เป็นข่าวดังเมื่อปีก่อนเมื่อ กรณี “ปื๊ด-กิตติ ดัสกร” อดีตดาวร้ายน้องชายของ “ดามพ์ ดัสกร” ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ เบาหวาน และความดัน ซ้ำยังถูกทอดทิ้งให้อยู่ในบ้านคนเดียว ก่อนที่ “ไทด์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ และขอให้เลิกยุ่งกับ “คิตตี้” หรือ “แพท” ภรรยาสาว เพราะชอบสร้างความเดือดร้อน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็กลับมาคืนดีกัน จน “ไทด์ เอกพันธ์” ประกาศยุติการช่วยเหลือ และเปิดใจแบบหมดเปลือกกับรายการเจาะประเด็น ทาง ช่อง 8 โดยมี “ต่วย-ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ถึงกรณีที่ตนเองยุติการให้การช่วยเหลือ
ไปช่วยเหลือคุณกิตติได้ได้อย่างไร?คุณไทด์ : คุณอมตะเป็นนักแสดงรุ่นน้องซึ่งคนจะคุ้นหน้าเขาในละคร จักรๆ วงศ์ๆ แล้วคุณอมตะก็เป็นรุ่นน้องของพี่กิตติ ดัสกร เพราะเป็นคนใต้ด้วยกัน มีอยู่วันนึงเขาได้ยินข่าวว่าพี่กิตติป่วย แล้วกลับมาอยู่บ้านหลังที่เป็นประเด็น คุณอมตะก็เข้าไปดู เห็นสภาพแล้วก็ตกใจว่าทำไม กิตติ-ดัสกร ดาวร้ายอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ทำไมมีสภาพเป็นแบบนี้ เขาก็เลยโทรหาผม บอกว่าสภาพแย่มากเลย ถ้าพี่ไม่ช่วยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมก็เลยให้ถ่ายรูปส่งมาให้ผมดู เป็นกองขยะเลย เสื้อที่แกใส่เนี่ย ผมไปหาจากอีกห้องหนึ่งมาให้ใส่เลยนะ เพราะแกใส่แค่แพมเพิสตัวเดียว คิตตี้ก็อยู่ แต่อยู่อีกห้องนึง แล้วในห้องนั้น แพมเพิสที่เขาใช้แล้ว มีทั้ง อุจจาระ ปัจสาวะ กองเกลื่อนเต็มไปหมด ทิ้งไปตรงนั้นเลยเป็นกองขยะ ผมก้เลยบอกคุณอมตะว่าโอเคเดี๋ยวผมไปช่วย รุ่งขึ้นผมก้เตรียมน้อง ๆ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูไปช่วยจัดการ ก่อนที่จะไปจัดการบ้านหลังนี้ ก็บอกแกว่าผมจะมาช่วยพี่นะ แต่มันมีอุปสรรค เพราะบ้านหลงนี้มันมีขยะเยอะมากถ้าพี่ป่วยแล้วพี่จะมานอนในสภาพแบบนี้เดี๋ยวสักวันพี่จะต้องติดเชื้อโรค และมีโรคแทรกซ้อนแน่ ๆ พี่กิตติก็บอกว่าตามสบายเลย คิดตี้ก็โอเค เพราะไม่ใช่บ้านของเขา เขาบอกว่าเป็นบ้านของคนที่รู้จักคนนึง แล้วมาขออยู่อาศัย คิดเดือนละ 5000 บาท ตอนแรกก็จ่ายไป 2-3 เดือน แล้วเจ้าของที่เคยดูแลก็หายสาบสูญไปหลายปี ไม่มาเขาก้เลยยึดครองบ้านหลังนี้ เสื้อผ้าก็กองเต็มไปหมด ลูก ๆ ก็อยู่ด้วยในบ้านหลังนี้ ตามข่าวบอกว่า 4 ที่ผมเจอมี 3 คน ผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน เขาบอกว่ามีอีกคนอยู่หัวหินคนโตสุด
ตอนนั้นคิตตี้บอกว่าไม่ใช่ภรรยา แต่เป็นลูก แล้วมีการเอาเงินออกจากบัญชีไปถึง 8 หมื่นบาท เรื่องมันเป็นมาอย่างไร?คุณไทด์ : ตอนนั้นผมก้ถามพี่ปื๊ดนะว่า ผู้หยิงคนนี้เป็นใคร เขาก็บอกผมนะว่า เป็นภรรยาเขา แต่ขอร้องผมว่าอย่าบอกว่านี่เป็นภรรยาเขา เพราะว่าคิตตี้บอกว่าให้เป็นลูกสาว ไม่อย่างงั้นคนที่ให้ความช่วยเหลือจะไม่ให้ความช่วยเหลือและมีผลกระทบตามมา บอกว่าลูกสาวมาดูแลพ่อ ผมก็ไม่ได้บอกใครว่าเป็นภรรยา แต่เรื่องเงินในบัญชีผมไม่ทราบว่าเขามีอยู่เท่าไหร่ แต่พี่ปื๊ดมาบอกผมว่า มีบัญชีอยู่หนึ่งบัญชีแต่อยู่กับแพทก็คือคิตตี้ภรรยาเขาเนี่ยนะครับ ก็ถามว่าเปิดบัญชีที่เปิดเพื่อให้คนอื่นเข้ามาช่วยเหลือยังอยู่ไหม เขาบอกว่ายังอยู่ครบก็เลยขอเช็คหน่อย เขาว่ามีประมาณ 2 แสนกว่าบาท ผมก็ถามย้ำอีกรอบนะครับว่ายังอยู่ครบไหม เขาก็บอกว่ายังอยู่ ก็มีคิตตี้มาเบิกค่าใช้จ่ายรายวันต่าง ๆ บ้าง กดที 200 บ้าง 500 บ้าง ผมก็ถามเรื่องเงินอีกกับคิตตี้ว่าขอเช็คเงินได้ไหม พี่ต้องรู้ยอดจำนวนเงินที่คนให้ความช่วยเหลือ ตอนนั้นไปออกรายการรายการหนึ่ง เขาก็บอกว่าอยู่ครบเดี๋ยวจบรายการลงไปดูเลย พอจบรายการลงไปข้างล่างก็ขอบัตรเอทีเอ็มดู ผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปหักบัตรเอทีเอ็มตอนไหน หักเพื่อไม่ให้มันใช้งานได้ เขาบอกว่าเอาไว้ในกระเป๋าแล้วนั่งทับในรายการเมื่อกี๊แล้วบัตรมันหัก ผมก็โอเคไม่เป็นไร เราก็รายการพี่ปื๊ด บอกว่าบัตรมันใช้ไม่ได้แล้วนะ โทรถามที่ธนาคารเลย เราก็อยากจะทราบว่าเหลือเงินเท่าไหร่ เขาบอกว่าเงินก้อนนี้ไม่ใช่ของพี่ปื๊ด เป็นของผู้ชายที่มาหลงรักเขาโอนให้ที่จับได้เพราะว่าโทรหาธนาคาร ธนาคารบอกว่ามีถอนออกจากธนาคารติดต่อกัน 4 ครั้ง ครั้งละ 2 หมื่น เป็น 8 หมื่น ถ้าหนูเอาเงินพี่ไปใช้ พี่แจ้งตำรวจจับหนูได้เลย เขาขอโทษว่าเองเงินไปใช้หนี้ก็เลยเคลียกันได้
บอกกับพี่ปื๊ดว่าถ้าอยากให้ช่วยเหลือต้องเลิกยุ่งกับคิตตี้ บอกอย่างไร?คุณไทด์ : ผมถามพี่ดามพ์ว่าข่าวมันออกมาแบบนี้ว่าพี่ไม่มาเยี่ยมน้องชายเลย มันเพราะอะไร อยากทราบเหตุผล เขาบอกว่าน้องชายเราแท้ ๆ เขาอย่างมาเยี่ยมมาก แต่ติดที่ว่า ภรรยาคนนี้เขาไม่อยากมาเจอ ถ้าเกิดว่าคิตตี้ไม่อยู่เขาจะมาเยี่ยมน้องชายเขา แต่คิตตี้มาบอกพี่ปื๊ดว่านอนอยู่โรงพยาบาลในห้องอนาถาพี่ดามพ์ก็เลยไม่อยากมาดู มันคนละเรื่องกันเลย ทีนี้ก้เลยตัดสินใจว่า ถ้าพี่ปื๊ดยังได้รับความช่วยเหลือ ต้องเลิกยุ่งกับภรรยาคนนี้ ถ้าพี่ยังเอาภรรยาคนนี้อยู่ จะไม่มีคนให้การช่วยเหลือ แล้วพี่ปื๊ดก็รับปากผมนะครับตอนนั้น
เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นได้ติดต่อกันไหม?ฤๅษีเณร : เมื่อสองอาทิตย์คุณกิตติเขาโทรมาหาผม ซึ่งตอนแรกผมไม่ทราบเรื่องเลยว่าพี่ปื๊ดเขากลับไปอยู่กับคิตตี้ ไม่มีใครบอกข่าวผมเลย เพราะล่าสุดผมเอาเขาไปส่งให้พี่สาวเขาดูแลแล้วมีเงินก้อนนึงให้ไหว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คนที่มาดูแล หลังจากนั้นประมาณ 4 เดือน ซึ่งผมไม่เคยเจอพี่ปี๊ดอีกเลย เราก้สบายใจว่าได้อยู่กับพี่สาว เราก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเราก็ได้คุยกันเราก็ถามไถ่เขาปกติว่าสบายดีไหม แล้วมันมีเรื่องที่ทำให้ผมปรี๊ดแตก พี่แกพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า พี่กลับมาอยู่กับแพทแล้วนะ อ่าวผมไม่รู้เรื่องเลย เขาบอกว่าอยากจะอยู่กับลูก พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ผมก้โอเค ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ถ้าคิตตี้เขากลับตัวกลับใจไม่สร้างความเดือดร้อนให้พี่ ผมก็โอเค แล้วเขาก็พูดประโยคนึงว่า ฝากบอกอมตะด้วยว่าจะแจ้งจับ อย่ามาล้ำเส้น อย่ามาก้าวก่ายกับแพท ไม่ชอบ ผมก็ถามว่ามีอะไรกันหรอ อมตะบอกกับพี่สาวพี่ปื๊ดนะว่าถ้าคิตตี้มาขอเงิน อย่าให้ เพราะต้องเก็บไว้ดูแลพี่ปื๊ด คิตตี้มาขอตลอดเวลา
สาเหตุอะไรที่เราประกาศเลยว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพี่ปื๊ด?คุณไทด์ : เดี๋ยวเขาจะจ้งความจับอมตะ ข้อหาขโมยของ ซึ่งมันเป็นสร้อยสแตนเลส เส้นนึงไม่กี่ร้อย แล้วมันมีหลายเส้นที่หายไป ผมบอกว่าถ้าจะแจ้งความจับอมตะ ก็ต้องแจ้งจับผมด้วย เพราะผมอยู่ด้วย
ได้มีการโฟนอินหา คุณกิตติ กลับไปหาคิตตี้จริงไหม แจ้งความจับอมตะจริงไหม?คุณกิตติ : ทรัพย์สินมันหายไปเยอะแยะ มันไม่ได้อะไรนักหนาหรอกเพราะผมยังไม่ได้แจ้งความ ตอนนี้คิตตี้อยู่กับแม่เขาที่หัวหิน ลูกก็กลับไปอยู่ด้วย เรื่องบ้านเอื้ออาทรที่จะซื้อตอนนี้ไม่ได้ซื้อแล้ว แต่ตอนแรกไม่มีที่อยู่เลยจะซื้อ ตอนนี้พี่ชายให้บ้านอยู่แล้ว เงินบริจาคยังอยู่ครบถ้วน เช็คได้เลย
คุณไทด์ : ผมอยากถามความในใจ ทำไมพี่ต้องแจ้งความจับอมตะ
คุณกิตติ : ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนั้นคือมันติดปัญหาที่อมตะไง จะเบิกเงินจะอะไรไม่ได้เลย เกิดความรำคาญ
คุณไทด์ : อมตะเป็นห่วงพี่มากนะ เพราะคิตตี้มาเอาเงินไปเยอะมาก ก็เลยกลัวว่าเงินมันจะหมดไม่มีรักษาพี่นะ เขาไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก แต่เงินที่เบิกไปมันต้องมีเหตุผลว่าเอาไปทำอะไร
คุณกิตติ : มีเรื่องที่คิตตี้มาบอกว่าอมตะลวนลาม ลูบหัวบ้าง ลูบหลังบ้าง ไม่ชอบเลย ลูก ๆ ก็เห็นแล้วก็มาบอกเรา
คุณไทด์ : พี่เป็นผู้ใหญ่ พี่ต้องมีวิจารณญาณในการที่จะฟังความจากภรรยาพี่ เรื่องโดนตัวเนี่ย ผมกล้าเอาเกียรติของผมเป็นประกันเลย ว่าอมตะไม่มีนิสัยแบบนั้นแน่นอนเลย เขาเกลียดคิตตี้ยิ่งกว่าอะไร อาบน้ำบ้างไหม กลิ่นนี่โชยเลย เจอทีไรมีแต่ตักเตือนกันตลอด เวลาผมไปหาเขาก็หมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาเจอผม
คุณกิตติ : ผมอยากกลับไปอยู่กับลูก กับครอบครัว เพราะว่าเวลาลูกเราไปงานโรงเรียนไม่มีพ่อมีแม่ไปเราก็รู้สึกสงสารลูกอะนะ อยู่กินกันมานาน มันก็ตัดไม่ได้
คุณไทด์ : ถ้าพี่กลับไปอยู่กับคิตตี้ เพราะอยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่พี่ต้องเตือนภรรยาพี่ว่าอย่าสร้างความเดือนร้อน อย่าพูดอะไรใส่ร้ายให้คนที่ช่วยเหลือพี่มาตลอด แต่ถ้าพี่อยากให้ผมช่วยเหลืออะไรเมื่อไหร่พี่บอกผม ผมตามไปช่วยเหลือพี่หมดแหละ สุขภาพพี่โอเคนะ
คุณกิตติ : สุขภาพโอเคขึ้นเยอะ แต่แม้ว่าคนอื่นจะตัดขาดเราก็ยังยืนว่าจะกลับไปอยู่กับคิตตี้อยู่ดี คนมันอยู่กินกันมานาน ถ้าหายดีมีคนให้ไปเล่นหนังเล่นละคร ก็จะไปอยู่ครับ
หลังจากที่ได้คุยกับคุณกิตติแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?คุณไทด์ : ถ้าเขาจะกลับไปอยู่กับคิตตี้ พร้อมหน้าพร้อมตา ผมไม่ได้ห้าม แต่อยากให้พี่ห้ามปราม ภรรยาของพี่ว่าอย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่าไปใส่ร้ายคนอื่นในทางที่ไม่ดี เขาชอบใส่ร้ายคนอื่น ก่อนหน้านี้เขาก็เคยร้องห่มร้องไห้มาทีนึง ไม่รู้ว่าเขาจะเปลี่ยนนิสัยไหม ผมคิดว่าถ้าพี่ปื๊ดยังเข้าไปอยู่ในวังวนของคิตตี้เนี่ย ไม่รู้ว่าจะอยู่นานแค่ไหน สุดท้ายยังไงก็ต้องวังวนเดิม ถ้าเงินบริจาคหมด ผมคิดว่าแบบนี้นะ ถ้าพี่เขาไม่ได้กลับมาผมก็คิดว่าน่าจะกลับไปอยู่ในสภาพที่ผมเจอเขาครั้งแรกนั่นแหละครับ ไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องช่วยเหลือเขาอยู่ดีครับ
สามารถติดตาม รายการ เจาะประเด็น ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.10-14.05 น.ทาง ช่อง 8 เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี