จาก “ดาราเด็ก” ในวันวาน เติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยใส ห่างหายจากวงการบันเทิงที่เคยโลดแล่นสร้างรอยยิ้มให้ใครต่อใคร วันนี้ “น้องลูกหมี” ลักษมี ทรัพย์ปรุง ทำอะไรอยู่ที่ไหน และมีเป้าหมายชีวิตอย่างไร “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” นัดสัมภาณ์เอ็กซ์คลูซีฟมาอัพเดทให้ทราบกันค่ะ
“ชีวิตลูกหมีในวัย 25 ปี แฮปปี้ดีค่ะ สุขภาพแข็งแรงเรียนจบได้ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ ทำงานประจำมาปีกว่าๆ เหมือนเป็นช่วงที่กำลังหาตัวเองอยู่มั้งคะ ก่อนหน้านี้เคยคิดที่จะทำหลายอย่าง คิดจะทำรายการเอง แต่ด้วยความที่เราห่างจากวงการทีวี.มานานตัวหมีเองก็ไม่ค่อยได้ดูทีวี.ด้วย จะดูเป็นซีรี่ส์ฝรั่ง ซีรี่ส์เกาหลี อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนหมีทำงานเลิกดึก ก็เลยไม่มีเวลามานั่งดูทีวี. และด้วยความที่มีโซเชียลก็เลยเล่นแต่เนต อัพเดทชีวิตตัวเองตลอด แต่ว่าก็มีอารมณ์น่ากลัวนะคะ คือหมีชอบเล่นเฟซบุ๊คมาก ชอบโพสต์ว่าตัวเองไปไหนทำอะไร แล้วมีเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีคือมีคนตามมาเจอเราถึงที่ที่เราโพสต์ ตอนนั้นตกใจมากและคิดว่าเป็นภัยใกล้ตัว ที่อยากเตือนหลายๆ คนด้วยค่ะ”
โปรเจกท์ที่กำลังลงมือทำ
กำลังจะเปิดบริษัททัวร์ร่วมกับพี่ที่รู้จักค่ะ เพราะว่าหมีเป็นคนชอบเที่ยวด้วย เลยพูดคุยกันและกำลังอยู่ในช่วงเตรียมงาน ศึกษาระบบ อยากจะไปแถบยุโรป เพราะว่าพี่ที่รู้จักเขามีประสบการณ์อยู่แล้ว เราเลยจะเริ่มต้นจากนิวซีแลนด์ พอเพื่อนๆ รู้ว่าหมีจะทำทัวร์ เขาก็ช่วยออกไอเดีย อยากให้มีแบบทัวร์คอนเสิร์ตด้วย สักประมาณสิ้นปีนี้น่าจะลงตัวค่ะ แล้วช่วงนี้ก็เริ่มมีงานอ่านสปอตเข้ามา เคยไปฝากเสียงไว้ที่ซีเนซาวด์ และตอนนี้มีงานพากย์เสียงที่ “อาตุ๊กตา-จิตรลดา” มีโครงการจิตอาสาพากย์เสียงอ่านหนังสือให้กับคนตาบอดได้ฟัง ซึ่งตอนนี้หนูก็ไปร่วมด้วย (ชอบอาชีพเกี่ยวกับการใช้เสียง?) ความจริงหนูอยากเป็นดีเจค่ะ เพราะว่าเป็นคนชอบพูด หลายคนก็จะบอกว่าหมีพูดชัด เป็นคนชอบฟังเพลงฟังวิทยุบ่อย เพราะว่าเราขับรถตลอด พอโตมาหมีรู้ตัวว่าตัวเองชอบดนตรีมากกว่าแสดง ชอบฟังเพลงชอบคอนเสิร์ต จริงๆ ก็คือฝันอยากเป็นดีเจ เป็นพิธีกร เพราะว่าเป็นคนชอบพูด หมีชอบแบบ “พี่ดีเจนุ้ย” รูปแบบการจัดแบบเขา สนุกและน่ารักดี พี่นุ้ยเขาเป็นคนมั่นใจ มีเอกลักษณ์ส่วนตัวที่ขำและตลก แล้วก็มี“ดีเจจีโน่ ชูทส์” เพื่อนหนูเองค่ะ ช่วงนี้โน่ชอบ Live พูดแล้วน่าฟังให้แง่คิดและมุมมองชีวิตที่ดีค่ะ
โอกาสที่จะหวนกลับวงการบันเทิง
มีพี่ๆ ติดต่อมาบ้าง แต่บางทีถ้าหนูอ้วน หนูก็จะไม่ไป(หัวเราะ) ถามว่าอยากกลับไหม บางอารมณ์ก็มีอยากกลับนะคะ นึกถึงรายได้ ไม่ได้นึกถึงชื่อเสียงนะ (หัวเราะ) คือรายได้ดีและงานไม่ได้เหนื่อยมาก หนูเคยพยายามที่จะกลับหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จผล เลยคิดว่าอาจจะไม่ใช่ทางของเราแล้วมั้ง เราอาจจะไม่ได้มีดวงทางนี้แล้ว อาจจะไปรุ่งทางอื่นทางการทำงานทำธุรกิจหรือเปล่า การจะกลับเข้าวงการบันเทิงไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เราคนเดียวด้วย คือมีหลายปัจจัย ไหนจะผู้จ้าง ความพร้อม ตอนแรกแอบคิดว่าเป็นเพราะเราเคยผ่าตัดหรือเปล่า เรายังป่วยอยู่ไหม จะทำงานไหวหรือเปล่าแต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ ถ้าคนที่รู้จักหมีหรือว่าเห็นในเฟซบุ๊คก็จะเห็นว่าหมีทำอะไรบ้ามาก มันเหมือนเป็นปมของเราด้วยมั้งคะ ที่คนจะมองว่าเราอ่อนแอ ก็เลยทำอะไรบ้าๆ บอๆ บางทีนิสัยเหมือนผู้ชายอยากให้ทุกคนเห็นว่าเราแข็งแรง
พักงานแสดงไปนานแค่ไหน
เล่นละครเรื่องสุดท้ายตอนอายุ 14-15 เล่นเป็นวัยรุ่นแล้วค่ะ เป็นเพื่อนกับ “พี่แต้ว-ณฐพร” และ “มิ้นท์-ชาลิดา” ในเรื่อง “น่ารัก” หลังจากนั้นก็จะมีรับเล่นบ้างเล็กๆ น้อยๆ และออกรายการบ้างประปราย ซึ่งตอนที่เล่นเรื่องนี้หมีรู้สึกว่าร่างกายไม่พร้อม เพราะว่าห่างจากการผ่าตัดมาประมาณ 3-4 ปีเอง รู้สึกแย่มากวันแรกไม่อยากเล่นเลย เทคหลายรอบมาก โทร.ไปถามแม่เลยว่าไม่เล่นแล้วได้ไหม อยากกลับบ้าน คือในเรื่องจะมีเรื่องเกี่ยวกับกีฬาเยอะ บางอย่างหนูก็เล่นไม่ได้ ด้วยร่างกายก็สู้คนอื่นไม่ได้เลยพูดกับแม่ว่าขอหยุด อยากให้ตัวเองเข้มแข็งและร่างกายดีกว่านี้ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของคนอื่น ตอนหนูเด็ก เล่นอะไรไปมันก็น่ารักเนอะ จะเล่นผิดพูดอะไรมันก็น่ารัก แต่ว่าพอเราโต ก็ต้องมีบทบาทมากขึ้น หลังจากนั้นเลยเริ่มเฟสตัวเองออกมาพอได้พักร่างกาย เราพร้อมแต่ว่าใจก็ไม่มา คือเราก็เรียนด้วย ดาราใหม่ๆ ก็เยอะบางคนหนูไม่รู้จักเลย
วันวานของน้องลูกหมีดาราเด็กที่อยู่ในใจของหลายๆ คน
เกิดมาหนูก็เล่นละครเลยค่ะ คือคุณแม่เลี้ยงลูกคนเดียว เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่เลี้ยงดูลูกสาว 3 คน ตอนแรกแม่พาพี่สาวคนโตไปสมัครเป็นนักแสดงเด็กที่กันตนา ซึ่งเขากำลังจะเปิดละคร หลังจากนั้นพี่ก็เล่นละครมาเรื่อยๆ และพี่สาวคนกลางก็ได้ไปเล่นละครเรื่อง “มนต์รักอสูร” ของ“อาเปี๊ยก-พิศาล” เวลาพาพี่สาวไปถ่ายละครคุณแม่ก็จะกระเตงลูกไปหมดเลย ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก หนูก็มีรับจ๊อบบ้าง อย่างที่บอกว่าเข้าวงการตั้งแต่เกิด ก็คือได้เล่นเป็นนางเอกตอนเด็ก ตั้งแต่แบเบาะเลย ในเรื่อง “บัลลังก์เมฆ” ซึ่งแม่ก็เป็นคนอุ้มเรา ในฉากคือเป็นแม่นม พอพี่มาเล่นของอาเปี๊ยก อาก็เห็นเพราะว่าหนูจะชอบไปเจ๊าะแจ๊ะอา ระหว่างนั้นอาก็กำลังจะเปิดละครเรื่อง “ครึ่งของหัวใจ” และเขาก็หาดาราเด็ก อาเปี๊ยกเลยเรียกหนูไปแคส สุดท้ายก็ได้เล่น ถือเป็นละครเรื่องแรกเต็มตัวในวัยสามขวบครึ่ง อาเปี๊ยกเป็นคนพาเข้าวงการผลักดันแนะนำให้ได้รู้จักกับพี่ๆนักข่าวทุกคน พอหลังจากนั้นก็ได้เล่นเรื่อง “รักเดียวของเจนจิรา” ของ “ป้าไก่-วรายุฑ” เป็นเรื่องที่ทำให้มีชื่อเสียง และระหว่างที่เล่นเรื่องนี้ก็มีหนังเข้ามาคือเรื่อง “ศยามล” ซึ่งออกพร้อมกันพอดี ก็เลยทำให้เด็กคนนี้มีชื่อเสียง หมีเป็นลูกครึ่งอินเดียค่ะ แต่ว่าไม่ได้อยู่กับพ่อตั้งแต่เด็กแล้ว จะมีไปเจอไปทานข้าวกันบ้างนานๆ ที
เรียนรู้การแสดง
แม่จะเป็นคนท่องบทให้ แล้วหนูก็ท่องตามและจำ ไม่ได้รู้สึกอิดออดหรือว่าไม่ชอบไม่อยากเล่น อยู่ๆ ก็ชอบเล่นชอบแสดง แต่ว่าเวลาอยู่ที่โรงเรียนแล้วมีกิจกรรมหรือว่าการแสดงหน้าชั้น หมีจะอายมากไม่กล้าเล่นต่อหน้าเพื่อนๆ รู้สึกเขิน หรือว่าเวลาที่ไปออกรายการทีวี.หมีก็จะไม่บอกเพื่อนก่อนนะ จะให้เขาเห็นเอาเอง จะไม่บอกล่วงหน้าเป็นตั้งแต่เด็กจนโตเลยค่ะ แต่ว่าถ้าอยู่หน้ากล้องจะเป็นอีกคนหนึ่ง
เพื่อนร่วมรุ่นนักแสดงในวัยเด็ก
ที่สนิทเลยคือ จีโน่, พี่หม่อมเอ็ม, พี่สำลี, อเล็กซ์เรนเดล, มาตา ที่ติดต่อพูดคุยกันบ่อยก็คงจะเป็นจีโน่ค่ะเขาก็ไลน์มาคุยกับหนูตลอด เวลามาไทยก็จะไปเที่ยวไปเจอกันตอนนั้นงานก็มีเข้ามาทุกวันน้อยมากที่จะได้ไปโรงเรียนผลงานที่สร้างชื่อให้ก็มีหลายเรื่องอย่าง “บุญชู” ทางช่อง 5“เจ้ามอม” ของกันตนา และตอนที่เล่นละครของ “แม่หนูสรวงสุดา” แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้ต้องขอโทษด้วยค่ะ หนูต้องหยุดถ่ายกลางคัน บางซีนเขาก็มาช่วยถ่ายเก็บที่โรงพยาบาลและตอนนั้นเล่นเรื่อง “กองร้อย 501” กับทางช่อง 7 ต้องเข้าป่าบ่อย เลยทำให้สนิทกับ “พี่ฟิวส์-กิตติศักดิ์” ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อทักทายกันอยู่ แต่หมีจำเป็นต้องถอนตัว เพราะมาตรวจพบว่าป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง ตอนที่ไปกองถ่าย พี่เขาก็ถามว่าทำไมน้องหมีเดินเซ ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้ตัวหรอกค่ะ
เด็กหญิงตัวเล็กต้องมาเผชิญกับความเจ็บป่วย
ตอนนั้นอายุประมาณ 9 ขวบค่ะ จริงๆ หนูตามหาอาการมาปีหนึ่งแล้ว คือมีอาการมาก่อนตั้งแต่ ป.4 จะอาเจียนโดยไม่รู้ตัว ก็นึกว่าเครียด แล้วก็จะมีปวดท้องเมื่อยขา เดินเซ แม่ก็จะหาสาเหตุเยอะมาก บางคนบอกว่ากล้ามเนื้อขาไม่แข็งแรง แม่เลยส่งไปเรียนบัลเลต์ สุดท้ายแม่ก็พาไปหาหมอกระดูก หมอให้เดินให้ดู พอเขาเห็นก็บอกเลยว่าอาการนี้ไม่ได้มาจากกระดูก แต่มาจากสมอง
เหมือนสมองควบคุมร่างกายไม่ได้ หลังจากนั้นก็รอหมอสมองหนูยังไม่รู้นะคะว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร แต่ว่าเห็นญาติมาเต็มเลย สุดท้ายแม่ก็บอกว่าเป็นเนื้องอก และต้องรอผ่าตัด หนูไม่รู้ว่ามันร้ายแรงแค่ไหน ผ่าตัดเจ็บมากไหมก็ไม่ได้สนใจ แต่ทุกคนรวมทั้งแม่ร้องไห้กัน ก็จะเป็นห่วงแม่มากที่สุด เพราะว่าเขาร้องไห้หนักมาก หลังการผ่าตัดแล้วผลออกมาด้วยดี เพราะว่าเนื้องอกที่หนูเป็นมันไม่ได้เป็นมะเร็ง หรือว่าเนื้อร้าย แต่ว่าจะผ่าตัดสองรอบนะคะ คือผ่าตรงท้ายทอยรอบหนึ่ง เอาเนื้องอกออก แล้วพอเอาออกไปตรงนั้นมันก็จะมีที่วาง เลือดเลยมาคลั่งมันก็เลยต้องเจาะกะโหลกเพื่อเอาเลือดออกไป หลังจากนั้นก็ตรวจเช็คมาตลอด ไม่มีแล้วค่ะ ส่วนของค่ารักษาพยาบาลได้รับความเมตตาจาก“คุณประวิทย์ มาลีนนท์” ช่อง 3 ที่ออกให้ทั้งหมดค่ะ และมีประกันชีวิตด้วย ถ้าไม่มีช่อง 3 หมีและครอบครัวคงลำบากค่ะ
ความผูกพันของ 2 แม่ลูก
ตอนนี้หมีมาออยู่คอนโด แต่ว่าแม่ก็มาอยู่ด้วย เพราะว่าแม่หวง (หัวเราะ) คือหนูดื๊อดื้อค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นลูกคนสุดท้อง แล้วแม่ก็จะอยู่กับเราตลอด พี่ๆ เขาก็มีครอบครัวกันหมดแล้ว เหลือแต่หนูที่ยังไม่มีแฟนแม่ก็ไม่ได้มีแฟนใหม่ เขาก็อยู่กับหนูนี่แหละ บางทีก็ไปๆ มาๆกลับไปอยู่บ้านบ้างไปดูแลหลาน (แม่ไม่ยอมให้มีแฟน?) จริงๆ แม่ไม่ได้ปิดกั้นค่ะ แต่ก็หวงกลัวเราจะเลือกคนผิด ห่วงเพราะว่าที่บ้านก็มีแต่สาวๆ อีกอย่างคือหมีชอบเที่ยวด้วย ถ้ามีแม่มาอยู่ด้วยอย่างน้อยเราก็จะรู้สึกเกรงใจ เมื่อก่อนตอนเรียนไปต่างจังหวัดกับเพื่อนนี่หนูไปไม่ได้เลย
เรื่องของหัวใจ
ตอนนี้ยังโสดค่ะ กับแฟนคนล่าสุดเลิกไปปีหนึ่งแล้วคบกันประมาณ 6 เดือน เมื่อก่อนหมีจะวางสเปกแฟนไว้ว่าจะต้องเป็นผู้ชายตี๋สูง แต่ว่าตอนนี้ชอบคนที่คุยกับเรารู้เรื่องและดูแลเราได้ ถามว่ามีเข้ามาไหม ก็มีนะคะ แต่ว่าหนูเป็นคนชอบคนที่เราต้องรู้สึกเองว่าใช่ ไม่ใช่ว่าเราเลือกนะคะ(ส่วนใหญ่คนที่เข้ามา มองเราเป็นดาราหรือเปล่า?)มีบางคนที่มองแบบนี้ค่ะ แต่ว่าก็คบกันได้ไม่นานนะ แล้วก็แบบที่เข้ามาคุยแล้วเริ่มเยอะถามนู่นถามนี่เกี่ยวกับวงการ คือเขาก็ติดตามผลงานหนูตั้งแต่เด็กนั่นแหละ และตอนโตเขาก็ยังมานั่งถามอยู่อีก ก็เลยรู้สึกว่าอยากรู้จักที่เป็นเรา หรือว่าแบบในอดีต ซึ่งหมีเป็นคนตรงด้วย ถ้าไม่ชอบอะไรก็จะพูดเลย อาจจะเพราะเรื่องมากมั้ง สเปกเลยไม่ค่อยมีแล้วค่ะ(หัวเราะ) หนูไม่ค่อยง้อคนค่ะ แต่ถ้ารักก็อาจจะง้อก็ได้
ดาราเด็กกับความพลาดพลั้งหลังออกจากวงการ
สำหรับตัวหนูเองจริงๆ ไม่ใช่คนที่โอ้โห!ดีมาก คือหนูก็เที่ยว และหนูไม่ได้ปิด ไม่ได้สร้างภาพลงในเฟซบุ๊คก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาสร้างหรือเปล่านะ แต่หนูเต็มที่เลย จะมีคนมาเม้นต์เหมือนกัน เฮ้ย!หมีเด็กเที่ยวนี่หว่า คือมีคนไปเขียนคอมเม้นต์ในเฟชของจีโน่ ว่าเนี่ยมีน้องดาราคนหนึ่งที่เป็นเด็กดังมาก่อน ชอบเที่ยวกินเหล้าเก่ง แต่ว่าเขาทำงานเก่งหนูรู้เลยว่าเขาหมายถึงหมี เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนหมีในเฟซ ก็เลยไปเม้นต์ว่า “ด่าหนูใช่ไหมคะ” (หัวเราะ) หมีก็มองว่าโอเคเราไม่ได้อยู่ในวงการแล้ว เราใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นปกติ แต่หนูอาจจะเที่ยวเยอะกว่าชาวบ้านเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าจะมองอีกแง่ คือเราไม่ได้ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน หรือว่าลำบากใจ และหนูก็ไม่ได้เหลวไหลที่จะแย่ขนาดนั้น สำหรับเด็กบางคนที่เคยเข้าวงการแล้วทำตัวเสียหายหมีว่าจริงๆ ดาราที่ไม่ใช่ดาราเด็กก็มีนะคะ อันนี้หมีคิดว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล เขาอาจจะอยู่ในสังคมของเขา หรือว่าด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง คือไม่ได้เกี่ยวกับการแสดง บางทีอาจจะเป็นความสุขและความชอบส่วนตัว ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และถ้าเขารู้ว่าสิ่งนั้นไม่ดี แล้วกลับตัวกลับใจทัน เราก็ควรจะให้โอกาสเขา อย่างของจีโน่ตอนนี้ก็มีคนติดตามเขาเยอะเขาก็มาเปิดเพจทำอาหาร เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขานะ เขาเขียนเรียงความลงในเฟซซึ่งเป็นแง่คิดที่ดีมาก หนูอ่านแล้วยังรู้สึกกลัวกับสิ่งที่เขากำลังทำเลย คือเขากำลังบำบัด เขาจะบอกด้วยว่าคนที่ไปบำบัดมันไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด แต่ว่าอาจจะเป็นโรคที่กลัวอ้วน ล้วงคอตลอดเวลากินอาหารเสร็จ ซึ่งเมื่อก่อนหนูก็เป็น คือช่วงที่กลับไปเล่นละครใหม่ๆ พอกินอะไรเข้าไปก็จะล้วงคออ้วก เพราะว่ากลัวอ้วน แต่พอโตขึ้นแล้วมีเพื่อนเยอะก็ไม่ใส่ใจแล้ว อย่าด่าพวกเราเลยค่ะ ทุกคนก็ต้องมีทั้งดีและไม่ดีในโลก มันก็แล้วแต่คน ถ้าเขาไม่ทำร้ายใครถือว่าดีที่สุดแล้ว การที่คนเราตกไปอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดแล้วถ้าเกิดว่าเราช่วยกัน สภาพจิตใจเขาก็จะดีขึ้นใช่ไหมคะแต่ถ้ายิ่งมาโพสต์ซ้ำเติม เกิดว่าเขาคิดฆ่าตัวตายขึ้นมาจะว่ายังไง
ตัวตนที่ลูกหมีเป็น
เป็นคนบ้าๆ บอๆ ค่ะ (หัวเราะ) ไฮเปอร์พูดมากโลกส่วนตัวสูง ดูเหมือนจะเข้าหาง่าย พูดเก่ง แต่ว่าพอได้เข้ามาสัมผัสแล้วจริงๆ เข้ายาก เพราะว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว และจะเป็นคนที่โผงผางถ้าไม่ชอบก็จะแสดงออกเลยถ้าเป็นแฟนกันเข้าถึงเรื่องส่วนตัวกันได้ แต่ถ้าจะมาถามซอกแซกเรื่องการเป็นดาราคนนั้นคนนี้ อยากให้คนที่จะคบหมีชอบที่เราเป็นแบบนี้ไม่ได้เป็นดารา คือหมีเคยมีประสบการณ์ตอนเด็กๆ ปั๊ปปี้เลิฟตอนมัธยมก็คบกับเพื่อนผู้ชาย แล้วพอจะเลิกกันเขาก็พูดมาว่า ได้ดารามาเป็นแฟนนะจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ไง ขนาดเพื่อนที่คบกันก็ยังมีอารมณ์แบบ เฮ้ย...มีเพื่อนเป็นดาราเท่จัง หนูก็รู้สึกไม่ดี เพราะว่าเวลาที่คบใครหนูให้ใจและจะเปิดเผยตัวตนว่าฉันเป็นคนแบบนี้และที่ซีเรียสเรื่องความรักก็เพราะว่าตอนที่อยู่ ม.6 มีแฟนแล้วเขาเสียชีวิต พอเข้ามหา’ลัยก็ไม่มีแฟนเลยจนเรียนจบ เพิ่งมามีแฟนเมื่อไม่นานนี้เอง แล้วก็เลิกกันไป แต่ปัจจุบัน คือโสดค่ะ
และนี่คือตัวตน ณ วันนี้ของอดีตดาราเด็กในใจใครหลายคน “ลูกหมี-ลักษมี ทรัพย์ปรุง”
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี