ต้องบอกว่าละครแน่นเอี้ยด คิวออนแอร์ยาวไปจนถึงปีหน้าเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงหญิงคุณภาพ ต่อง-สาวิตรี สามิภักดิ์ ไม่ว่าจะเล่นบทอะไรเป็นคาแร็กเตอร์แบบไหนตีแตกกระจุยแทบจะทุกบทบาทที่เธอแสดง ซึ่งเห็นได้จากละครที่ประสบความสำเร็จมากมาย อาทิสื่อริษยา นางชฎา ข้าบดินทร์ เป็นต้น ฮอตขนาดนี้มีเทคนิควิธีการรับงาน จัดการคาแร็กเตอร์ที่หลากหลายให้กับตัวเองอย่างไรถึงไม่สับสน ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า ไม่พลาดบุกไปถึงกองถ่าย จับเข่าคุยถึงขบวนการจัดการของเธอมาเปิดเผยให้รู้กันแบบเคลียร์ๆ พร้อมอัพเดทสถานะหัวใจ ณ วันนี้ของ สาวิตรี สามิภักดิ์
l อัพเดทผลงานล่าสุด
ตอนที่ออนแอร์อยู่ สะใภ้จ้าว รับบทที่สูงส่งเล่นเป็น เสด็จพระองค์หญิง ต่องอ่านบทแล้วสนุกมากค่ะขอบคุณบรอดคาทซ์ฯ ที่ให้ต่องมาเล่นบทนี้ เวอร์ชั่นก่อนเขาดังมากแต่ต่องไม่ได้ดู ถ้าเกิดใครเป็นแฟนละครสะใภ้จ้าวเวอร์ชั่นเก่าที่ว่าสนุก ต่องว่า ณ พ.ศ. 2558 ยุคสมัยเปลี่ยนไปมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาความเข้มข้นของเนื้อหา นักแสดงเพราะเขาขนมาเต็มมาก เป็นสะใภ้จ้าวที่สนุกมากยิ่งขึ้นจากที่สนุกอยู่แล้ว มีหลายพาร์ทมีเรื่องราวเยอะ พี่เติม (ผู้กำกับ) เขาทุ่มทุนอลังการงานสร้างมาก ฉากวันเกิดเสด็จพระองค์หญิงถ่ายสามวันซึ่งอาจจะออกมาไม่กี่นาที เสื้อผ้าหน้าผม โอ้ยเยอะแยะมากมาย และไม่ได้มีแค่ฉากเดียวนะมีฉากอลังการใหญ่ๆ หลายฉากมากๆ แค่ดูฉาก เสื้อผ้า นักแสดง ต่องว่าคุ้มแล้ว บวกกับเนื้อหาที่เข้มข้น ก็อยากจะให้แฟนๆ ทั้งใหม่และเก่าของละครเรื่อง สะใภ้จ้าว ดูกันค่ะ ต่องรับรองว่าสนุกแน่นอนค่ะ
ส่วนอีกเรื่องที่ออนแอร์อยู่ก็คือ เจ้าสาวของอานนท์ ของ คุณหญิงแมงมุม ทางช่อง PPTV ที่ถ่ายทำเสร็จยังไม่ได้ออนแอร์ก็มีเรื่อง เจ้าจอม ของพี่กอบสุข พ่อครัวหัวป่าก์ ของคุณแป๊ป-ณฤทธิ์ ทางช่อง 3 และที่ถ่ายทำอยู่ก็มี ปดิวรัดา หมอเทวดา สาวน้อยร้อยล้าน ทางช่อง 3 เสน่ห์ร้ายอุบายรัก ของเอ-ศุภชัย ประมาณนี้ค่ะ
l เรียกว่าฮอตยิ่งกว่าพระเอก-นางเอก
จริงๆ ไม่ฮอตหรอกค่ะ คือเป็นจังหวะที่เหมาะมากกว่าว่าพอละครเรื่องนี้จบ เรื่องนั้นก็ต่อปั๊บ จริงๆ ไม่เยอะเลยนะ ก็มีทั้งละครปิดกล้องแล้วที่ออนแอร์ และยังไม่ปิดกล้องแล้วออนแอร์
l รับงานเยอะๆ แบบนี้มีวิธีแบ่งอารมณ์อย่างไร
โดยปกติถ้าใครรู้จักต่องพอคัทต่องจะกลับมาเป็นตัวเอง ไม่ว่าต่องจะเป็นเจ้าสูงศักดิ์ขนาดไหน คาแร็กเตอร์มีไว้แค่ในละคร ข้างนอกต่องเป็นตัวเองเสมอ เพราะฉะนั้นไม่สับสน ต่องไม่เคยอินกลับบ้าน คัทปุ๊บก็หยุด ยกเว้นจะมีซีนอารมณ์ อาจจะต้องโฮลอารมณ์ไว้เพราะถ้ามาบิ้วท์ใหม่จะช้า แต่ถ้าไม่มีต่องก็บ้าๆ บอๆ เหมือนเดิม คือเคยคิดเหมือนกันนะว่าตัวเองผิดปกติหรือเปล่า ตอนที่กลับมาเล่น แรงเงา เพราะมีแอ๊กติ้งโค้ชคนหนึ่งชื่อครูไก่ เขาให้มานั่งคุยก็ถามว่าครูคะถามได้ไหมคะต่องไม่เคยอินกลับบ้านเลย ต่องเป็นนักแสดงที่ดีไหม ซึ่งจริงๆ ต้องไม่อินกลับบ้าน เขาบอกต่องมาคำหนึ่งว่า บทบาทที่เราได้รับมันเป็นบทบาทที่เราไม่มีในชีวิตจริง เราสนุกกับมันไปเลยเราเล่นได้อย่างสบายใจเถอะเพราะไม่ใช่ชีวิตเรา เราก็เอ็นจอยกับบทบาท เมื่อเราสวมคาแร็กเตอร์นั้นเราก็เป็นคาแร็กเตอร์นั้น ทันทีที่คัทเราก็เป็นตัวเอง ต้องแยกกันให้ออกว่าชีวิตจริงกับชีวิตละคร เขาก็บอกว่าต่องทำไม่ผิดหรอก ต่องก็โอ้ย…ขอบคุณมากเลย แต่สำหรับบางคนก็อาจจะมีติดกลับไป หรือบางครั้งที่เครียดจริงๆ เล่นซีนอารมณ์หนักๆ เราจะไม่รู้ตัว จะรู้ตัวอีกทีหนึ่งคือ หัวเราตึง เช่นร้องไห้มากๆ หัวมันตึงๆ นักแสดงเป็นคนที่ทำงานกับอารมณ์ที่หลากหลายมาก แต่อารมณ์ที่ทำให้ตัวต่องรู้สึกว่าตึงๆ หัวก็จะเป็นอารมณ์พวก ดราม่า การใช้อารมณ์แรงๆ บทแรงๆ ร้องไห้ ปรี๊ดหนักๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นนานนะคะ เล่นเกม หรือทำอย่างอื่นสักพักหนึ่งก็หายไปแล้วนะ
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ เล่นซีนอารมณ์มา 2-3 วัน พอได้ไปนวดหน้า เฮ้ยทำไมดีอย่างงี้ล่ะ รู้สึกหน้าผ่อนคลาย คือ 2-3 วันที่ผ่านมาคงทำหน้ายักษ์ขมูขีไปเยอะ กล้ามเนื้อคงเกร็งเพราะเราแสดงอารมณ์ของเราผ่านสีหน้าไปเยอะ พอนวดแล้วเฮ้ย รู้สึกสบาย รู้สึกดี หรืออย่างเวลาไปสระผมเวลาเขานวดหัวให้แล้วนะโอ้ยรู้สึกดีจังเลย ฟิน คือเผอิญว่านักแสดงอย่างเราใช้หลายอารมณ์ในหนึ่งวันและใช้อยู่แบบไม่ธรรมชาติน่ะ
l กว่าจะมาเป็น สาวิตรี สามิภักดิ์ ที่แฟนๆ รู้จักทั้งประเทศ
ตอนเด็กๆ ด้วยหน้าอย่างนี้ ผมก็จะประกายทอง หน้าก็ออกฝรั่งจ๋า ความที่เราแปลกกว่าใครในห้องเรียนก็มักจะได้เลือกให้ทำการแสดงอยู่เสมอ เราไม่ชอบนะ แต่ทุกๆ อย่างก็ต้องทำ ถามว่าอยากทำไหม ไม่อยากทำหนึ่งตังค์ก็ไม่มีกิจกรรมพวกนั้นต้องเสียเงินไงคะ แล้วแม่ก็ลำบาก ครอบครัวต่องเรียกว่า จน เลยค่ะ ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง พ่อก็เล่นแชร์ ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้เรียนคอนแวนต์ เนื่องจากพ่อเป็นคาทอลิก ก็ต้องขอบคุณพ่อที่ทำให้เราได้การศึกษาที่ดี บางคนอาจจะค้านว่าทำไมเรียนโรงเรียนแพง ก็พ่ออยากให้ได้เรียนไงคะพ่อก็ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เราได้เรียน และอีกอย่างเวลาถ่ายรูปที่โรงเรียนไม่ยิ้มสักรูปเลย เขิน ไม่ชอบถ่ายรูป จะก้มหน้า หน้าเป็นมะเหงกทุกรูป แม้แต่รูปที่ใส่ชุดเข้ารับศีล เป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปเลย จะมีรูปดีๆ น้อยมาก คือเราคิดว่าเราไม่สวย ต่องไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยนะ แต่ที่ต้องทำกิจกรรมโรงเรียนต่างๆ เพราะคำว่า ต้องทำ คือถูกบังคับนั่นแหละ
ความใฝ่ฝันเป็นนักแสดงเหรอ NO!!!! พรีเซ็นต์ก็บ๊วย ร้องเพลงก็บ๊วย แต่ถ้าเพลงไหนร้องได้เต็ม 10 ก็จะร้องเพลงนี้ไปตลอด ต่องเป็นคนชัดเจนและเหมือนเดิมเป๊ะแม้จะ 10 ปี ผ่านไปก็ตาม ต่องเป็นคนขี้อาย ขี้เขิน แต่งตัวออกจากบ้านนี่เช็คแล้วเช็คอีกนะไม่เคยมั่นใจเลย แต่ทันทีที่ออกไปต่องไม่สนใจเลย พอต้องออกมาทำงานแล้วทำงานปุ๊บต่องก็จะลืมในสิ่งที่เป็นองค์ประกอบทั้งหมด ต่องก็จะทำงานของต่อง อย่างถ่ายละครต่องไม่เคยเติมหน้าเลยทั้งชีวิต และต่องไม่เคยส่องกระจก บางวันคิ้วกันแหว่งอยู่สามวันยังไม่รู้เลย (หัวเราะ) ต่องก็เข้าฉากทำงานไปชุดแค่ขอให้ใส่ได้ก็จบล่ะ อย่าฟิตแล้วกัน
จังหวะ และโอกาส เดินทางมาทักทายตั้งแต่เด็ก
จริงๆ เริ่มจากถ่ายโฆษณา ทุกเช้าวันอาทิตย์ต้องไปโบสถ์ ตอนหลังย้ายมาอยู่ในสวน เช่าบ้านอยู่ ตอนนั้นเดินจากสวนบางโคล่แถวพระราม 3 ไปวัดไผ่เงินเกือบๆ จะทะลุสาธุประดิษฐ์เป็นโบสถ์เซนต์ยอเซฟก็เดินไปกับน้อง ซึ่งน้องจะผิวสองสีเขาเรียกขาวดำ เดินไปด้วยกันมีพี่คนหนึ่งเขาก็ให้นามบัตร เราคิดว่าเขาให้น้องนะ เพราะน้องเราอ่ะขึ้นชื่อว่าสวยคมๆ เราก็เฉยๆ แล้วเขาก็โทรมาบอกเลือกต่อง โอเคไปลองดู แคสชิ้นแรกคือได้เลย น้ำยาล้างตา ถ่ายแค่ลูกตาจริงๆ พี่ม้า อรนภา เป็นคนแต่ง ยิ้มแต่ตาห้ามยิ้ม ตาห้ามยับ ต่องทำไม่ได้ไม่รู้กี่ชั่วโมง ไปบอกทีมงานว่า ต่องไม่ถ่ายแล้วได้ไหมคะ ต่องทำไม่ได้ค่ะ เขาก็บอกไม่ได้เซตขนาดนี้แล้วต้องได้ ก็ทำจนทำได้ เราถึงรู้ว่าตาเรายิ้มได้ เขาเลือกเพราะตาเรายิ้มได้ ตาเราอ่ะเป็นคนตายิ้มนะแต่ให้เรายิ้มโดยที่ยิ้มแต่ตามันทำไม่ได้ เด็กนะเราไม่ใช่นักแสดง แต่ตอนนี้เราทำเป็นแล้วเพราะเรามีตายิ้มได้ เวลาต่องยิ้มตาต่องยิ้มด้วย นั่นคือชิ้นแรกหลังจากนั้นก็ถ่ายโปสเตอร์ ถ่ายงานอื่นๆ หารายได้ช่วยที่บ้านไปเรื่อยๆจนวันหนึ่งไปเห็นคอร์ดเทนนิส ต่องเป็นคนชอบเล่นกีฬาใส่ชุดนักเรียนไปดูกับเพื่อนคิดว่าเดี๋ยวไปดูเพื่อจะได้ไปเล่นใกล้บ้านเพื่อนด้วย เจอน้าแอ๊ด-สมบัติ เมทะนี เรียกชวนว่าสนใจเล่นหนังไหม เราก็ไม่เอาอ่ะ ไม่ได้ดูหนังเยอะด้วย บ้านเราจน หลังจากที่ปฏิเสธเขาไปจนวันหนึ่งเขาส่งคนมารับ
ที่บ้านไปกินข้าว เพื่อนเขาอยากเจอเราแล้วก็อยากทำหนัง อดุลย์ กรีน กับพี่ติ๋ม ภรรยาเขา ไปเห็นโปสเตอร์ต่องที่ห้างสรรพสินค้า เขาบอกอยากได้คนนี้จะทำอย่างไรดี ต่องว่าเหมือน Destiny นะ ที่เขาลิขิตเอาไว้ ต่องบังเอิญคือคนที่เขาอยากได้ แล้วเขาก็มาคุยลงเอยกันว่าจะลองเล่น ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ก็คิดว่าเล่นสักเรื่องหนึ่ง ปรากฏว่าวงการนี้โอกาสมาจริงๆ ไม่ได้ง่ายแล้วโอกาสออกบางทีเราก็หลงรักมันจนไม่ได้ออก จนต่องก็อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ต่องคิดว่าได้เล่นเรื่องเดียวนะ แต่ต่องก็คิดว่ามีคนเขาขีดเส้นไว้ให้เราแล้วแหละ จากคนที่ไม่ชอบและไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้จนถึงวันนี้ดีหรือเปล่าต่องไม่ทราบแต่ทำให้ต่องมีทุกอย่างในชีวิต ทำให้ต่องเทคแคร์ดูแลครอบครัวได้ส่งน้องเรียนได้ มีวันนี้ได้เพราะอาชีพนี้จริงๆ
l ผลงานการแสดงเรื่องแรก
เล่นเป็นฝาแฝดค่ะ เป็นสาวห้าวๆ เหมือนทอมคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ อีกคนหนึ่งเป็นครูใส่แว่นม้วนมวย เล่น 2 คาแร็กเตอร์ แบ่งเฟรมแฝดเลย พ่อของหนุ่มอรรถพร เป็นคนถ่ายแบ่งเฟรมหนังใหญ่ เรื่อง รักจั๊กจี้ กับคุณไกรสร แสงอนันต์ ช่วงนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน เล่นหนังก็ไม่เยอะ เล่นละครก็ไม่เยอะ ชีวิตต่องมีจุดเหมือน Turning Point ต่องไม่เสียใจนะคะ ต่องเชื่อว่าบางทีเหมือนเขาเขียนไว้ให้เราเป็นแบบนี้ เหมือนบททดสอบ ไม่ต้องลงลึกในรายละเอียดแต่ในที่สุดเราก็มาถึงวันนี้ อาจจะไม่ราบเรียบ ไม่ดูสวยหรู ผ่านมาด้วยอุปสรรคเยอะเหลือเกินแต่ในที่สุดชีวิตก็มาถึงวันนี้ค่ะ ต่องก็แฮปปี้กับตรงนี้แล้วค่ะ ไม่ได้เสียดาย ต่องเชื่อว่าย้อนอดีตไม่ได้ ต้องปัจจุบันเท่านั้น ย้อนอดีตไม่ได้ เสียใจได้แต่ให้เป็นบทเรียน ต่องจะไม่ล้มที่เดิมโอเคถึงจะล้มที่เดิมแต่ต่องจะให้ล้มแล้วเจ็บน้อยที่สุดครั้งหน้าก็อาจจะล้มอีกก็จะเป็นบทเรียนกับต่องอีก ถามว่าล้มที่เดิมอีกไหมบ่อยครั้งที่ต่องล้มที่เดิมแต่ต่องก็จะรู้สึกว่า เออนะครั้งหน้าเอาใหม่ เพราะว่าถ้าเราไม่ให้กำลังใจตัวเองรอให้คนมาให้กำลังใจแล้วเมื่อไหร่เราจะยืนใหม่ได้ เราเป็นคนที่ทำงานตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนไม่มีครอบครัวเรายืนด้วยลำแข้งตัวเอง เราไม่เคยแบมือขอเงินใคร นับตั้งแต่วันที่เราก้าวเข้ามาทำงานเราก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ คนที่จะทำให้เราเข้มแข็งและยืนได้ใหม่ในทุกครั้งคนรอบข้างเป็นกำลังใจแต่คนที่ทำให้เรายืนได้แข็งแรงที่สุดคือ ตัวเราเอง ไม่มีใครทำให้เราลุกขึ้นยืนได้อย่างภาคภูมิใจเชิดหน้าสู้กับปัญหาได้ดีเท่ากับตัวเราเอง คนอื่นๆ ก็เป็นกำลังใจถ้ามีก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่ดีที่สุดมันคือตัวเอง คนที่จะกระชากเราลุกขึ้นยืนได้ก็คือตัวเราเอง
l บทบาทที่เป็นภาพจำสำหรับคนดู
เขาจำหลายอย่างค่ะ คือต่องเป็นคนเล่นละครไม่เยอะ แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นละครที่ประสบความสำเร็จอย่างเช่น คนจะจำเรื่อง จำเลยรัก เล่นเรียบร้อยเรื่องแรก แรงเงา เล่นร้ายเรื่องแรก เรื่องนี้พี่แอมตื๊อทุกวันเลยบอกตรงๆ รับเพราะแก ในเรื่องต้องเล่นเป็นคนมีลูกอายุ 16 ปี ชีวิตจริงต่องไม่มีลูก ความเป็นแม่จะเป็นยังไงซึ่งก็ผ่านมาได้ คนก็จำ ส่วนใหญ่แล้วต่องจะได้รับบทแก่นๆ เหมือนผู้ชายออกทอมๆ เพราะอาน้อยจะจับคาแร็กเตอร์เราใส่ละคร ไม่ใช่จับคาแร็กเตอร์ตัวละครใส่เรา
l ผลงานที่ประทับใจ
ในแต่ละเรื่องมีความประทับใจต่างกันนะ เช่น จำเลยรัก เป็นสิ่งที่เราคิดว่าเรา ทำไม่ได้ เราเล่นเป็นคนเรียบร้อยมากซึ่งห่างจากตัวเรา เป็นเรื่องแรกที่เล่นเรียบร้อย และร้องไห้เป็นเรื่องนี้ ไม่เคยร้องไห้เป็นเลยอิน คืออะไรวะ (หัวเราะ) ไม่เข้าใจคำว่าอิน มาเข้าใจเรื่องนี้ฉันร้องไห้เป็น ฉันเข้าใจคำว่า อินเนอร์ ก็ต้องขอบคุณพ่อหรั่ง-ไพรัช สังวริบุตร ประทับใจที่ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจคำว่า อารมณ์ ความรู้สึกของตัวแสดง มีเหตุการณ์รายล้อม ต่องไม่เคยเรียนการแสดงเลยนะ แถมเล่นละครมาก็ไม่เยอะประสบการณ์น้อยมาก ตลกก็ไปเล่นเรื่อง แม่ครัวคนใหม่ ป่วยด้วยตอนนั้นผอมเป็นไทรอยด์เป็นพิษแบบผอม 3 อาทิตย์ ลง 9 กิโล หน้าตาขี้เหร่ เออฉันพูดภาษาอีสานก็ได้คนชอบ เล่นตลกบ้าบออันนี้ก็ชอบ
แต่ถ้าถามว่าที่สุดต่องว่าในชีวิตมีบททดสอบเข้ามาให้เราเยอะ ความประทับใจในแต่ล่ะช่วงเวลาแต่ละช่วงปีมีไม่เหมือนกันแต่ให้เลือกเหรอ อืม…ต่องคงไม่มีมาสเตอร์พีซ อย่างปีนี้เราก็ไปอยู่ในละครที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ต้นปีเลยนะ คือเรามีส่วนร่วม สื่อริษยา นางชฎาข้าบดินทร์ ดิฉันอยู่หมดเลย ดีหรือเปล่าไม่รู้แต่ดิฉันอยู่ในละครที่ประสบความสำเร็จ คือนี่เป็นโชคดีของต่องนะต้องขอบคุณโอกาสมากๆ ที่ทำให้เราได้ทำ อย่างข้าบดินทร์ต่องอยากเล่นมากๆ เลยนะ ต่องอยากใส่ชุดไทยเล่นละคร ต่องไม่เคยเลยนะไม่มีใครให้เล่นเลย พอได้เล่นใส่ชุดไทยแล้วแบบปลื้มปริ่ม ใส่ชุดไทยใช่เลยอ่ะ ได้ทำแล้ว คนชอบ ละครดี ฟีดแบ๊กดี เราก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณพี่ปิ่น- ณัฏฐนันท์ ที่ให้ต่องเล่นเรื่องนี้ ขอบคุณช่อง 3 ที่อนุญาตให้ต่องได้เล่นเรื่องนี้ต่องแฮปปี้มาก รู้สึกดีใจ คนอื่นอาจจะเคยเล่น แต่ต่องตื่นเต้นต่องไม่เคยนุ่งผ้าถุงห่มสไบ ถือว่าปีนี้เป็นความโชคดีของเรา
l เรื่องแรงเงาที่ว่าตัดสินใจนานมากกว่าจะรับเพราะเหตุใด
ไม่ได้เล่นละครนานตอนนั้นหยุดไปเพราะมีปัญหาเรื่องคิวที่ติดถ่ายรายการพิธีกร และกลัวเล่นไม่ได้ กลัวจำบทไม่ได้ด้วย กลัวร้องไห้ไม่ได้ กลัวทำของเขาพัง คือบอกพี่แอมเลยว่าถ้าต่องเล่นไม่ดี เล่นไม่ใช่ เปลี่ยนตัวต่องได้เลย ต่องไม่โกรธ ไม่เคยเล่นมีลูกโต 16 ไม่ไหวอ่ะ ชีวิตจริงก็ไม่มีลูกด้วยไม่มีความเป็นแม่ เคยเลี้ยงแต่ลูกแบบแบเบาะ กลัวทำไม่ได้กลัวมากๆ ไปถ่ายวันแรกกังวลมากตายแล้วฉันจะร้องไห้ได้ไหมวะ บอกอาชู (ชูศักดิ์ สุธีรธรรม) ว่าถ้าต่องทำไมได้ อาชูด่าหนูได้เลยนะ เราก็อยากให้ละครเขาออกมาดีไง สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ก็ด้วยทีมงานและทุกๆ คนหลายฝ่ายช่วยกันและที่สำคัญบทสำคัญมาก บทสนุกผู้กำกับดี เพื่อนร่วมงานที่ดี คุณแอน ทองประสม เล่นอ่ะ มีส่วนช่วยเราด้วย ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถทำงานดีคนเดียวได้เลย ละครหนึ่งเรื่องจะดังได้แค่คนไม่กี่คนไม่ได้มันต้องทั้งหมดทำให้ละครมันดูดี
l เข้าสู่งานพิธีกรได้อย่างไร
ตอนนั้นต่องเป็นคนมีแนวความคิดไม่ซับซ้อนผ่อนบ้านหมดจะไปเที่ยว จะไปหาพี่ที่เมืองนอกชีวิตต่องมีแค่นี้ฉันผ่อนบ้านหมดก้อนนี้ปัง จบจำเลยรัก พอดีเลย ฉันจะไปเมืองนอกไปเที่ยวหาพี่โชว์ตัวด้วยได้ตังค์ด้วย ช่วงที่กลับมาก็ยังว่างๆ อยู่ก็ไปเล่นละครเวทีอยู่เรื่องหนึ่ง เสร็จแล้วมีคนมาติดต่อ ก็ไปลองคุยโอ้ยสภาพตอนไปเขาแทบจะไม่จ้างพี่ ใส่กางเกงยีนส์ตัวใหญ่ๆ ปล่อยผม หน้าก็ไม่แต่ง ใส่เสื้อยีนตัวใหญ่ๆ ใส่รองเท้าผ้าใบ โปรดิวเซอร์เห็นครั้งแรกจะเป็นลม(หัวเราะร่วน) ก็ลองดู เหมือนเดิมค่ะ ถ้าไม่ดีเปลี่ยนต่องนะแต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ รายการบ้านเลขที่ 5 จนตอนนี้ก็เป็นภาพจำในงานพิธีกรของต่อง ต่องเป็นพิธีกรคนเดียวตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายที่ไม่เคยเปลี่ยน คนอื่นอาจจะมีเปลี่ยนเข้ามาออกไปบ้าง ต่องหยุดไม่ถึง 12 วัน ใน 12 ปี เชื่อป่ะเวลาป่วยก็ไป เวลาเขาบอกไม่มี ไม่ได้ ต่องเป็นคนขี้เกรงใจก็ไป เพื่อนเคยบอกว่าขี้เกรงใจมากก็ไม่ดีนะ แต่ข้อนี้เป็นเรื่องที่ต่องเปลี่ยนยากมาก
l ประทับใจอย่างไรกับงานพิธีกร
สำหรับต่องนะคะนอกจากจะได้สตางค์แล้ว การทำพิธีกรทำให้ต่องเปิดโลกทัศน์ที่กว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสังคม เศรษฐกิจ การรู้จักคนในหลากหลายสาขาอาชีพ เราได้คุยกับคนสดๆ ได้เรียนรู้ประวัติเขา เราได้พบเจอคนมากมาย เรามีองค์ความรู้เยอะเหลือเกินแต่ต่องก็เลือกที่จะจำนะ จนทุกวันนี้ต่องได้ประโยชน์จากการทำพิธีกรเยอะนะ รู้จักหมอเยอะ รู้จักวิธีการที่จะ Get To The Point ในการคุยกับคน (ตอนนี้ล่ะยังทำพิธีกรอะไรอยู่ไหมคะ) อยากทำค่ะ ก็มีติดต่อมาบ้างแต่เวลาไม่ลงล็อกกันสักที ต่องก็ยังเชื่อเรื่องจังหวะและโอกาสอยู่ ตอนนี้ต่องมีโอกาสกับการเป็นนักแสดงก็เต็มที่กับมัน ส่วนพิธีกรก็ถ้ามีโอกาสเราคงได้ทำอีก เพราะว่ามันก็เป็นงานที่เรารักแล้วเราก็คิดว่าเราทำได้ในประมาณหนึ่งด้วย ดีหรือเปล่าไม่รู้แต่ดีประมาณหนึ่ง
มีคนเคยบอกต่องว่าชีวิตในวงการบันเทิงเหมือน ว่าว ที่ขึ้นสูงที่สุด สุดสายป่านแล้วมันก็ไปสูงกว่านั้นไม่ได้แล้ว รอวันที่วันไหนลมแรงเหลือเกิน สายป่านขาด ว่าว ก็ต้องตกลงสู่พื้น มันก็จะไม่ใช่วันของเรา แต่วันนี้ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เราเคยผ่านมาแล้วก็เก็บไว้เป็นความภูมิใจ ส่วนเราจะปรับเปลี่ยนชีวิตหรือบทบาทเราได้ไหม ถามตัวเองถ้าตัวเองทำได้ ทำแล้วแฮปปี้ ทำแล้วมีความสุขกับการทำแบบนั้นก็ทำต่อไป ต่องทำงานทุกครั้งทุกชิ้น ต่องทำงานเพราะต่องรัก จะรักมากรักน้อยอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต่องไม่เคยทำงานที่ต่องไม่รักเลย ทำงานฟรีถ้าต่องรักต่องก็ทำต่องไม่เคยทำงานที่ต่องไม่รักเพราะฉะนั้นทุกชิ้นงานต่องทำด้วยความรัก เพราะเป็นงานที่ต่องรักมากๆ ต่องว่าต้องมีจุดที่ต้องทำใจว่าจะได้ไหมในหลายๆ เรื่องไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่เปลี่ยนไป เรื่องของบทบาทด้วยต่องไม่ใช่คนที่เล่นเก่งเทพต่องไม่ใช่เจ้าแม่ ไม่เคยเรียนการแสดงเลย ครูอยู่ในกอง ประสบการณ์ก็น้อย นี่แหละคือโอกาส แต่จะมีช่วงนิดหนึ่งที่รู้สึกแบบเฮ้ยต้องเปลี่ยนไปแล้ว ต่องเคยพูดกับน้องคนหนึ่งบอกว่า คนที่เขายืนอยู่ตรงนั้นอ่ะพี่นั่งอยู่ตรงนี้เคยเป็นตรงนั้น แล้ววันหนึ่งเขาก็จะมาเป็นตรงนี้ ไม่มีอะไรจีรังอยู่กับเรา ชื่อเสียงก็เหมือนกันสูงสุดก็เหมือนสายป่าน วันหนึ่งต้องขาดแล้วหล่นลงมา บางคนสายป่านยาวอยู่ได้นานหน่อยบางคนล่ะอาจจะสายป่านไม่ยาวไม่แข็งแรงก็อาจจะตกเร็ว เราก็ต้องทำใจเผื่อด้วย และต้องอยู่ให้ได้กับบทบาทใหม่ สถานะภาพทางสังคมใหม่ๆ เก็บสิ่งที่เราเคยมีไว้เป็นกำลังใจไว้ชื่นใจไว้เป็นความสุข คิดถึงทีไรก็รู้สึกดีทุกทีว่า วันหนึ่งครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นตรงนั้นนะ ทำให้ฉันได้อะไรในชีวิตเยอะแยะเลยล่ะ
l ทุกวันนี้พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า รักงานแสดง
รักค่ะ ต่องรักงานพิธีกร รักงานในวงการบันเทิง ต่องรักเพราะว่าวิชาชีพนี้ทำให้ต่องดูแลครอบครัวได้มีบ้าน รถ สิ่งที่อำนวยความสะดวกตามอัตภาพของต่อง ซึ่งอาจจะไม่ได้รวยแต่ก็ไม่เดือดร้อน อยากกินอะไรก็ได้กิน ถ้าไม่ใช่วงการนี้วิชาชีพที่ต่องเรียนมาคงทำให้ต่องมีวันนี้ไม่ได้หรอก ต่องเรียนบัญชีเอกการเงิน ต่องคงรวยยากเพราะต่องไม่เล่นหุ้นซึ่งเงินเล่นหุ้นก็ไม่มีอีก คือเหมือนมีคนขีดเส้นไว้ให้เราแล้วแหละซึ่งไม่รู้อีกล่ะว่าใคร แต่ขอบคุณคนขีดมากๆ เพราะว่าคนขีดเส้นนั้นทำให้ต่องมีชีวิตที่ใครจะว่าอย่างไรไม่รู้แต่ต่องพอใจกับชีวิตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จากตอนแรกที่อยากเป็นหมอ แต่ดีแล้วล่ะไม่ได้เป็น กลัวเลือด กลัวเข็มจะตาย (หัวเราะ) คือตอนนั้นยายป่วยบ่อยอยากรักษายาย แค่นั้นไม่ได้คิดไรมาก ไม่มีอะไรซับซ้อน
l อัพเดทสเตตัสชีวิต
ดีค่ะ ชีวิตคนเราพอไม่มีครอบครัวเราจะเอาใครมาอยู่กับเราก็ต้องมีเหตุผลหลายอย่างด้วยนะ ตอนนี้มีหลานน่ารักทุกคน บางคนฟังเรากว่าแม่อีก (หัวเราะ)ในบั้นปลายชีวิตเราไม่มีพ่อแม่ไม่มีแฟนก็ไม่รู้จะมีใครมาดูแลเราก็ต้องพึ่งหลานใช่ไหมพูดตรงๆ (หัวเราะ)
l เรื่องหัวใจในวันวานจนวันนี้
เคยมีนะแต่วันนี้ไม่มีแล้ว และคงจะไม่มีอีกแล้วล่ะ ด้วยอายุ และอะไรหลายๆ อย่าง เราต้องอยู่ให้ได้ ตอนที่ไม่มีแรกๆ นะเหมือนจะตายแต่เวลาผ่านไปก็อยู่ได้ ไอ้ที่จะตายก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาในชีวิต มีทั้งโมเม้นต์ที่คิดแล้วสุข โมเม้นต์ที่คิดแล้วเศร้า แล้วก็มีโมเม้นต์ที่ว่า ทำไปได้ยังไง (หัวเราะ) เราต้องหยุดแล้วอยู่กับปัจจุบัน เราไม่อยากเหงาเราก็ต้องชวนหลานมาอยู่ด้วย (หัวเราะ)
l โปรเจกท์ที่อยากจะทำ
มีมากมายค่ะแต่ จังหวะ โอกาส และความโชคดี ของคนเราไม่ได้มีเท่ากัน เคยอยากจะเป็นผู้จัดแต่ก็คิดว่าเราก็ทำคนเดียวไม่ได้มันต้องมีคนที่ทำ อยากมีธุรกิจส่วนตัว ร้านกาแฟเป็นของตัวเองเวลาไม่ต้องไปถ่ายละครมานั่งชิลล์ๆ มีเพื่อนมาหา ขายพวกสแนกซ์ สลัด อืม…อยากทำงานอย่างงี้ไปเรื่อยๆ ถ้าไม่อยากเหงาก็เอางานเป็นเพื่อน ต่องเป็นคนไม่เหงาหรอกค่ะ ต่องเป็นคนชอบอยู่บ้าน ต่องสามารถที่จะใช้ชีวิตด้วยการดูหนัง เล่นเกม ออกกำลังกาย ก็หมดแล้ว
l บทบาทที่ยังไม่ได้เล่นที่อยากจะรับ
ตาบอด เป็นใบ้ หูหนวก เป็นบ้าจริงๆ ต่องว่า ยากนะที่จะรับทุกบทบาท ก็ยังมีบทบาทที่เราไม่ได้รับอยู่เยอะมาก
l แง่คิดในการใช้ชีวิต
จริงๆ ชีวิตคนเราเขาให้มาไม่เท่ากันไม่ต้องไปเสียใจว่าเราไม่เหมือนใคร ทำไมเราไม่ดี ไม่เก่ง ไม่มีเหมือนคนนั้น เอาเป็นว่าสิ่งที่เป็นเราทำให้มันสุดแล้วเต็มที่กับทุกๆ ชิ้นของงาน ของจังหวะชีวิต เป็นนักเรียนก็เรียนให้ดีสุดความสามารถของเราอาจจะไม่ได้ที่ 1 แต่สุดยัง ถ้าสุดก็พอใจได้เลย ซึ่ง สุด ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนสุดที่คำว่า ที่ 1 A บางคนอาจจะสุดอยู่ที่ C ถ้าเราทำได้ก็ถือว่าเราโอเคแล้ว ถ้าเราไปตะเกียกตะกายไขว่คว้าให้ได้อย่างคนอื่นเขาแล้วไม่ยอมรับในความเป็นจริงของตัวเองจะทุกข์ค่ะ เพราะเมื่อไม่ได้ไม่สมหวังก็ทุกข์ แต่เมื่อเราไม่หวัง หรือคาดหวังอะไรเกินตัว เราก็จะไม่ผิดหวัง หรือถ้าเราหวัง
ไปประมาณหนึ่งเจ็บก็จะเจ็บไม่มาก ให้พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ บังคับให้เป็นอย่างที่เราอยากเป็นไม่ได้ แต่เราเป็นในสิ่งที่เราพยายามจะเป็นให้ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ ต่องว่าก็ดีแล้วสำหรับการเกิดเป็นคน
l แง่คิดดีๆ จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้องในวงการ
มีวินัยค่ะ คุณสมบัติของนักแสดงมีไม่กี่ข้อหรอกค่ะมีวินัย ตั้งใจทำงาน พยายามพัฒนาตัวเอง มีสัมมาคารวะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ มีความเคารพผู้ร่วมงานทุกๆ คน คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เราทำงานอยู่กับคนหมู่มากได้ ต่องอาจจะไม่ใช่คนที่ดีเต็มร้อยแต่ต่องพยายามทำในส่วนของต่องให้ดีที่สุด อย่าไปคิดว่า วันนี้เรามีชื่อเสียง มันไม่อยู่กับเราตลอดไปหรอกค่ะ เราเผื่อวันหน้าด้วย อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร วันนี้ต่องอยู่กับอาชีพนี้ซึ่งต่องไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะอยู่ได้นานขนาดนี้ เราต้องเผื่อไว้ด้วยว่า วันข้างหน้าเราจะอยู่ได้ไหม อยู่กับคนให้ได้ มีวินัยแล้วก็ทำงานของเราให้เต็มที่พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ต่องว่าไม่ว่าจะอยู่วงการไหนไม่เฉพาะวงการบันเทิงหรอกก็จะอยู่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุขกับชิ้นงานที่เราตั้งใจทำออกมา
เด็กรุ่นใหม่ฟังแล้วอย่าลืมนำไปใช้กันนะจ๊ะ จะได้อยู่กันยืดยาวไม่ใช่มาเรื่องเดียวประเดี๋ยวประด๋าวก็บ๊ายบายกันไป วงการบันเทิงยังคงเปิดโอกาสและต้อนรับทุกคนที่พร้อมจะพัฒนาและเดินหน้าต่อไปแบบเปิดกว้างเช่นเดียวกัน
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี