วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
Star Retro : ลูกทุ่งเบรคแตก 'อ้อยใจ แดนอีสาน' ชีวิตนี้อุทิศเพื่อหมาแมว

Star Retro : ลูกทุ่งเบรคแตก 'อ้อยใจ แดนอีสาน' ชีวิตนี้อุทิศเพื่อหมาแมว

วันอาทิตย์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : ลูกทุ่งอ้อยใจ แดนอีสาน หมาแมว Star Retro
  •  

เป็นนักร้องลูกทุ่งที่มีเอกลักษณ์ความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งด้านน้ำเสียง และการแต่งกาย สำหรับ “อ้อยใจ แดนอีสาน” ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทของการเป็นนักร้อง หรือแม่ค้า เธอเต็มที่และเรียกเสียงหัวเราะจากแฟนๆ ได้เสมอ แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้น เธอต้องข้ามผ่านอุปสรรคมานานัปการ…

“อ้อยใจ แดนอีสาน” ในวันนี้


หลังจากที่วงการเพลงซบเซา โลกโซเชียลเข้ามามีบทบาท เราก็เลยเหมือนจะหายหน้าหายตาไป ซึ่งก็เป็นทุกคนไม่ใช่แค่อ้อยใจแล้วเราก็ต้องมีอาชีพหลัก นั่นก็คือขายยำแหนมสดซึ่งเป็นอาชีพเก่าอาชีพดั้งเดิมที่เราทำมานานแล้ว พ่อ-แม่พี่น้องทุกคนจะขายยำแหนมสดกันหมดเลย เป็นสูตรที่เราได้มา คือเมื่อก่อนเคยไปเป็นลูกจ้างที่ร้านอาหารคนญวน เลยได้วิชามา แล้วมาสอนพี่น้องพ่อ-แม่ให้ทำ ก็ขายอย่างนี้มาตลอด ก่อนจะเข้าวงการเพลงลูกทุ่งเสียอีกค่ะ ตอนที่เพลงดังก็ยังขายอยู่ หาบขายที่คลองเตย ไปประตูน้ำก็ไป คือไปทั่ว เราก็มีความสุขนะ คือเรามีพี่น้อง 6 คน พอถึงเวลาทุ่มหนึ่ง เราก็กลับไปเจอกัน เอาสตางค์ไปนับได้คนละเท่าไหร่ ขายอย่างนี้ทุกวัน

จุดประกายความฝันการเป็นนักร้อง

วันหนึ่งมีเพื่อนชวนไปร้องเพลงคาเฟ่ เขาบอกว่าร้านนั้นนักร้องขาด เลยลองให้เราไปสมัคร เราก็คิดนะว่าเขาจะรับเหรอ เราแต่งตัวไม่ดี เราเป็นแม่ค้าหน้าตาก็ไม่ได้สะสวย เขียนคิ้วก็ไม่เป็น เราเป็นคนที่ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว เวลาขายของไป เราก็จะร้องเพลงไปด้วย ลูกค้าก็ชอบ บางคนก็สงสาร คือเราจะเป็นคนที่น่าสงสารมากกว่า แต่ว่าจะทำยังไงเพื่อให้ได้เงินไปให้พ่อ-แม่ ไม่อยากให้ที่บ้านลำบาก แต่ขายยำแหนมก็ขายดีนะสนุกในการหาบขาย แล้วพอมีคนมาบอกว่าทำไมไม่ไปร้องเพลงล่ะ ท่าจะดังนะ เสียงดีด้วย พอคนนั้นคนนี้ชม เราก็เหิมเกริม (หัวเราะ) แล้วพอดีเด็กข้างบ้านเขาเป็นนักร้อง และเขาเกิดทะเลาะกับแฟน เลยไปร้องเพลงแบบซังกะตาย เราก็เลยขอไปกับเขาด้วย เขาก็ให้ไป แต่บอกว่าอย่าซนนะให้นั่งอยู่เฉยๆ เพราะว่าผู้จัดการจะดุเอา แล้วบังเอิญว่านักร้องเขาเกี่ยงกันร้อง เพราะว่าแขกยังไม่ค่อยมี เราก็ขึ้นไปจับไมค์ร้องเพลงเลย “คุณไม่รักทำไมไม่บอก” นักดนตรีเขาก็ไล่ลง เราก็ขอเขา จนเขายอม พอร้องไปแขกที่นั่งอยู่เขาชอบใจ และให้ทิปด้วย คือเราร้องเราก็มีลีลาที่ไม่เหมือนใคร สนุกสนาน มีสไตล์ยักคิ้วหลิ่วตาเต้น หลังจากนั้นก็มีอีก ที่คาเฟ่หนึ่งแถวสะพานควาย เขาเขียนว่ารับสมัครนักร้อง เราก็เอาเลย ขายของเสร็จอาบน้ำแต่งตัว ก่อนนี้คือไปเดินประตูน้ำ ซื้อเสื้อผ้ามาแล้ว เราจะต้องสวย ตกกลางคืนจะไปสมัครงานร้องเพลง ไปกี่ที่เขาก็ไม่รับ (ยิ้ม) การแต่งตัวไม่ดี เราก็มั่นใจว่าเราแต่งสวยแล้วนะ (นึกท้อไหม?) ไม่ท้อค่ะ ต้องมีสักคนที่ยอมฟังเราบ้าง มีร้านหนึ่งเขาเปิดถึงสว่างเราก็ไป เขาก็บอกว่าลองมาเทสต์ดู เราก็ไป คือใจเรายังหวัง แต่พอไป แขกยังไม่มีเลย เทสต์ไปก็เท่านั้น กลับบ้านเสียค่ารถไปไกลด้วย แต่ก็ยังไม่ท้อ กลับมาอีก เพราะว่าเขายังไม่ได้ฟังเสียงเรา เว้นอีกนาน เพราะห่วงขายของ มัวแต่จะไปร้องเพลง เราก็จะขาดรายได้ อีกอย่างคือแม่ไม่ชอบด้วย ที่เราจะไปเป็นนักร้องเต้นกินรำกินแบบนั้น แม่ให้ขายของ แต่เราชอบ ก็ได้แต่นึกอยู่ในใจไม่กล้าเถียงแม่ จ้ะๆ แต่แอบไปเรื่อย กลับตี 1 ตี 2 ไปรอคิว บางทีไม่ได้ร้อง ต้องอาศัยใจกล้าหน้าด้าน ใครวางไมค์เราก็วิ่งขึ้นไปจับเลย แล้วพอดีเขาเห็นว่ามาหลายครั้ง อยากร้องงั้นก็ร้องเลยก็บังเอิญไปถูกใจเขา เลยให้ร้อง และบอกว่าร้องดี แขกมาเขาก็ถามหา เขาเลยให้เราไปร้องได้ค่าตัววันละ 70 บาท ตอนนั้นถือว่าเยอะสำหรับเรานะ แล้วมีทิปด้วย ก็เอาสนุกด้วย ร้องแบบนี้อยู่นาน จนมีคนติดต่อให้ไปร้องวิ่งรอกเลย ที่บ้านก็รู้แล้ว ห้ามไม่อยู่ โดนว่าก็จ้ะๆ แต่ก็ไปอยู่ดี

ลูกทุ่งเบรคแตก

มีคนใต้คนหนึ่ง เขามารับจ้างถ่ายรูปนักร้อง เขารู้จักกับท็อปไลน์ เขาก็เห็นว่าเราร้องเพลงดี เลยพาไปฝากท็อปไลน์ ชวนตั้งหลายครั้ง แต่เราไม่ยอมไป กลัว เพราะว่ากรุงเทพฯเรายังไม่ชินเลย ก็นึกกลัวไว้ก่อน แต่สุดท้ายเขาก็พาไปจริงๆ แต่ท็อปไลน์ไม่รับ และพี่คนนี้เขาก็มีหัวหน้า เขาก็เลยพาไปหาหัวหน้าเขาชื่อ “ณรงค์ รอดเจริญ”พอคุณณรงค์พาไป เขาก็รับเลย และให้เราร้องเพลงหมอลำ อัดแผ่นชุดแรกชื่อเพลง “สาวดำรำพัน” แต่ว่าเสียงเราไปทางลูกทุ่ง ไม่ใช่หมอลำมันเลยไม่เกิดเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่ามีคนรู้จักเราเยอะขึ้น แต่ที่เปรี้ยงสุดๆ ก็ชุดที่ 2 “ผัวฉันหาย” ตอนแรกเขาก็ว่าจะทิ้งแล้วล่ะ เพราะว่าเหมือนจะไม่เกิด แต่อาณรงค์เขาบอกว่าลองอีกสักชุดหนึ่งถ้าไม่เกิดก็แค่นี้เลยลองทำอีกชุดหนึ่ง ชุด “ลูกทุ่งเบรกแตก” คนก็ชอบ เวลาไปต่างจังหวัดเขาเห็นแต่หน้าก็ขำแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ขึ้นเวที ไม่ได้ทำอะไรเลย

จากเด็กสาวสู้ชีวิต ได้มาอัดแผ่นเสียง

ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย คิดว่ามันเป็นการทำงาน และไม่ได้คิดว่าตัวเองดังหรืออะไร คนถามว่าดังแล้วยังมาขายยำแหนมอีก เราก็แบบดังเหรอ ดังเป็นแบบไหน ต้องมีคนมารุมล้อมเราสิ นี่ไม่เห็นมีเลย มันดังยังไง ไม่เข้าใจเลย จนเวลาได้ค่าตัวเราก็ตกใจว่าจริงเหรอ

สุขจากการเป็นผู้ให้

เป็นคนที่ยอมคน ไม่ชอบเอาชนะใคร ถึงเราจะชนะคนอื่น เราก็ต้องยอมแพ้ เราถึงจะอยู่กับคนทั่วไปได้ ทุกวันนี้ก็ยอม ใครว่าอะไรก็ไม่สน ไม่เก็บมาใส่ใจให้ตัวเองคิดมาก สุขภาพเสื่อมโทรมไม่เอา แม้ว่าเราจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าคนเราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ อยู่ไม่ถึงร้อยปีหรอก ทำบุญมีเท่าไหร่ทำ แต่อย่าทำหมด ทำเท่าที่เราสบายใจ ไม่ต้องไปออกชื่อออกนาม เมื่อก่อนได้เงินมาก็ไปทำบุญแถวโรงพยาบาล นั่งรถเมล์ไป แล้วก็ไปแจกเงิน คนละ 10, คนละ 100, คนละ 300 แล้วแต่ เขาก็ถามว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน เราก็บอกว่าไม่ต้องรู้หรอก เราชอบให้ ทุกทีที่ให้แล้วสบายใจ พรุ่งนี้หาใหม่ จะเป็นคนแบบนี้ได้เงินมาก็แจกเด็กกำพร้า เขาเห็นเราไปร้องเพลง เด็กๆ ก็จะมารอแล้ว เราไม่ให้มันก็ดูยังไง ทุกวันเขาต้องมานั่งรอ ตอนเราตื่นก็แจก (ยิ้ม) ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ รวมถึงการให้อาหารหมาจรจัดต่างๆ คือก็ทำมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัด เราอาศัยอยู่ในวัด เพราะว่าเมื่อก่อนเคยหลับไป 8 วัน แล้วเราเห็นหมดว่าคนที่ทำบาปเป็นยังไง ไปเห็นนรกสวรรค์ คือสมัยเด็กบ้านเรายากจนมาก ก็เอาปูนาที่มันไต่อยู่ไปโยนใส่หม้อน้ำร้อน ซึ่งเราจะต้องไปรับกรรมต่ออีกกี่ปีกี่ชาติถึงจะหมด กับที่เราทำกับเขาไว้ ไม่ว่าจะฆ่าสัตว์อะไรก็แล้วแต่ เราฆ่ามดเขาก็ต้องฆ่าเรา เลยจดจำมา ทุกวันนี้ขอให้ตัวเองแข็งแรง กลัวที่สุดคือกลัวเรื่องเจ็บป่วย เพราะไม่มีใคร ญาติพี่น้องตายหมด ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด

แม่พระของเหล่าหมาแมว

เงินจากการขายยำแหนมนี่แหละค่ะ ที่เอามาซื้ออาหารให้น้องหมา คือขายได้ก็ไปซื้อข้าวสาร บางทีก็มีคนบริจาคมาบ้าง เลยเบามือไปหน่อย แต่บางคนก็ว่านะ ว่าเลี้ยงตัวเองยังไม่รอดเลย ทำไมต้องไปเลี้ยงหมา แต่เราไม่ได้เก็บมาคิดนะ ต่างจิตต่างใจ เขาไม่ชอบ แต่เราชอบ ก็ไม่ว่าเขา เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่าเขา เราชอบของเราแบบนี้เราก็ทำของเราไป

ยังคงร้องเพลงและรับงาน

ด้วยความที่เราเล่นเฟซไม่เป็น ไม่มีโซเชียลคนก็เลยไม่ได้มาสนใจ จะมีบ้างข่าวจากนักข่าวที่มาขอสัมภาษณ์ บางครั้งก็ถูกกันท่าเหมือนกัน คือบางผู้จ้างเขาอยากได้อ้อยใจไปเล่น เพราะเขาเคยเห็นการแสดงของเรา บางคนก็ไปบอกว่าให้เอาวงตัวเองดีกว่า เพราะว่าอ้อยใจแก่แล้ว ถือไมค์ไม่ไหวแล้ว อัมพาตอัมพฤต เจ้าภาพเขาก็ไม่รู้ไง แต่พอเขาไปหาเบอร์โทร.เราในเนต แล้วเขาโทร.มา เขาก็ถามว่ารับสายไหวไหม คือด้วยความที่เขาไปเชื่อคำพูดของคนอื่น แต่จริงๆ แล้วเราก็อยากจะบอกว่า เรายังอยู่ดีสบายอยู่นะ รับงานจ้างงานแสดงอยู่เหมือนเดิมจะใกล้ไกลก็ไม่ต้องห่วงไปได้หมด ไม่ต้องกลัวว่าจะแพง เล่นให้เต็มที่ เข้ามาดูในเฟซบุ๊ค “อ้อยใจ แดนอีสาน” มีคนสร้างให้ ก็สามารถเข้าไปดูผลงานของอ้อยใจได้ค่ะ

ในวันที่งานเพลงซบเซา

ไม่รู้สึกเสียดาย หรือว่าเสียใจเลย เพราะว่าเราเป็นคนขยันอยู่แล้ว อ้อยใจเป็นคนที่ว่าไปอยู่ที่ไหนก็ได้ขอให้มีฝีมือทางการค้าขาย เราต้องรับตัวเองให้ได้สิคลื่นลูกใหม่ก็มาเยอะแยะ ไม่ใช่ไม่มีงานจ้าง จะไปกินยาฆ่าตัวตาย เราไม่ได้เกิดมาเพื่อการแสดง เราเกิดมาเป็นลูกแม่ค้า เราค้าขายเป็น คนลำบากมาก่อนไม่เคยสบาย เราไม่เคยรวย เราต้องไปคิดทำไม โลกนี้โอ้โห!สวยงามน่าอยู่ ไม่เคยคิดว่าจะต้องไปดิ้นรน เงินไม่มีจะต้องไปอัดแผ่นเสียงเสียค่าใช้จ่ายอีก ถ้ามันจะดัง เราก็แต่งเพลงขึ้นมาสักเพลง ร้องลงยูทูบดู ให้คนอื่นเขาลงให้นะ ไม่ได้ไปขวนขวายไม่ได้ไปเสาะแสวงหา เพราะชีวิตไม่เคยรวย ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่เคยขับรถไปหาใคร เพราะว่าขับรถไม่เป็น(หัวเราะ) เลยไปหาใครไม่ได้ เราไม่รู้เส้นทางด้วย บางคนอยู่ไกลๆ เราก็ไปไม่ได้ อีกอย่างคือเราต้องทำมาหากิน หยุดวันหนึ่งหมาอดตาย เราก็จะเป็นทุกข์ เราเลยอยู่อย่างสมถะของเรา ที่ไม่ได้ไปหาใครอย่าหาว่าหยิ่งเลยนะคะ ไม่มีอะไรจะมาหยิ่งหรอก เป็นคนที่ให้ใจเต็มร้อย เป็นคนที่เกิดมาจากพ่อ-แม่สองท่านนี้เป็นคนไม่ลักไม่ขโมย ไม่หวังที่จะรวยไม่ติดคุก มีครบ 32 แล้วก็จิตดีคิดดีไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บพอแล้ว เกิดมาในประเทศไทยเป็นลูกของในหลวงรัชกาลที่ 9 ดีที่สุดภูมิใจที่สุด ไปดูคนที่เขาตาบอด คนที่เขามีไม่ครบ 32 เหมือนเราสิ เขามองไม่เห็นโลกเลย คนที่นั่งรถเข็นเดินไม่ได้น่าสงสาร เราต้องมองจุดนี้ เราหูตาก็ดี มือไม้ก็ดี อย่าไปน้อยใจเลย กินปลาทูตัวเดียวก็อิ่มเหมือนกัน ไม่มีใครรู้

ชีวิตในวัยเด็ก

เป็นเด็กต่างจังหวัดบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิค่ะ ครอบครัวยากจน กินข้าววัดมาตลอดเผาถ่านขาย มีพี่น้อง6 คน อ้อยใจเป็นคนที่ 5 ก็ช่วยพ่อ-แม่เผาถ่านขายในวัด ตรงป่าช้าเลย เขาเผาศพไฟยังไม่ดับเลย เราก็ไปเผาถ่านอยู่ข้างๆ แต่จริงๆ เป็นคนกลัวผีนะ แต่ก็จำเป็นต้องทำจนกระทั่งอายุ 13 ก็หนีออกจากบ้าน เข้ากรุงเทพฯ มีทองมาสลึงหนึ่ง แม่ซื้อให้ ก็เอาทองมาใส่ แล้วก็ใส่เสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าถุงเข้ากรุงเทพฯ ชีวิตไม่ได้สบายเลย เป็นเด็กที่รักในเสียงเพลงด้วย คือบางทีเขาจ้างเลี้ยงลูก เราเมื่อยก็เอาเท้ายันแปลไกวกล่อมลูกเขาไป บางทีตัวเองก็หลับไปด้วย ฝึกร้องเพลงจากการฟังวิทยุ แล้วร้องตาม ฝึกเองไม่เคยเรียนร้องเพลง ไม่เคยมีใครมาสอน ไม่เคยมีครู แล้วเราก็มีไปประกวดเวทีตามจังหวัดต่างๆ ก็ได้รางวัลมาเรื่อย เป็นขนมปังร้อยเชือก แค่นั้นเราก็ภูมิใจแล้วนะ

ฝันที่ช่าง ไกลเหลือเกิน

มุ่งมั่นอยากจะเป็นนักร้องเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เราไม่รู้จักใคร เป็นไปไม่ได้หรอก ได้แต่ชื่นชมได้แต่แอบดูนักร้องคนอื่นๆ ตอนนั้น “อาพนม นพพร”เขาไปเล่นที่ชัยภูมิ เราก็อาบน้ำแต่งตัวไปดูเขา ชอบอาพนมมาก เขาไปกินอาหารโต้รุ่ง เราก็ไปช่วยเขาล้างจานที่โต้รุ่งพออาพนมเผลอ เราก็ไปจับแขนเสื้อเขาแล้วก็มาดม (หัวเราะ) บอกหล่อจังเลย อยากรู้จักแล้วก็หัวเราะ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

ความภูมิใจที่ไม่เคยลืม

ภาคภูมิใจที่มีคนรู้จัก ไปไหนมีคนทักทาย อย่างไปประตูน้ำ เราเคยหาบของขายที่นั่นมาก่อน คนเก่าคนแก่เขายังจำเราได้ เราก็ส่งภาษาใส่เขา ใครพูดใต้เราก็ใต้ด้วย อีสานเราก็พูดอีสาน เจอเหนือเราก็พูดเหนือ เขาก็บอกว่าเราไม่ถือตัวนะ แล้วทำไมถึงเลิกร้องเพลง เราก็บอกว่ามันเป็นไปตามวัฏจักร (หัวเราะ) จะไปแข่งขันกับเด็กๆ เขาไม่ได้หรอก เราได้แฟนเพลงรุ่นตะกร้าหมาก ตัวคนเดียวเราไม่ห่วงอะไรหรอก คือพ่อ-แม่ก็เสียไปหมดแล้ว พี่น้องก็ไม่มีให้เลี้ยงสักคน เขาเสียหมดแล้ว ก็เลยเหลือตัวคนเดียว

ชีวิตที่เรียบง่ายแต่ไม่เหงา

ครอบครัวไม่มี คือเราเป็นผู้หญิง เราก็ต้องเลือก ต้องชอบอยากมีครอบครัวที่ดี แต่เราเป็นศิลปินนักร้อง ใครจะมาชอบเราจริง คนที่มาเที่ยวเขาเป็นสามีคนอื่นทั้งนั้นเราจะต้องไปด่าไปว่าไปแย่งเขามา มันไม่ใช่นะ อย่ามีดีกว่า ให้ไปร่วมหัวจมท้าย หรือว่าไปมีสัมพันธิ์ลึกซึ้งกว่านั้นไม่ได้ ได้แค่ชอบ คนนี้หล่อจังเลย อยากได้เป็นแฟนอย่างเนี้ยแต่ว่าเขาเป็นแฟนคนอื่น อย่าไปแย่งเลย บาปกรรมไม่เอาแค่ชอบเราก็บาปแล้วนะ ก็เลยอยู่คนเดียว ทำงาน ไม่ไปยุ่งกับใคร เพื่อนฝูงเขาชวนไปไหน เราก็ไม่ไป เราเป็นคนโบราณด้วย ไม่เที่ยวไม่กินไม่ไปไหนกับใคร เข้าแต่วัดอยู่คนเดียวไม่เหงาหรอกค่ะ ได้ไปคุยกับแมวกับหมานี่มีความสุขแล้วนะ

สูตรเด็ดความอร่อยที่พร้อมจะถ่ายทอด

ยำแหนมสดขายอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 4 ถ้ามาจากองค์พระ ที่จะทะลุเพชรเกษม สังเกตโลตัสเล็กๆ เราจะขายอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ขายทุกวัน ไม่มีวันหยุดหรอก ถ้าหยุดวันไหนสุนัขอดแน่นอน แต่จะขายเย็นหน่อย คือ 1 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม ซึ่งถ้าออกมาเร็ว ก็ขายดีนะ แต่นี่เรามัวแต่ไปเลี้ยงสุนัขจรจัด มัวไปเลี้ยงแมวมากไป ยอดเลยตก (หัวเราะ) เพราะลูกค้าเขารอไม่ไหว ซึ่งลูกค้ามาจากไกลๆก็มี เขาซื้อไปกินเป็นเดือนเลย มีทั้งยำแหนมสด เมี่ยงมะม่วงงาดำ ยำผัดไทย เมี่ยงวุ้นเส้นงาดำ และก็รับสอนด้วยค่ะ สามารถโทร.มาได้เลยที่ 081-9177101 รับรองว่าไม่มีกั๊กวิชา และสามารถเอาไปขายได้เลย ถ้าขายไม่ได้ คืนเงินให้ เป็นสูตรที่เราคิดเอง ซึ่งคนก็ชอบ คนกินเยอะ คือเราสังเกตดูว่าเราทำไปคนจะชอบกินไหม ถ้าคนกินเราก็จะทำ ของเราไม่มีสาขา ไม่มีแฟรนไชส์

เอกลักษณ์การแต่งตัวที่โดดเด่น

ไปไหนมาไหนแฟนคลับก็จำได้ ด้วยการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา คือชอบการแต่งตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ เราต้องดูดีถึงจะแก่ก็ต้องให้มันดูดี แต่บางทีก็แต่งแบบหลุดโลกเหมือนกัน (หัวเราะ) ขายยำแหนมออกมา คนก็มาจ้องที่การแต่งตัวเราเลย ใส่เป็นปี ก็ไม่หมดเสื้อผ้าซื้อทุกวัน บางทีชุด 10-20 ปีเราก็เอามาวนใส่ได้อยู่เรื่อยๆ มันก็ยังดูดีอยู่นะ คนก็บอกว่าต้องพี่อ้อยใจเท่านั้นนะเนี่ย ถึงจะกล้าใส่ สีสันจี๊ดจ๊าดเราก็มั่นใจของเรา คือแต่งแก่มันก็แก่ ไปไหนคนก็ชมว่าพี่อ้อยใจไม่แก่เลยมาขอถ่ายรูปด้วย เราก็ภูมิใจ แก่ๆอย่างเรามีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย ไม่ธรรมดานะเนี่ย (ยิ้ม)

อย่าไปท้อเลยนะคะ ชีวิตคนเรา กว่าจะเกิดมาได้ เวลาเราเป็นอะไรไปคนที่เสียใจคือพ่อ-แม่นะ คนอื่นเขาไม่ได้มาเสียใจกับเราหรอก ถ้าเป็นคนขยันซะอย่าง ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่อด อย่าไปคิดมากเลย มันเป็นวัฏจักร ไม่ใช่เป็นแต่เราคนเดียว เขาเป็นกันเยอะแยะไป ถ้าเรารับตัวเองได้ว่าเราเคยรวย เราเคยมีเงินมีทอง เรามีความสามารถอะไรที่เก่ง หรือมีวิชาชีพอะไรที่เราทำได้ดีที่สุดเราก็ทำอันนั้น ถ้าไม่ดีก็ทำใหม่ ทำให้ดีให้ได้ อย่างยำแหนมอ้อยใจเมื่อก่อนมันก็ไม่ได้อร่อยเท่านี้หรอก แต่ตอนนี้คนซื้อเขามาแล้วเรายังไม่ได้จัดร้านเลย ยังรกซกมกอยู่เลย สั่งคนละ10-20 ห่อ ขอจัดร้านก่อนได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่ต้องจัด เอามาเลย ทำอะไรต้องทำมันให้ดี ให้มันอร่อย

สำหรับผลงานตอนนี้ มีละคร “กรงกรรม” ของ “คุณอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” ส่วนงานเพลงก็กำลังจะทำ เป็นเพลงที่แต่งเอง ทำนอง “สาวมาด” แต่งให้ ชื่อเพลง“อมขี้ไก่หาผัว” ถ้าปล่อยลงในยูทูบเมื่อไหร่ก็ฝากให้ติดตามกันด้วยค่ะ

ใครที่กำลังนึกท้อต่อชะตาชีวิต ถ้าจะลองเอาแง่คิดดีๆ จากนักร้องลูกทุ่งหญิงแกร่งคนนี้ไปเป็นแนวทาง ก็ไม่ว่ากัน

กุหลาบสีเงิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'เนวิน'มั่นใจ!บุรีรัมย์ปิดเกมคว้าแชมป์อาเซียนในบ้าน

สศก.เผยสินค้าเกษตรไทยยังเติบโตในตลาดอาเซียน

ดอดเข้ามอบตัวแล้ว! ‘พลทหารแทงแฟนเก่า’ หลังพยายามง้อคืนดีแต่ถูกปฏิเสธ

ก.เกษตรฯเชิดชู7สหกรณ์ดีเด่นปี 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved