ศิลปินดาราที่มีชื่อเสียงในวันวาน ผันตัวเองออกไปมีธุรกิจสร้างหลักปักฐานกันมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ซาย-กรรณิการ์ วนะเกียรติกุล หรือกรรณิการ์ ซาย อดีตนักร้องดังค่ายแกรมมี่ ที่ตอนนี้หันมาเอาดีด้านการทำเสื้อผ้า เปิดร้านเป็นของตัวเอง
ย้อนวัยสมัยเป็นนักร้อง
เป็นนักร้องตอนนั้นประมาณ 17 เองค่ะออกมา 2 อัลบั้ม ของตัวเอง 1 อัลบั้ม แล้วก็ออกรวมอีก 1 อัลบั้ม มีซิงเกิ้ลเล็กๆ น้อยๆ บวกกับหมดสัญญาพอดี พ่อ-แม่ก็อยากให้กลับไปเรียน เพราะเขาคาดหวังกับเรา กลัวเรียนไม่จบ เลยเลือกที่จะออกมาเรียนหนังสือก่อน เพราะช่วงนั้นทั้งเรียนทั้งทำงานร้องเพลง พ่วงคาบกันมาโดยตลอด ทุกอย่างโหลด เมื่อพ่อ-แม่บอกไม่ให้ทำ ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเองก็ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องไปให้ถึงที่สุด แค่ทำเพราะรู้สึกว่า สนุกนะ เหมือนทำเสื้อผ้าตอนนี้หลักการเดียวกันทำเพราะสนุก ทำเพราะอยากทำ ทำเพราะอินทำเพราะรัก คือถ้าไม่รู้สึกแบบนี้กับอะไรก็จะไม่อยากทำ
ผลงานเพลงของตัวเองที่ชื่นชอบ
เพลงแรกที่ออกค่ะ “อย่าโกรธได้ไหม” เพราะทุกวันนี้ก็ยังมีคนร้องตามได้ ตอนนั้นเด็กมากนะ ถือว่าดีที่สุดของเราแล้ว สนุกดีค่ะ และการทำงานช่วงนั้นถือว่าเปลี่ยนไปจากตอนนี้มาก หนึ่งเรื่องอารมณ์เมื่อก่อนอาจจะเด็กไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำอะไรก็ทำ ตามใจฉันมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง พูดยากเหมือนกัน แต่เด็กไงก็จะไม่กล้าอะไรมาก พอตอนมาทำงาน กล้ามาก รู้สึกว่าตัวเองกล้าน่ากลัว เริ่มรู้ว่าตัวเองชอบอันไหน และทำอะไรได้ ชัดเจนขึ้น อย่างตอนเด็กก็จะมี ARคอยประกบตบๆ ให้เข้าร่องเข้ารอย มีคนสอนตลอดเวลา ต้องบอกว่าตอนอยู่ที่แกรมมี่เอสคอร์ท ดูแลดีมาก ทีมงานทั้งหมดน่ารัก สอนทุกอย่าง แล้วพี่ที่มาประกบเราเป็นคนนอบน้อม ก็จะไม่โดนว่าจากคนอื่นเท่าไหร่
ชิมลางงานละคร
ซายเล่นละครอยู่ 2 เรื่องค่ะ “สาวใช้หัวใจชิคาโก้” ช่อง 5 กับพี่ลูกเกด-เมทินี, พี่ก้อง-สหรัถ แล้วก็เล่นอีกเรื่องหนึ่งของช่อง 3 เรื่อง “ปิ๊ง” ออนแอร์ตอนบ่าย หลังจาก 2 เรื่องนี้ก็ไม่เล่นอีกเลย เพราะรู้สึกว่าละครอาจจะไม่ใช่ทางของเรา อาจจะเป็นเพราะเราอยู่กับเพลงมาซะส่วนใหญ่ มีคนติดต่อมานะคะ แต่ประจวบเหมาะกับตอนนั้นซายหมดสัญญากับแกรมมี่แล้ว เราก็ไม่ได้ Concentrated กับอะไรทั้งนั้น หันไปทำพิธีกรก็ไม่อิน พอเราไม่อินปุ๊บ ก็ไม่อยากจะทำ อยากทำอะไรที่เราชอบมากกว่า แล้วผลที่ออกมาก็น่าจะดีกว่าด้วย
ประสบการณ์ช่วยต่อยอด
รู้เลยนะคะ และชัดมากกับการที่วันนั้นเราฟังเขาทุกวันนี้ถึงทำให้ซายมีเพื่อนดีๆ มีพี่ที่เขายังเอ็นดูเรา ไปขอความช่วยเหลือ เขายังให้ความช่วยเหลือเราก็มีหลายๆ คนที่เรารู้สึกว่า นี่คือผลดีของการมีสัมมาคารวะ ผลดีของการยิ้มแย้มแจ่มใส โดยที่ตัวเราเองไม่รู้ตัวในตอนนั้น ก็ส่งผลลัพธ์ที่ดีในวันนี้ค่ะ
ตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน
ซายทำธุรกิจ ร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองค่ะ ชื่อ Cher’Z Brand (เชอ-ซี แบรนด์) เป็นชุดใส่ไปงานออกอีเว้นท์ ชุดราตรี อะไรต่างๆ นานา คิดว่ากำลังจะตีตลาดชุดแต่งงาน คือค่อยๆ ทำทยอยออกมา เพราะเริ่มจากลูกค้าติดต่อเข้ามาอยากให้เราทำ ซึ่งเราก็มีดีไซเนอร์ประจำที่ร้านลองออกแบบดู และค่อนข้างประสบความสำเร็จค่ะ
ที่มาของการเปิดร้าน
ตอนแรกตั้งใจจะทำสนุกๆ ค่ะ แต่พอทำไปทำมาเริ่มไม่สนุกแล้วล่ะ ลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น เริ่มจากชุดราตรีก่อน แบบ Evening gown ตอนแรกยังไม่มีหน้าร้าน ก็จะขายทางออนไลน์อย่างเดียวเลยค่ะ หลังๆ เริ่มดีขึ้นๆ เหมือนโดนบังคับให้เปิดร้านกลายๆ จึงตัดสินใจเปิด มีสาขาเดียวค่ะ อยู่ในโครงการThe 19th @ Chidlom (เดอะไนท์ตี้แอดชิดลม)หลัง Starbucks Coffee ทำที่เดียวค่ะ ไม่คิดจะขยายสาขาแต่อาจจะขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมค่ะ
ชีวิตพนักงานประจำที่เคยผ่านมา
ซายเคยเป็นพนักงานประจำที่ทรู คอร์ปอเรชั่นค่ะทำอีเว้นท์ มาร์เก็ตติ้ง เซลล์ สนุกมากค่ะ เราเรียนด้านนี้อยู่แล้ว แต่มาร์เก็ตติ้งไม่ได้เรียนนะ ไปเรียนเอาข้างหน้า (หัวเราะ) แต่อีเว้นท์ เรียนอยู่แล้ว รู้อยู่แล้วเรื่องหลักการทำ ตั้งใจไปเรียนแล้วก็ไปฝึกงาน จนตอนนั้นทำงาน 7 วันเลย คือ จันทร์-ศุกร์ ทำงานประจำ เสาร์-อาทิตย์ ทำเสื้อผ้า เรียกว่าไม่มีเวลาทำอะไรเลย มีคนมาชวนทำอะไรในวงการบ้าง แต่เราไม่มีเวลาเพราะเสื้อผ้านี่ เราต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ถ้ามีหลุดนิดหนึ่ง มีฟีดแบ๊กจากลูกค้ากลับมา เราก็จะรู้สึกไม่ดี พยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ แต่ถ้าจะให้กลับไปเล่นละคร ร้องเพลง ก็คงไม่ได้อินมากขนาดต้องกลับเข้าไปเลยนะ ตอนนี้สิ่งที่อยากทำคือ งานพิธีกร ดีเจมากกว่า ทำอะไรเกี่ยวกับงานเพลง ซึ่งจริงๆ ตอนนี้ก็ทำเป็นอเนาเซอร์อ่านสปอตอยู่ แต่ไม่ได้จริงจังค่ะ ใครเรียกก็ไป
อะไรทำให้หลงรักงานมาร์เก็ตติ้ง
รู้สึกว่าพอได้ถือเงินก้อนแล้วดีจังเลย ทั้งที่ก็ไม่ใช่เงินเรานะ (หัวเราะ) แต่งกมาก รู้สึกได้เลย ประหนึ่งว่าฉันจะใช้จ่ายอย่างไรให้มีเงินเหลือนายจะได้เห็นว่า เออ..งานนี้มีกำไรนะ ชอบบริหารเงินแล้วก็ดูอีเว้นท์ซึ่งก็เป็นของสวยงาม เรื่องเซลล์ โอเปอเรชั่น เป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้ ก็ไปเรียนรู้ อีเว้นท์ก็มีหลายแบบ เปิดตัวคอนเฟอเรนซ์ทั่วไป แต่อีเว้นท์ที่เราทำเป็นเซลล์อีเว้นท์ งานขายก็โอเครู้สึกว่าสนุก ได้ดูแบบ ดูเงิน โครงสร้าง มีเดีย ทำทุกอย่างเลยค่ะแต่จะมีคนมาตบให้เข้าที่ เรามีหน้าที่ดูภาพใหญ่โดยรวม คิดแล้วก็อยากกลับไปทำงานที่นี่อยู่นะคะ สนุกมาก คิดตลอดเวลาทำยังไงก็ได้ให้บูธเราเป็นจุดเด่น ถือว่ายังวนเวียนอยู่ในวงการบันเทิงกลายๆ มีเชิญนักร้องมาร้องเพลงบ้างเบาๆ
ประสบการณ์ความพลาดพลั้ง
เกิดตอนจัดงานแรกเลยค่ะ เจอหนักมาก ชุดใหญ่อยู่เหมือนกัน คือรู้สึกว่าทำงานออกมาแล้ว ร้องไห้ โดนด่าเละเลย กลับมาโกรธมาก โกรธคนอื่นที่เขาไม่มาเจอสถานการณ์อย่างเราแล้วเขามาด่าเรา หลังจากนั้นสโลแกนก็เปลี่ยนเลย จากประนีประนอม คือทำงานมา 4-5 ปี ไม่เคยอ้าปากเถียงใครสักคน พอเจองานนี้แล้วนะต้อง ปากกัดตีนถีบ (หัวเราะ) อ้าปากสู้ตาย ก็เป็นประสบการณ์ค่ะ พลาดเป็นครู
นาฬิกาชีวิตในปัจจุบัน
ตอนนี้สนุกกับการทำร้านเสื้อผ้าค่ะ แต่ก็ยังอยากกลับไปทำมาร์เก็ตติ้งอีเว้นท์อยู่นะคะ คิดถึงแต่สามีอยากให้ออกมา เขาบอกว่า การทำธุรกิจเป็นของตัวเองดีกว่าอยู่แล้ว เราก็ไม่เถียงหรอก แต่ว่าเรายังอยากทำควบนะ เขาก็จะบอกว่า อย่ากลับไปทำเลย เหนื่อย ห่วงว่าเราก็จะกลับบ้านดึก
ความเปลี่ยนแปลงหลังแต่งงาน
เหมือนมีเพื่อนคู่คิดมีบัดดี้ชีวิต สามี (นิกม์ เมธาเจริญวิทย์) เป็นคนที่จุดประกายอะไรหลายๆ อย่างให้ซายค่ะ อย่างเช่นเรื่องเสื้อผ้า เราไม่เคยทำธุรกิจอะไรมาก่อน เราไม่กล้าทำ กลัวว่าทำแล้วจะยังไงเหรอ ไม่รู้จะนับหนึ่งให้ตัวเองยังไง แต่เขาเป็นคนเริ่มให้เรานับหนึ่ง ซายเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องธุรกิจ
เลย ว่างเปล่ากันทั้งคู่กับเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วน แต่สามีเป็นคนช่วยตบให้ ไกด์ให้แล้วเราก็ไปต่อ ลุยทำหลังจากนั้นก็มาเรียนรู้จากการทำงานประจำด้วย ช่วยได้เยอะเหมือนกัน มีประสบการณ์จากตรงนั้นมาปรับเปลี่ยนใช้กับงานของเรา ไปดูว่าเขาขายกันยังไงมีวิธียังไง เรียนรู้ทุกขั้นตอนค่ะ (สามีร่วมลุยด้วยไหม) ไม่ละค่ะ ทิ้งเลย (หัวเราะ) ให้เราทำเอง ปล่อยรันเอง แล้วก็เพิ่งมาดูตอนนี้ เพราะเราทำคนเดียว พอดีหุ้นส่วนท้อง เขาเหนื่อยแล้ว ก็เลยอยากจะเบรกก่อน ตอนแรกซายคิดในใจว่าจะไม่ทำแล้ว แต่แฟนบอกลองดูก่อน เผื่อจะดี เราก็ลอง พอทำแล้วดี ก็เลยยาวมาจนถึงวันนี้ค่ะ
โมเม้นต์สวีท
จำได้ว่าตอนวันหมั้น ยังโอเคอยู่ค่ะ แต่หลังจากวันหมั้น เจอเหตุการณ์บ้านเมือง ทำให้ต้องเลื่อนงานแต่งออกไป แบบไม่มีกำหนดเลย (หัวเราะ) เราสองคนก็เลยพากันไปเที่ยวก่อน คือพอไม่ได้แต่ง ก็เลยขอไปเที่ยวก่อนแล้วกัน (หัวเราะ) กลับมาค่อยว่ากัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนสองคนอีกเลยค่ะ เพราะพอแต่งงานแล้วก็อยู่กับงานตลอดยาวเลย จริงๆ ก็อยากจะฮันนีมูนแล้วล่ะ แต่ตอนนี้อยู่สองคนทุกวัน กลายเป็นว่าไปกับเพื่อนสนุกกว่า ส่วนทริปฮันนีมูนคิดว่าคงมี แต่ยังไม่รู้จะไปไหน(หัวเราะ)
วางแผนเรื่องทายาท
ซายเป็นคนมีลูกยากค่ะ สุขภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย ก็ต้องดูแลสุขภาพไปก่อน อยากมีไหมก็อยากมี แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ยังไม่พร้อมค่ะ (ทางสามีล่ะคะ?) เขาบอกไม่อยากมีนะ ไม่อยากเลี้ยงชัดเจน ยิ่งกว่าเราอีก เขาบอกว่าสังคมสมัยนี้น่ากลัว เขาคิดเยอะค่ะ และก็คงคิดอยู่แหละ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขาเป็นคนรักเด็กนะ อ่อนโยน อ่อนหวาน แต่เขากลัวว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดีพอ
เปรียบชีวิตตัวเองกับชุดสวย
คงเป็นหางปลาเรียบๆ ธรรมดามากๆ เป็นสายป่านหางปลายาวๆ อาจจะมีงานมือเดปปิ้งบ้างนิดหน่อย เพราะซายเป็นคนใช้ชีวิตเรียบมากเลยนะ จะไม่ค่อยมีข่าว จะตอนนั้น หรือตอนนี้ ก็ยังนิ่งๆ เฉยๆ เงียบ เป็นคนเรียบ คนที่มาเจอส่วนใหญ่เขาจะคิดว่า
เป็นคนดาราต้องมีชีวิตแบบฟู่ฟ่า แต่ซายจำได้ ตอนซายเป็นนักร้อง ยังก้าวขึ้นรถเมล์ ใช้ชีวิตปกติอยู่นะ เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราเปลี่ยนตัวเองมากๆ เราคงจะใช้ชีวิตแบบแฮปปี้ไม่ได้ เราก็เกิดมาไม่ใช่คนที่ร่ำรวยมาแต่อ้อนแต่ออก เราใช้ชีวิตเรียบๆ เพื่อนน้อยๆ ไม่วุ่นวาย ไม่เยอะค่ะ
สถานะของวัย
ซายมองว่าไม่ใช่วัยที่เริ่มเดิน ไม่ใช่วัยที่เรียนรู้ และไม่ใช่วัยที่ประสบความสำเร็จ ยังอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนา เพื่อที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ เพราะเราเรียนรู้มาเยอะแล้ว ตอนนี้ขอให้แบบชุดที่ทำ ถูกใจ โดนใจลูกค้า บริการทุกคนได้เต็มที่เราไม่ชอบลูกค้าจำนวนเยอะ เราชอบลูกค้าจำนวนน้อยที่สนใจในงานเราจริงๆ แล้วก็มีคุณภาพ เวลาที่เขาเห็นงานของเรา เวลาที่เขาเสพ
งานของเรา แล้วเขารู้สึกว่างานเรามีคุณภาพ นั่นแหละคือสิ่งที่เราอยากได้ และเราก็พร้อมที่จะบริการ
เมื่อไหร่ถึงจะมองว่าตัวเองประสบความสำเร็จ
เมื่อเราเห็นว่าแบรนด์เราประสบความสำเร็จ ติดตลาด ไปไหนมาไหนคนเรียกชื่อแบรนด์เรา ทุกวันนี้ถามว่าเราก้าวมาขนาดนี้แล้วเรา Success ไหม เรา Success ในระดับหนึ่งแล้วล่ะ เพราะว่าคนรู้จักมากขึ้นแล้วไม่ได้รู้จักเพราะเราคือ กรรณิการ์ ซาย แต่
เขารู้จักเพราะว่าเขารู้จักในงานเรา ดีตรงนี้ บางทีไปไหนมาไหนมีคนเห็นเปิดดูงานเราจากไอจีก็ภูมิใจนะคนละแบบกับตอนทำอีเว้นท์ บูธเสร็จแล้วสวยจังเลย นั่นก็สำเร็จ แล้วครึ่งหลังล่ะขายยังไงให้ได้ยอด แต่เสื้อผ้าแค่คนชอบไต้องซื้อก็ได้ แค่พูดถึงเราก็แฮปปี้ จากแบรนด์เล็กๆ ที่อยู่บนออนไลน์ ขายตัวไม่กี่พันจนก้าวกระโดดขึ้นมาขายแบรนด์ใหญ่ๆ ต้องใช้เวลา ของเราถือว่าใช้เวลาสั้นนะคะ
ยิ่งกว่าความภูมิใจ
ทุกครั้งที่ลูกค้าส่งรีวิวกลับมา คุณไม่ต้องแท็กชื่อร้านหรือชุดก็ได้ แค่คุณใส่ก็แฮปปี้มาก แล้วตอนนี้ที่กำลังจะตัดชุดเจ้าสาว สิ่งที่แฮปปี้มากคือ อยากเดินเข้าไปบอกว่า เดี๋ยวซายจัดชุดให้นะคะ และไปส่งเจ้าสาวเองกับมือ อยากเห็นรอยยิ้มเขา เราทำงานพวกนี้ เราต้องรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งลูกค้าเดินออกจากร้านเรา แล้วลูกค้าแฮปปี้ เราคนทำแฮปปี้กว่าลูกค้าเยอะนะ แต่ตอนนี้อาจจะไม่ได้รับลูกค้าเลย เพราะยุ่งมากๆ แล้วก็ต้องขอบคุณรุ่นพี่ดาราหลายๆ คนที่มาซื้อไม่ว่าจะซื้อช่วยน้อง หรือเพราะเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ขอบคุณมากๆ เราส่งไปให้แล้วเขาก็ใส่ ก็ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น อย่างเป้ย-ปานวาด, พี่เอ๋-พรทิพย์, น้องออม-สุชาร์, น้องต่าย-ชุติมา และอีกหลายๆ คนที่เขาช่วย จอย-ชลธิชา เพื่อนสนิท ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ คือแบบแบรนด์คงไม่ติดเร็วขนาดนี้ ต้องบอกเลยว่าที่แบรนด์ติดเร็ว เพราะมาจากคนเหล่านี้เห็นคุณค่าในผลงานของเรา ต้องขอบคุณเพื่อนที่ช่วย PR ให้ แค่เขาชอบในดีไซน์เราก็ดีใจจะแย่อยู่แล้วนี่มาซื้อ รีวิวให้ ยิ่งขอบคุณมากๆ
กำลังใจถึงผู้ที่มีฝัน
ทุกคนมีฝัน แต่ความฝันของแต่ละคนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซายเองก็เปลี่ยน เปลี่ยนเยอะมากด้วย แต่ก็ไม่อยากให้ทิ้งฝัน อยากให้ลองทุกอย่างเลยที่เคยคิดไว้ ถ้ามีกำลังลองได้ ลองเลยค่ะ เพราะวันหนึ่งคุณจะเจอสิ่งที่คุณชอบจริงๆ และใช่จริงๆ คุณจะไม่มีทางรู้เลยถ้าคุณไม่ได้ลองทำ เพราะฉะนั้นถ้ามีกำลังทำ ทำให้เต็มที่ค่ะ แล้วมันจะค่อยๆ บอกตัวเองว่าจริงๆ แล้วเราเป็นแบบไหน ซึ่งซายเองกว่าจะค้นตัวเองเจอ ก็ใช้เวลานานมากเหมือนกัน น้องๆ รุ่นใหม่ๆ น่าจะเจอเร็ว เพราะคุณพ่อ-คุณแม่ผลักดัน เขาได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ มีช้อยท์ให้เขาเลือกเยอะมาก ถ้าเจอแล้วก็พุ่งเป้า เอาให้ดีและถ้าคิดจะหาอย่างอื่นเสริมก็ค่อยทำ เอาเส้นหลักให้แน่น เส้นรองค่อยว่ากัน ถามว่าตอนนี้ซายอยากทำอย่างอื่นอีกไหม อยากนะคะ มีคนทำชวนทำอย่างอื่นเยอะแยะ แต่สิ่งที่อยากทำมากที่สุดเป็น เสื้อผ้าแม่และเด็กเพื่อนสนิท เจน-ชมพูนุช ชวนทำ เขาเพิ่งมีลูกใช่ไหมคะ เขากำลังอิน(หัวเราะ) ถามซายทำไหม ทำสิ! เร็วๆ นี้ค่ะ
ผู้มีฝันลองหยิบยืมแนวคิดของซายไปใช้ ฝันนั้นอาจเป็นจริงได้ หากเริ่มต้นลองทำค่ะ
กระแตน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี