วงเวลาไหนที่หยุดจากการทำงาน ดิฉันก็จะไปเที่ยวค่ะ แพลนไว้ทุกวันหยุดค่ะ รางวัลที่ให้ตัวเองก็มีแค่นี้แหละค่ะ ซึ่งทำงานที่นี่จริงๆ ก็ค่อนข้างหนักนะคะแต่สนุก ฉะนั้นเราก็ต้องหาเวลาให้ตัวเองบ่อยๆ จะได้รีเฟรช มีแรงกลับมาทำงานได้
l ชีวิตครอบครัว
แซมแต่งงานมาเกือบ 4 ปีได้แล้วค่ะ มีแพลนระยะยาวกันไว้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ให้เป็นไปตามแผนอีกสักสองปีก่อน เรื่องมีลูกค่อยว่ากันอีกทีคุณสามีเป็นคนน่ารัก นิสัยดี เรียบร้อยเหมือนกันค่ะ เทคแคร์ ค่อนข้างตามใจเรา จริงๆ เขาไม่ชอบเที่ยวขนาดแซมนะ แต่ด้วยความที่ภรรยาชอบ เขาก็ไปด้วยช่วยลากกระเป๋าให้ ถือของให้ ก็ดีค่ะรู้สึกเข้ากันได้ดีจะมีทะเลาะกันก็เรื่องที่เราเที่ยวบ่อยไปนี่แหละค่ะ (หัวเราะ) คือแซมคิดว่าถ้าวันหนึ่งมีลูก เดี๋ยวจะไปไม่ได้แล้ว (คุณสามีอยากรีบมีลูกไหม) แล้วแต่เราค่ะ ล่าสุดตอนนี้เลี้ยงแมว ก็อยู่กับแมวสองตัว ถ้ามีลูกชีวิตก็คงเปลี่ยนไปเยอะนะ แซมคิดว่า จากตอนนี้ที่เราก็ไม่ได้มีภาระเท่าไหร่ เมื่อต้องมาเลี้ยงคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโต ขนาดเราอายุ 31 คุณแม่ยังต้องดูแลอยู่ ถึงบ้านหรือยัง จะไปไหนให้แม่ไปรับไปส่งไหมก็ยังมี ยังไงคุณพ่อคุณแม่ถึงเราอายุมากแค่ไหน เขาก็ยังมองเราเป็นเด็กอยู่ดี ถ้าเรามีลูกก็ต้องดูแลเขาจนแก่เฒ่า ฉะนั้นเมื่อจะมีจริงๆ เราก็ต้องพร้อมมากๆ และอยากจะเลี้ยง
เขาให้ดีๆ ไปเลย (แล้วอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย) ผู้หญิงค่ะรู้สึกน่ารักดี เวลาไปไหนมาไหน เราเห็นคุณแม่กับลูกสาวเหมือนมีรีเรชั่นชิฟที่ดี ลึกซึ้ง เวลาแม่ลูกคุยกันมีอะไรก็จะปรึกษาคุณแม่ แต่ถ้าได้ลูกชายก็โอเคไม่เป็นไร เพราะตัวแซมเองก็มีน้องชายคนหนึ่งตอนนี้เขายังโสดนะคะถ้าใครสนใจ (หัวเราะร่วน)
l ย้อนจุดรัก
เหมือนเจอกันโดยบังเอิญค่ะ กลุ่มเพื่อนเขากับกลุ่มเราไปกินข้าวด้วยกัน แล้วเพื่อนสนิทเขากับเพื่อนสนิทเราก็พยายามจะให้เราทั้งคู่มาเจอกัน แต่ในความแปลกคือก็ได้มาทำงานที่ตึกเดียวกัน แต่คนละชั้นเลยเริ่มสนิทสนมความสัมพันธ์กันทาง MSN แล้วช่วงก่อนแต่งงานจะมีเหตุการณ์หนึ่งที่เราประทับใจเขามาก คือแซมป่วยไม่สบายเป็นไข้หวัดใหญ่ ทุกคนก็จะกลัว แต่คุณสามีไม่กลัวใส่หน้ากากมานั่งเล่นด้วย คุยด้วยทุกวัน ถึงเราจะป่วยแค่ไหนเขาก็ยังดูแลเราไม่กลัวติดเชื้อ ไม่กลัวตายด้วย (หัวเราะ) และอีกอันหนึ่งคือเขาทำงานอยู่สิงคโปร์ แซมอยู่ไทย แต่เขาจะบินกลับมาหาทุกเสาร์-อาทิตย์ เป็นเวลาปีกว่าตอนนี้เขาก็เริ่มธุรกิจตัวเองค่ะ (จะไปช่วยงานคุณสามีไหม?) คิดว่ามันคงไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ค่ะก็เลยไม่ทำดีกว่า
l เปรียบชีวิตตอนนี้เป็นเพลงอะไรในอัลบั้ม Bubble Girls
นึกถึงเพลงเร็วๆ ค่ะ เพราะตอนนี้ชีวิตกำลังสนุกรู้สึกว่าวัยนี้เป็นวัยที่โตพอจะรู้ว่าอะไรคืออะไร อย่างเช่นเมื่อก่อนไม่รู้หรอกว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้ทำงานในวงการ ได้มาร้องเพลง ได้เต้น เหมือนโอกาสลอยมาหาเรา พอวันนี้เรามองย้อนกลับไป เฮ้ย!ดีมากเลยนะคืออยู่ในวัยที่เราเริ่มเข้าใจโลกมากขึ้น อยู่ในวัยที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น รู้ว่าอยากทำอะไรชอบอะไร แล้วก็สามารถทำอะไรที่เราชอบได้แบบผู้ใหญ่ก็ให้โอกาส ได้ไปเที่ยวตามใจ ช่วงนี้แฮปปี้ที่สุดแล้วค่ะสนุกมากอย่างเพลง Hey Boy! มีความสุข คุณพ่อคุณแม่สุขภาพแข็งแรง หน้าที่การงานก็โอเค ชีวิตที่ผ่านมาก็มีเรื่องแฮปปี้เป็นส่วนใหญ่
l ต่อจากนี้ไปวางแผนชีวิตไว้อย่างไร
ทำงานที่นี่ไปเรื่อยๆ ค่ะ ยังไม่ค่อยได้มองไปไกลมากเท่าไหร่ (หัวเราะ) สนุกกับการทำงานตรงนี้ เพราะเหมือนบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ถ้าอยากจะเรียนรู้ก็ให้มาที่นี่ แล้วแซมคิดว่ายังมีอะไรให้เราได้เรียนรู้จากที่นี่อีกเยอะ ถ้าเกิดเขายังมีอะไรให้เราเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เราก็แฮปปี้ที่จะอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ แต่ก็คิดว่าอีก 2-3 ปี ก็อยากจะมีลูกแล้วค่ะ
l สิ่งที่อยาก แต่ยังไม่ได้ทำ
เรื่องเที่ยวนี่แหละค่ะ(หัวเราะ) ยังมีที่ยังไปไม่ได้ตามแพลน และเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ จริงจังมากนะเรื่องนี้ (หัวเราะ) ที่บ้านมีตารางเลยนะ (คลอดหนังสือเกี่ยวกับท่องเที่ยวเลยไหม?) เคยคิดนะคะ แต่คิดว่า แล้วใครจะมาอ่านเรื่องของเรา และมีอีกอย่างที่อยากทำมาก และไม่เคยทำเลยก็คือ พิธีกรท่องเที่ยว เคยมีคนมาติดต่อนะ แต่ตอนนั้นเริ่มทำงานประจำแล้ว ก็เลยไม่ไหวจริงๆ เพราะต้องหยุดงานทีละหลายวัน เลยต้องปฏิเสธไป แต่ตอนนี้ถ้าใครสนใจก็ติดต่อมาได้นะคะ เดี๋ยวหาเวลาไปทำให้ (หัวเราะ)
l แรงบันดาลใจในการทำงาน
เที่ยว กับ กิน ใช่เลยค่ะ เวลาเราได้ออกไปเที่ยว จะได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่เป็นช่วงเวลาที่เราได้คิด สมมุติว่าเราไปตามที่ต่างๆ แค่มีอะไรที่เปลี่ยนจากชีวิตประจำวันเรา ตื่นเช้ามาทำงานออฟฟิศเป็นรูทีนเดิมๆ แต่พอเราได้หลุดออกจากตรงนั้น ก็จะได้เห็นสิ่งอื่นที่แปลกตา ที่ปกติเราไม่ได้เห็น มันทำให้เราไบรท์ เลยต้องออกไปเที่ยวบ่อยๆ แล้วก็กิน(หัวเราะ)
l ดูแลสุขภาพยังไงบ้าง
หาเวลาออกกำลังกายค่ะ ตอนนี้เล่นโยคะอาทิตย์ละ 3 ครั้ง จ้างอาจารย์มาสอน ปกติแซมเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายนะ ไม่ชอบเลยจริงๆ แต่มันก็ต้องทำ เลยใช้วิธีจ้างอาจารย์สอน เพื่อจะได้ไปทำพยายามจะไดเอตด้วย จะเริ่มวันแรก พอพรุ่งนี้วันเกิดเพื่อนสองคนมีเค้กสองก้อนมาก็กินเสร็จเรียบร้อย(หัวเราะ)
l กฎเหล็กสำหรับนักร้องในแบบของแซม
ทำอะไรก็ทำให้ดีที่สุด การเป็นคนที่อยู่ในสายตาประชาชน เราควรมีความรับผิดชอบประมาณหนึ่งทำตัวเป็นเด็กดี ไม่ทำอะไรที่มันเสื่อมเสีย ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนอื่นเขามอง แล้วมองเราเป็นตัวอย่าง ถ้าเราทำไม่ดีแล้วคนอื่นทำตามมันก็ไม่ดีนะ อยากให้มองเป็นงานจริงจัง ตรงต่อเวลา ช่วงหลังๆก็จะได้ยินคนพูดว่าเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยตรงเวลาไม่รับผิดชอบ ก็นี่แหละ ฉะนั้นก็ทำดีๆ ให้มีวินัยมีความรับผิดชอบ เป็นคนดี ทำเต็มที่
l คติที่ใช้ในการใช้ชีวิต
มองโลกในแง่ดี ถ้าเราคิดดีทำดีแค่นั้นแหละก็เหมือนมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ แล้วก็เรื่องความฝัน ทุกคนมีความฝัน แล้วรู้ว่าฝันตัวเองคืออะไร เราก็พยายามไปตามนั้น ชีวิตก็แฮปปี้แล้ว
งานก็แฮปปี้ ชีวิตคู่ก็รื่นรมย์ ตอนนี้คงเหลือแต่เจ้าตัวเล็กที่จะมาเติมเต็มชีวิตความเป็นครอบครัวของแซมให้สมบูรณ์แบบ ยังไงก็อย่ามัวแต่เที่ยวและสนุกกับงานจนเพลินนะคะ เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้ แล้วจะหาว่าเจ้ไม่เตือน...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี