ถึงแม้ผลงานจะยังไม่ออกสู่สายตาประชาชน แต่ลีลาการแสดง และความสามารถของสาว Rookie วัยใสอย่างน้อง “แพรว- วรรณพร เผือกกล่อม”นางเอกภาพยนตร์ “ฮักเขาใหญ่” ภาพยนตร์ไทยหัวใจสีเขียวที่กำลังจะลงฉายให้ได้ชมกันในต้นเดือนกันยายนนี้ 
ก็ฉายแววว่าไม่ธรรมดาซะแล้ว เพราะมีทั้งงานแสดงและงานเดินแบบติดต่อเข้ามามากมาย จน “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” เลยต้องรีบคว้าตัวมาทำความรู้จักเธอกัน

แนะนำตัว? น้องแพรวเป็นคนจังหวัดอะไร เรียนที่ไหน

“สวัสดีค่ะ “แพรว-วรรณพร เผือกกล่อม” แพรวเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ ค่ะ แต่ไปเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ศรีสะเกษ เป็นคนชอบทำกิจกรรมของทางโรงเรียน เวลาที่มีงานรำไทยก็ไปรำ มีรำไทย รำพื้นบ้าน รำแนวอีสานซะส่วนใหญ่ โตขึ้นมาหน่อยก็มีไปประกวดมีสเดซี่ ที่เป็นเกี่ยวกับพวกครีม ในระหว่างเรียนก็มีกิจกรรมให้ทำตลอดจบงานนู้นก็ทำงานนี้ต่อ เป็นงานของวิทยาลัยนาฏศิลป์ นอกนั้นก็มีงานเดินแบบบ้างค่ะพอเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป์จบก็มาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาศิลปะการแสดง แขนงการละคร จากนั้นก็ได้คัดเลือกเป็นดาว 1 ใน 3 ของม.ค่ะ”

จุดเริ่มต้นของงานแสดง?

“จุดเริ่มต้นที่ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ก็เพราะว่า มีพี่ที่เป็นโมเดลลิ่งรู้จักกัน เขามาบอกให้ไปแคสสิ เขาเปิดรับสมัครนางเอกหนัง ซึ่งหนูก็ไปตามคำชวนค่ะ ก็ไปแคสปกติ แต่ก็ไม่ได้หวังอะไร เพราะวันนั้นก็มีคนที่สวยและก็หุ่นดีมาแคสกันเยอะมาก พอประกาศผลว่าได้ ก็ตกใจค่ะ ทีนี้ก็คิดว่าทำไงดี เพราะเราไม่เคยแสดงละครเลย แต่พอคิดไปคิดมาหนูเลยคิดว่า เป็นโอกาสมาถึงแล้ว ก็ลองดูค่ะ จากนั้นก็ทำการบ้าน ลองซ้อมแอ๊กติ้งบ่อยๆ ก็ดีขึ้น”

เพราะอะไรผู้กำกับถึงเลือกเรา?

“พี่ผู้กำกับบอกว่า น่าจะเป็นที่ตัวหนูเข้ากับคาแรกเตอร์ ก็คือแบบดูแมนๆ ลุยๆ ทะมัดทะแมงหน่อยๆ เพราะเรื่องนี้อยู่ในป่าเกือบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ในเรื่องหนูต้องเล่นเป็นดอกเตอร์อายุ 30 ต้องพยายามทำให้มีคาแร็กเตอร์แบบนั้น แต่ก็แอบคิดว่าเอ...ที่เลือกหนูเพราะว่าหน้าหนูแก่แน่เลย (หัวเราะ)”

ในเรื่องรับบทเป็นอะไร?

“หนูรับบทเป็นดร.โมนา อายุประมาณ 30 เป็นนักชีววิทยา ทำงานในองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม รักความถูกต้อง มีความมั่นใจ
ในตัวเองสูง ทำงานเก่ง แต่ภายในจิตใจดร.โมนาก็จะมีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ ระหว่างที่พ่อหายไป ก็อยู่กับแม่มาตลอดเวลา ต้องการความรักความเอาใจใส่เพราะขาดความรักจากพ่อตั้งแต่ยังเด็ก”

ในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ เรื่องของการแสดงเป็นอย่างไรบ้างไหม?

“ยากค่ะ ด้วยความที่ต้องรับบทที่อายุเยอะกว่าตัวจริง เวลาที่แสดงต้องนิ่ง วางตัวให้เป็นผู้ใหญ่ การพูดจาต้องพูดให้น่าเชื่อถือ ตอนแรกหนูกังวลกับเสียงตัวเองมาก ฟังแล้วมันยังเป็นเด็กๆ ก็รู้สึกว่ายาก หนูก็พยายามเต็มที่ ซึ่งพี่ผู้กำกับเขาก็บอกว่าโอเคแล้ว เพราะถ้ากังวลมากฝืนมาก มันจะดูผิดธรรมชาติเกินไปเวลาที่เรารู้สึกว่ามันยังไม่ดีก็มีพี่ๆ ทีมงานที่คอยบอก คอยสอน ให้กำลังใจ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าอยากทำงาน พอมากองถ่ายก็รู้สึกสนุกค่ะ เราอยู่ในป่ามืดๆ มีแค่ไฟจากมือถือก็แอบลุ้นๆ เหมือนกัน”

อุปสรรคการถ่ายทำ?

“ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องฮักเขาใหญ่ ส่วนใหญ่จะต้องเข้าป่าไปถ่ายในป่าอุปสรรคก็เยอะมากค่ะ มีเจอยุง ทาก เห็บ แบบมาหมด แต่ก็ป้องกันอย่างดี บางทีไปถ่ายในที่มืดสนิท ทางเดินเป็นหิน เป็นดิน มีสะดุด หกล้ม แล้วช่วงนั้นอากาศก็หนาวมาก ถ่ายไปสั่นไป แต่พี่ๆ ทีมงานก็พูดคุย แซวกัน คลายความตึงเครียดไปได้แยอะ ทำให้บรรยากาศสนุกไปเลย แม้ว่าจะมีเหนื่อยบ้าง แต่หนูคิดว่า หนูยังไม่เหนื่อยเท่าพี่ๆ เขานะ ไหนจะต้องแบกของกันอีก ทางก็ไม่ใช่ทางเรียบ หนูแค่แสดง เหนื่อยน้อยกว่าอีก ค่ะ”

ฉากไหนที่คิดว่ายากที่สุด?

“ซีนอารมณ์ ยากมากค่ะ ที่ยากไม่ใช่เพราะเขินหรือไรนะคะ แต่หนาวค่ะ หนาวมาก จะขยับตัวยังรู้สึกแข็งๆเลย แล้วหนูเวลาหนาวปากจะสั่น ก็พยายามเกร็งไม่ให้สั่น ถ่ายทำตอนกลางคืนด้วย เย็นยะเยือกเลย ทีมงานพี่ๆใส่เสื้อหนาวกันหนาๆเต็มที่ หนูกับพี่คีม (พระเอก) หนูใส่เสื้อยืดธรรมดา พี่คีมหนักกว่า ถอดเสื้อ 555 ก็พยายามให้ผ่าน จะได้ไม่เทคบ่อย ก็มีเทคบ้างค่ะ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้”

ได้อะไรจากการทำงานในครั้งนี้บ้าง?

“ได้หลายอย่าง ได้ทั้งความรู้ ทั้งหลักในการทำงานที่ต้องทำงานร่วมกันกับคนหมู่มาก ทำให้รู้สึกว่าธรรมชาติบ้านเราสวยงาม และควรค่าแก่การอนุรักษ์เอาไว้ หนังเรื่องนี้จะช่วยสะท้อนความเป็นธรรมชาติผ่านแง่มุมต่างๆ รวมทั้งสอดแทรกวิธีการอนุรักษ์เอาไว้เพื่อเป็นการตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ด้วย”

คาดหวังแค่ไหนกับผลงานชิ้นแรก

“พวกเราทุกคนรวมทั้งตัวหนูที่ได้มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ก็ตั้งใจทำงานกันเต็มที่ สิ่งที่คาดหวังก็คืออยากให้คนไทยมาดูกัน เพราะเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับคนไทยทุกคน หนูก็ทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มที่ หวังว่าทุกคนจะชอบกันค่ะ”

ฝากผลงานภาพยตร์เรื่องแรกในชีวิต?

“กับผลงานหนังเรื่องนี้เรื่องแรก ก็มีเครียดๆ นะค่ะว่าคนดูจะว่าเราเล่นไม่ดีหรือเปล่าหนูก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน แต่ในการถ่ายทำที่ผ่านมาหนูพยายามและตั้งใจอย่างเต็มที่แล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็น้อมรับ ยังไงหนูก็ต้องขอฝากภาพยนตร์ไทยหัวใจสีเขียว “ฮักเขาใหญ่” อยากให้คนไทยดูหนังไทยและสนับสนุนหนังไทยกันมากขึ้นหนังเรื่องนี้ ให้ความรู้ มีเนื้อหาที่มีแรงผลักดันให้กำลังใจคน รอติดตามกันได้ต้นเดือนกันยายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ และยังไงก็อย่าลืมติดตามผลงานต่อๆ ไปของหนูด้วยนะคะ”