รางวัลพระสุรัสวดีที่ได้รับ ถือเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิตในฐานะนักแสดง ของ “กรุง ศรีวิไล”และในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เขาปรารถนาที่จะตอบแทนคุณแผ่นดิน และพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ในทุกวาระที่มีโอกาส
มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีในหลวง ในรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก
จะเรียกว่าเป็นบุญของตัวเองหรือว่าพ่อแม่ทำไว้ให้ก็ไม่รู้นะครับ คือผมได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ผมอายุ 10 ขวบ ตอนนั้นสมเด็จพระบรมฯยังทรงพระเยาว์ ในหลวงท่านเสด็จฯไปที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ บ้านเกิดของผม คือพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือไปกว่าครึ่งวันนะถึงจะถึงบางบ่อ โดยมีเด็กนักเรียนไปเข้าเฝ้าฯรับเสด็จมากมาย ตอนนั้นผมเรียนอยู่โรงเรียนสามัคคีวิทยา ก็ได้นั่งกราบแล้วก็ถือธง ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ใกล้ๆ เลย ขอพูดตามภาษาชาวบ้านนะครับ ท่านหล่อมาก สมเด็จพระราชินีก็สวยมาก ผมจำภาพนั้นได้จนถึงทุกวันนี้ สมเด็จพระบรมฯก็ทรงวิ่งเล่นทอดพระเนตรปลาไหลเผือกที่ประชาชนเอามาถวาย
รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
เพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงชาติ เราร้องกันทุกวันอยู่แล้ว เราก็รู้ว่าหมายถึงอะไร เพราะว่าที่โรงเรียนจะสอนให้เรารักประเทศชาติรักพระมหากษัตริย์ เราก็เหมือนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก จนมาถึงทุกวันนี้ที่เวลาก่อนออกจากบ้าน เราก็จะต้องไหว้พระ ไหว้พ่อแม่ แล้วก็กราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าใครมาที่บ้านผมจะเห็นเลยว่าแทบทุกมุมทุกห้องในบ้านจะต้องมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เวลาผมไปถ่ายหนังในป่าในเขา แล้วเห็นปฏิทินที่เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน ที่พอหมดวันเดือนปีแล้วชาวบ้านก็จะไม่ค่อยสนใจ หรือถูกวางไว้ในที่ที่ไม่เหมาะไม่ควร ผมก็จะเก็บและนำมาใส่รถไว้ รวมทั้งเงินธนบัตรทุกครั้งที่เราหยิบ ไม่ว่าจะมอบให้ใครแล้วเกิดว่าหล่นลงพื้นผมยังต้องเอาแบงก์มาจดที่หน้าผาก และผมจะสอนลูกเสมอว่าถ้าเห็นเหรียญบาทหล่น แล้วเดินข้ามไปโดยไม่หยิบขึ้นมา ผมจะตีต่อหน้าคนเยอะๆ เลย ตีขาเลยจะเป็นแบบนี้มาตลอด เป็นความคิดที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา
คำว่า “กรุง ศรีวิไล” อีกหน่อยก็ต้องมีคลื่นลูกใหม่มาแทนที่ แต่ว่าด้วยจิตใจที่เรายึดมั่นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ จะอยู่ตราบนานเท่านานผมชอบเรียนชอบศึกษาประวัติศาสตร์ไทยมาก ตั้งแต่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จนมาถึงรัชกาลที่ 9 ปัจจุบันเราตระหนักอยู่เสมอว่าประเทศชาติ ถ้าเกิดว่าไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ คนไทยไม่ได้อยู่สบายกันแบบนีเรียกว่าเสวยสุขดีกว่า อยู่เสวยสุขกันจนเหลิง พอเหลิงก็เกิดปัญหา ผมว่านิสัยคนไทยที่ประเทศชาติไม่เจริญลุล่วงไปได้ก็เพราะ 4 อย่างหนึ่งไม่ตรงเวลา สองไม่มีความรับผิดชอบสามขี้เกียจ สี่อิจฉาริษยา คุณจดไว้เลย คนไทยมีอยู่ 4 ข้อนี้ที่ประเทศชาติเป็นแบบนี้ ปกติเราต้องไปถึงไหนๆแล้ว แล้วกฎหมายบ้านเมืองเราไม่เข้มแข็ง ลูบหน้าปะจมูก อย่างลูกผมถ้าทำผิดอะไรนะ ผมไม่เคยไปขอร้องใคร ทั้งๆ ที่มีเพื่อนมีพวกเยอะแยะที่เขาอยากจะช่วยเหลือ
พระราชกรณียกิจของในหลวง ในรัชกาลที่ 9 ที่ติดตาตรึงใจ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปที่ทุรกันดารที่น้ำป่าไหลหลากพระองค์ท่านก็ยังไปถ้าน้ำป่าซัดมาตูมเดียวจะเกิดอะไรขึ้น แต่พระองค์ท่านยังไป ขับรถเองด้วย ดึกๆ ดื่นๆ ขับรถออกจากพระราชวังไปซุ่มดูตรงนั้นตรงนี้ ขนาดหมู่บ้านไวท์เฮาส์ที่รังสิตพระองค์ยังเสด็จไปนะสุดยอดแล้วครับ ไม่มีอีกแล้ว ซึ่งบางคนยังไม่รู้เลยแล้วที่พระองค์ท่านให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น อันนี้เป็นแนวพระราชดำริปรัชญาของพระองค์ท่านอย่างแท้จริง ท่านไปดูว่าชาวเขาทำอะไรกินกันอยู่กันยังไงบนเขาบนดอย เขาก็บอกพ่อหลวงว่าทำฝิ่น พระองค์ก็ทรงให้เลิกปลูกฝิ่นแล้วมาปลูกกาแฟแทน ดูสิว่าใครจะคิดได้ ไม่มีอะไรที่จะกล่าวพรรณนาถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ให้กับพวกเราแล้ว (น้ำตาคลอ)สี่พันกว่าโครงการไม่มีใครทำได้ในโลกใบนี้อย่างฝนหลวง ท่านคิดได้ยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกัน คือผมก็รู้เรื่องพระราชดำริของพระองค์ท่านเยอะเพราะว่าเราก็ 70 แล้วนะครับ เท่ากับที่พระองค์ท่านขึ้นครองราชย์พอดี
ความภาคภูมิใจในฐานะนักแสดง
ผมได้รับพระราชทานรางวัลพระสุรัสวดีหรือว่า ตุ๊กตาทอง ในฐานะนักแสดงชายสมทบยอดเยี่ยม ปี พ.ศ.2516 จาก ภาพยนตร์เรื่อง “ชู้” ของ “คุณเปี๊ยก โปสเตอร์” รับจากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชวังสวนจิตรลดา บรรยากาศในวันนั้น มีนักแสดงที่เข้ารับด้วยกัน 4 คน คือมีผม “เปียทิพย์คุ้มวงศ์”, “นาท ภูวนัย” และ “ภัทราวดี มีชูธน”เป็นวันที่รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดในชีวิต เพราะไม่เคยได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดพระองค์ท่านมากขนาดนี้มาก่อน วินาทีที่พระหัตถ์พระองค์ท่านยื่นตุ๊กตาทองมาให้เราก็บรรยายไม่ถูกเลยสำหรับความรู้สึกตอนนั้น จุกอก อิ่มใจ แล้วพระองค์ท่านก็ตรัสชมว่าเก่งมาก (น้ำตาไหล) นึกถึงเมื่อไรก็อิ่มใจน้ำตาไหลตลอด แล้วทุกวันนี้ผมก็น้ำตาไหล เวลาดูทีวีเห็นข่าวต่างๆ เกี่ยวกับพระองค์ท่าน จนไม่ให้เด็กแม่บ้านเข้าไปในห้อง กลัวเขาเห็น ผมไม่ได้อายหรอก แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่มีใครแล้ว ถ้าผมตายก็ไม่เสียดายชีวิตแล้วนะ ซึ่งพระองค์เสด็จฯพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทองปีนั้นเป็นครั้งสุดท้ายด้วย รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการแสดงของวงการบันเทิงไทย คือรางวัลพระสุรัสวดีเท่านั้น ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับวงการแสดง ซึ่งก็มีไม่กี่คนที่รับพระราชทานจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน ผมคือหนึ่งในนั้นที่เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวมากๆ พ่อแม่ผมท่านก็บอกเลยว่า “เป็นบุญของเอ็งลูกเอ๊ยเกิดสิบชาติร้อยชาติก็ไม่มีแล้ว” เพราะว่าบ้านผมพ่อแม่จะเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถอย่างสุดชีวิตและตอนที่เรียนวิชาวาดเขียนบังคับให้ผมวาดรูปในหลวงและพระราชินีผมก็วาดด้วยดินสอดำ ซึ่งทุกวันนี้รูปนั้นก็ยังอยู่นะแต่ว่าอยู่อีกบ้านนึง ชีวิตของเด็กคนหนึ่งซึ่งไม่น่าเป็นไปได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว ซึ่งมันก็กลายเป็นเกียรติประวัติเป็นตำนาน นอกจากนี้ผมยังได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระองค์ท่านตอนที่เล่นหนังเรื่องสุริโยไท และตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งวันนั้นมีนักแสดงมากมายได้เข้าแถวเฝ้าฯรับเสด็จ
ในบทบาทการเป็นนักการเมือง
ผมได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สายแดง และพระองค์ท่านทรงมีพระราชกระแสรับสั่งมาในพระราชสาสน์ว่า ให้นักการเมืองทุกคนเป็นคนดี อย่าคดโกงบ้านเมือง อย่าให้คนไม่ดีปกครองบ้านเมือง พระองค์ทรงสอน ซึ่งมันก็จริงหมดเลยนะ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ (พูดไม่ออกน้ำตาคลอและนิ่ง) ใครคิดดีก็ได้ดี ผมบอกตรงๆ เลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านศักดิ์สิทธิ์มากแล้วการที่ผมลงเล่นการเมืองจริงๆเราไม่ได้อยากเป็น สส. แต่ว่าคนที่มาชวนให้เป็นท่านมีบุญคุณกับผมมาก ตอนที่แต่งงานเราก็บอกกล่าวท่านด้วยปากเปล่า เย็นนี้พรุ่งนี้ท่านก็ไปร่วมงานเลยคือ “ท่านสมัคร สุนทรเวช” ผมเลยซึ้งตรงนี้ท่านชวนให้มาอยู่ด้วยกัน เราก็เลยลองดูไปลงสมัคร สส. แล้วชนะถล่มทลาย แม้ว่าจะเป็นเขตแถวบ้านตัวเอง แต่ถ้าเราเป็นคนชั่วเราก็คงจะไม่ได้หรอก ก็เลยได้เป็น สส. ในสมัยที่คุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นการรับใช้ประชาชน ตอบแทนแผ่นดินตอบแทนคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่นอกเหนือจากการเป็นนักแสดง
อีกหนึ่งรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
รางวัลพ่อตัวอย่างแห่งชาติ ปี 2555 ก็เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่ยังความภาคภูมิใจให้กับตัวผมเองและครอบครัว รางวัลพ่อดีเด่นนี้มีคนรับทั่วประเทศเยอะเหมือนกันนะ แต่ว่าปีนึงเขาคัดสรรคนที่สมบูรณ์จริงๆ หนึ่งจะต้องไม่มีเรื่องครอบครัวแตกแยก ผัวเดียวเมียเดียว เคยมีประวัติคดโกง หรือโกงกินไม่ได้ แล้วเราก็ได้รับรางวัลนี้มา ซึ่งผมเป็นคนแรกที่ได้รับและเป็นตัวอย่างในการกราบบังคมทูล รางวัลนี้แม้ว่าจะไม่ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจมากครับลูกๆ เขาก็ปลื้มใจ จะพาพ่อไปเลี้ยงด้วย แต่เราไม่เอา คือทำดีไม่จำเป็นต้องให้ใครเห็นหรอกทำอยู่อย่างนี้ปิดทองหลังพระ ในหลวงท่านไม่เห็นต้องไปประกาศเลยท่านทำอย่างเดียว คือถ้าเราเป็นคนดี เพชรอยู่ในน้ำคลำ ยังไงก็เป็นเพชร
ผมทำความดีมาตลอด แต่ไม่เคยต้องป่าวประกาศ ช่วยเหลือคนยากคนจน ร่วมกับชมรมน้ำใจไทยก็ทำมาหลายปีแล้ว ผมบอกหนังสือพิมพ์ให้เขาช่วยลงให้หน่อย เอาเบอร์โทรศัพท์ผมไป ใครเดือดร้อนยากจนออยากจะให้ช่วยเหลือก็บอกมา ก็มีคนแก่โทร.มา “คุณกรุงยายอยู่ฉะเชิงเทรา ปิ้งหมูย่างอยู่ป้ายรถเมล์ยายตาข้างซ้ายมองไม่เห็นแล้ว เพราะว่าปิ้งหมูมานานอยากได้ตังค์ไปตัดแว่นหน่อยได้รึป่าว” ผมก็ส่งไปให้ บางโรงเรียนกันดารไม่มีตะกร้อ ไม่มีอุปกรณ์กีฬาก็ส่งไปให้เขา ทั้งจากเงินส่วนตัวเองหรือว่าเพื่อนฝูงต้องการสมทบเท่าไหร่ก็รวมกันไปซื้อแล้วส่งไปรษณีย์ ใครไม่มีข้าวจะกินบอกเลยวันเดียวถึง ไม่มีใครเขามาหลอกหรอก เพราะว่าเราตรวจสอบก่อนตลอด ส่งลูกน้องไปดูเลยว่าจริงตามที่เขาว่ามาหรือเปล่า แต่พวกที่ขอเงินไปกินเหล้าเมายา เราก็จะไม่ให้ คือโครงการนี้ผมยังคงสานต่ออยู่เรื่อยๆ เป็นชมรมที่เราทำมาและมีเพื่อนๆ เป็นร้อยๆ คนที่ช่วยกัน แต่ไม่ใช่คนในวงการบันเทิงนะ ผมเป็นหัวเรือใหญ่ แล้วก็มีพวกพ่อค้าประชาชนผู้ที่มีแรงในการจะช่วย
พระราชดำรัสที่น้อมนำมาปฏิบัติ
ทุกวันนี้คนก็น้อมนำมาปฏิบัติกันเยอะมาก อย่างเรื่องที่ว่าใช้เสื้อผ้าปะแล้วปะอีกชุนแล้วชุนอีก มีเยอะมาก เราเองก็เป็นคนที่ไม่กินเหล้าไม่สำมะเลเทเมา แต่ว่าตอนวัยรุ่นก็ไม่ว่ากันนะครับ แต่ทุกวันนี้อยู่แบบเรียกว่าพอเพียง คือไม่หรูหรา กินข้าวราดแกงได้ เพราะนิสัยเราเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตอนเป็น สส. นั่งโต๊ะหลุยส์ในรัฐสภา มีอาหารจากร้านอาหารแพงๆ ส่งให้สส. รัฐมนตรีทานในห้องอาหารรัฐสภา เราก็ลงไปกินข้าวราดแกงที่ร้านใต้ถุนสภาจานนึง 30-40 บาทก็พอ เพราะเราคิดว่าวันนึงทุกคนก็ต้องมากินข้าวราดแกงอยู่ดี ไม่ต้องไปหรูหราอะไร เหมาะแล้วที่เขาสอนนักการเมืองแบบนี้ เป็นจริงตามที่ใครเขาพูด ผมไม่ได้เข้าข้าง คสช.หรือว่าใครนะแต่ผมว่าเขาทำดี เตือนสติคน
สิ่งที่ลูกๆ น้อมนำและปฏิบัติตามอย่าง
พอเห็นพ่อไหว้ในหลวงเขาก็ไหว้ตาม โดยที่เราไม่ต้องบอก อาจจะบอกสอนเขาในตอนที่เขาเด็กๆ แต่ว่าพอโตมามันก็ติดเป็นนิสัยของเขาไปแล้วครับ เขาจะไม่กล้าเอาเงินไปโยนเล่นไปวางไม่เป็นที่เป็นทางเด็ดขาด แล้วทานข้าวถ้าไม่หมดจานก็จะว่าเขา แม้กระทั่งคนงานพวกแม่บ้านต่างๆ ที่เวลาเขาตักข้าวให้เราแล้ว ข้าวที่ติดทัพพี เขาเอาไปวางทิ้ง ทั้งที่ข้าวสิบยี่สิบเม็ดที่ติดอยู่รวมแล้วเป็นครึ่งกระป๋องได้ เราก็เรียกเขามาดุเลย คุณทำกันแบบนี้ได้ยังไง ถ้าวันหลังคุณไม่ช่วยผมประหยัด ผมก็จะไม่ให้ข้าวคุณกิน แล้วไฟฟ้า น้ำอะไรต่างๆ ไม่ใช้ก็ต้องปิดดับให้หมด ผมจะสอนอย่างนี้
วันที่ 13 ตุลาคม
วันนั้นช็อก ทรุดไปเลย เพิ่งกลับมาจากงานฌาปนกิจศพ ขับรถมาก็หมดแรงแล้ว ทำอะไรไม่ถูกเลย อยู่บ้านก็ร้องไห้ตลอดอยู่ในมุมของตัวเองลูกเมียก็ร้อง ทุกคนต่างเสียใจแล้วลูกๆ เขาก็ไปที่สนามหลวงกัน สิ่งที่ผมจะทำได้ในช่วงนี้ คือจะนำพวงมาลัยมากราบที่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน กราบไหว้ทุกวัน ความรู้สึกของผมกับการสูญเสียครั้งนี้เหมือนความรู้สึกเมื่อครั้งที่เราสูญเสียพ่อแม่ที่จากไป อารมณ์เดียวกัน(น้ำตาคลอ) คนที่มันคิดว่าเฮ้ยจะเสียใจอะไรกันนัก ผมว่าคนนั้นมันไม่ใช่คนดีแล้วล่ะ มันคนบ้าที่คิดแบบนั้น ไปอยู่ที่อื่นเลย ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่
ขอตั้งปณิธานสานต่องานของพ่อ
ทำความดี แค่นี้ก็พอแล้วครับ ทำตนเป็นคนดีช่วยเหลือประชาชนได้ช่วยเหลือ และอยากจะตอบแทนพระองค์อีกครั้ง คืออยากจะลงสมัครเลือกตั้ง สส.อีกครั้งนึง อยากจะรับใช้ประเทศชาติ แล้วก็ทำหน้าที่แทนพระองค์ประชาชนเดือดร้อน น้ำท่วม ฝนแล้งเราก็อยากจะไปช่วย ผมยังไหวอยู่ สบายมากไม่ต้องเป็นห่วง วันนึงช่วยไม่รู้กี่งาน ส่วนในฐานะนักแสดงเราก็ยังเล่นอยู่ยังคงสร้างความบันเทิงให้กับคนดูต่อไป นี่ก็มีติดต่อมาเรื่อยๆ สำหรับละครเทิดพระเกียรติ ซึ่งผมยินดีรับเล่นหมดเลยนะ แต่มีข้อแม้ว่าดูบทที่มันดีหน่อยละกัน ไม่ใช่ว่าให้ไปเล่นเป็นกำนันโกงกินบ้านเมืองไม่เอานะ บอกไว้เลยบทเจ้าพ่อเป็นเจ้าของโรงงานยาเสพติดอะไรไม่ดีๆ คือถ้ารับบทแบบนี้ป่านนี้ก็ไม่ได้นอนแล้ว ละครเทิดพระเกียรติเนี่ยให้เล่นเป็นตัวอะไรก็ได้ เราไม่เอาตังค์ด้วย เพียงแต่ว่าไม่เล่นเป็นผู้ร้ายเท่านั้นเอง จะต้องเป็นตัวที่สร้างสรรค์อีกสักพักนึงก็อยากจะบวชตลอดชีวิต เพราะว่าเราแก่แล้วไม่มีอะไรทำแล้วล่ะ เป็นนักแสดงก็พอแล้วการบวชนี้ถือเป็นการน้อมถวายแด่พระองค์ท่านในวาระสุดท้ายด้วย นี่ถ้าไม่ติดละครนะผมบวชไปแล้ว บวชสักระยะนึงแล้วก็สึก สุดท้ายของชีวิตคืออยากจะบวชตลอดชีวิต ลูกเมียไม่รู้เรื่องแต่คิดว่าเขาคงไม่ว่าหรอก ขัดคนบวชบาปนะนี่คือแผนชีวิตที่เราวางเอาไว้
กรุง ศรีวิไล กับ แอล และ เอิร์ธ (ลูกสาว-ลูกชาย) ร่วมแสดงละคร “ทิวลิปทอง”
ความในใจฝากถึงพี่น้องชาวไทย
ผมอยากให้ทุกคนอยู่กันแบบสงบเรียบร้อยไม่วุ่นวาย ให้ทุกคนรู้หน้าที่ใครหน้าที่มัน และเก็บพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจำใส่ไว้ในใจของพวกท่านทุกคนตอนนี้ ทุกคนรู้แล้วว่าไม่มีพ่อแล้วเป็นยังไง จำไว้ ถ้าเผื่อว่าไม่มีทุกรัชกาลประเทศชาติของเราจะเป็นยังไง ขอให้ใช้สมองที่ว่าแน่ๆ ย้อนกลับไปนึกถึงกันเอาเอง ว่าใครจะมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ไม่ได้ ให้นึกกันชัดๆ แต่ถ้าพวกไหนสมองลิงก็แล้วแต่จะคิดครับ
และนี่คืออีกหนึ่งเสียงของศิลปินในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ผู้เป็นดั่งตำนานแห่งวงการบันเทิงไทย
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี