สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้ ได้คิวทองของผู้กำกับอารมณ์ดี เจ้าของฉายา “ชูเคอะ” หรือ “ชูศักดิ์ สุธีรธรรม” ผู้คร่ำหวอดในวงการบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มาเปิดใจถึงผลงานที่เคยสร้างสรรค์ และบอกเล่าเรื่องราวสุดประทับใจในวันวานให้ฟังกัน
“ตอนนี้ผมวัย 74 แล้วครับ อายุเยอะแล้วเหมือนกัน(หัวเราะ) แต่ยังสบายดีครับ ผมเริ่มทำงานตั้งแต่ปีพ.ศ. 2511 รับเงินเดือนครั้งแรกในชีวิตคืองานพากย์ละครวิทยุ แต่ตอนนั้นเรากำลังลังเลกับ
ชีวิตว่าจะไปเป็นครูดีไหม ผมไม่ได้จบปริญญานะจบแค่ มศ.ต้น จะได้เงินเดือนประมาณ 450 บาท แต่ถ้าหากว่าเรามาทำงานที่กันตนา เราไปทำแค่ 4 วัน เก็บบทเก็บอะไรบ้างแล้วก็ฝึกละครวิทยุกับ “คุณประดิษฐ์ กัลย์จาฤก” เขาก็ตั้งเงินเดือนให้ 460 เอ๊ะ!มันดีกว่านี่นาเพื่อนไปรับราชการได้ 450 แต่ทำงานทุกวัน เราทำงานแล้วก็ยังได้พักผ่อนอีก 2-3 วัน และยังมีโอกาสได้หารายได้พิเศษ คือซักเสื้อผ้าให้กับอา เพราะว่าเขายังไม่มีแฟน เราก็หารายได้พิเศษตรงนั้นไป เพราะว่าเราอาศัยอยู่กับเขา ตอนนั้นยังหนุ่ม ไม่ทันได้เกณฑ์ทหารก็เลยอยู่กับกันตนามาตลอด”
เริ่มต้นจากละครวิทยุ
“ตอนแรกเริ่มเลยยังไม่ได้เป็นตัวเอกนะครับ จะเป็นตัวประกอบไปตามเรื่อง และพอนักแสดงเขาเลิกกันไปแล้ว เราก็คอยเก็บบท เรียงบทไว้ให้เขา ทำหลายตำแหน่ง หลังจากนั้นมา 2 ปีก็เริ่มเก่งขึ้น ก้าวหน้าขึ้น คุณประดิษฐ์เลยชวนมาจัดรายการเพลง ทำรายการเพลงได้ชั่วโมงละ 10 บาท แต่ว่าเป็นการอัดเทปนะ ก็คุณประดิษฐ์นี่แหละสอนมา ตอนนั้นก็มี“ปนัดดา กัลย์จาฤก” ที่จัดรายการด้วยกัน ตอบปัญหาบ้างเล่านิทานบ้าง ขายเสียงมาตลอดหลายปีมากๆ ตอนหลังเขามีทำละครวิทยุอีกคณะนึง แล้วคุณประดิษฐ์ก็เชิญนักแสดงที่เป็นนักแสดงละครทีวีมาเล่นละครกัน ก็มี “คุณสุพรรณ บูรณะพิมพ์” เป็นหัวเรือใหญ่มี “ชนะ ศรีอุบล, ธานินทร์ อินทรเทพ” มาเป็นนักแสดงผมก็อยู่ในสังกัดนี้ด้วย ทำบท จัดตัวละครให้เขา ก็ได้เงินเพิ่มมาอีก คืออาจจะได้น้อย แต่ว่าได้แน่ส่วนรายการเพลงก็ยังจัดอยู่ มีจัดเพลงแล้วก็มีจับฉลากตอบจดหมายแจกลอตเตอรี่สนุกสนานมาก
พระเอกละครวิทยุ ขยับเข้าสู่ละครทีวี
หลังจากนั้นพระเอกเขาออกไป เราก็เลยได้ขึ้นเป็นพระเอกละครวิทยุ เล่นเป็นพระเอกมาตลอดเกือบ 10 ปี แล้วต่อมาคุณสุพรรณ บูรณะพิมพ์มาทำละครทีวี ก็เลยชวนผมไปเล่นด้วย คือไปขอกับคุณประดิษฐ์เลยว่าอยากได้ชูศักดิ์มาเล่นละครทีวี เราก็เริ่มอยากไปแล้วสิทีนี้ จากที่โชว์แต่เสียง เราก็จะได้โชว์ทั้งตัวแล้ว ด้วยความที่ละครสมัยก่อนมันจะเป็นการบอกบท เราก็ได้ไปช่วยบอกบทด้วย เป็นผู้ช่วยผู้กำกับอีก ตำแหน่งมาเยอะ เป็นคนที่สนใจงานนะไม่ขี้เกียจ อะไรก็เอา อยากเป็นไปหมด พอคุณสุพรรณชักชวนให้ไปทางทีวีก็เริ่มไปเรื่อยๆ เดือนนึงแสดงครั้งนึงขอนแก่นบ้าง ลำปางบ้าง ไปคณะช่อง 5กับ “เทิ่ง สติเฟื่อง” แล้วเราก็ยังทำหลายอย่างอยู่นะครับ เวลาเขาจะมี 2 ช่วงคือช่วงหัวค่ำและช่วงดึก ละครเขาจะเป็นแบบจบในตอนไปเลย แล้วเราก็ยังต้องร้องเพลงอีกนะ ในคณะจะต้องร้องเพลงได้ด้วย กลายเป็นนักร้องไปอีกนะ สมัยก่อนบัวตูมบัวบาน เสียงร้องเกรียวกราวมาก
ขึ้นแท่นผู้กำกับแบบไม่ทันตั้งตัว
ตอนหลังคือมาเป็นผู้ช่วยของคุณสุพรรณ คณะละครทีวีเรื่อง “สวนทางเถื่อน” ของกันตนา แล้วก็เล่นด้วย เป็นตำรวจเป็นจ่าอะไรทำนองนี้ ทำละครได้ 5-6 ตอน คุณสุพรรณบอกชูศักดิ์เธอมากำกับแทนน้าเถอะ น้าไม่ไหว ไปออกแดดไล่ยิงในสวนในป่าแย่ละสิทีนี้ ต้องทำยังไง ในเมื่อครูบาอาจารย์สั่งเราก็เลยต้องไปบอกคุณประดิษฐ์ว่าจะไปกำกับละครแล้วนะ แต่ก็เป็นละครของคณะเขาเองแหละ พอกำกับไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าเราต้องกำกับตลอดแล้วล่ะจบเรื่องนี้ต่อเรื่องนั้น ผมก็เลยต้องไปขอคุณประดิษฐ์ว่าผมต้องหยุดละครวิทยุแล้วนะ เพราะว่างานมันชุก เข้ามาที 3-4 เรื่อง จนกระทั่งมาถึงเรื่อง “ตี๋ใหญ่”ที่ “ฉัตรชัย เปล่งพานิช” เป็นพระเอก จบจากนั้นมาต่อ “ซีอุย” ซึ่งเหนื่อยมาก เพราะว่าต้องถ่ายดึกดื่นถ่ายรมควัน จบ “ซีอุย” เข้าโรงพยาบาลเลย ไม่สบาย ต้องขอพักผ่อน เพราะว่าเราทำงานหนักตี 4 ตี 5 เลิกเช้า แต่ว่าคนสนใจ ละครดังมาก ชื่อเสียงเราก็เป็นที่รู้จักของคนดูแล้ว
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก
ผมเลิกละครวิทยุไปเลย ตอนนั้นคุณประดิษฐ์ก็งอนนะ คือบอกว่าพอแล้วให้มาละครวิทยุเถอะพอขาดตัวพระเอกอย่างเราไป ละครวิทยุก็ปั่นป่วนมากตอนนั้น เพราะว่าเขาต้องหาพระเอกมาแทนเรา แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อก็อยู่ในคณะเดียวกัน หลังจากนั้นช่อง 3 ก็มาติดต่อให้ไปกำกับเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” พระนางคือ “เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” กับ “ตรีรักรักการดี” ก็คิดหนักเลย ถ้าเราจะไป เราก็ต้องลาออกจากกันตนา ซึ่งคุณประดิษฐ์งอนมาก แต่ตอนหลังเรามารู้ว่าจริงๆ แล้วเขาปลื้มใจ (ร้องไห้) ตรงที่ว่าคุณประดิษฐ์เขาป่วย มีพยาบาลมาเฝ้า แล้วเห็นรูปเราลงหนังสือพิมพ์ เขาก็บอกกับนางพยาบาลว่านี่คือลูกศิษย์ฉัน โอ้โห..เราเสียใจมากเลยตอนนั้น (เสียงสั่นเครือ) ที่ทิ้งเขามา แล้วตอนหลังเราไปเยี่ยมเขา เขาก็บอกว่าเพิ่งพูดถึงเมื่อวานนี้เอง เราก็ถามว่าพูดถึงผมว่าอะไร ด่าผมเหรอ เขาก็บอกว่า เนี่ย...ลูกศิษย์ฉันเมื่อไหร่จะกลับมากันตนา ก็เลยบอกว่าปล่อยให้ผมไปดิ้นรนสักพักนะครับ เหนื่อยเมื่อไหร่ผมจะกลับมา
ที่มาของฉายา “ชูเคอะ”
พอมากำกับที่ช่อง 3 ก็ทำมาเรื่อย และอยู่กับ“ไก่-วรายุฑ” ตลอด หลังจากนั้นก็มาบรอดคาซท์ “คุณหน่อง-อรุโณชา” มาทำเรื่อง “ซึมน้อยหน่อยกะล่อนมากหน่อย” เรื่องนั้นนักแสดงเยอะ “จ๊อบ-นิธิ,ตี๋อ้วน, ตั๊ก-บริบูรณ์” ซึ่งเรื่องนี้เป็นละครคอเมดี้สนุกสนาน พวกเด็กๆเขาก็เลยคิดกันว่าเรามาตั้งชื่อให้อาชูกันใหม่ดีกว่า เลยกลายเป็นที่มาของฉายา“ชูเคอะ” แล้วทางบรอดคาซท์เขาก็บอกว่าจีนเขามี “ฉีเคอะ” เราก็มี “ชูเคอะ” สิ หลังจากนั้นก็เลยใช้ชื่อนี้มาตลอดในการกำกับละคร ก็กำกับเรื่อยมาหลังๆ ได้กำกับให้กับ “คุณต่อ-วัชระ” ด้วย
ประสบการณ์รอบตัว
ความรู้ในการกำกับ เราเรียนรู้จากครูบาอาจารย์ จากคุณสุพรรณ บูรณะพิมพ์ ไม่ได้ร่ำเรียนมาจากไหน ครูพักลักจำ จากที่ว่าลังเลจะไปเป็นครูดีไหม ก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปเลย ยึดตรงนี้งานกำกับเป็นอาชีพเลยดีกว่า ผมมีความสุขมากนะครับ เวลาที่เราทำละครออกมาแล้วคนติดตาม บอกว่าละครเราสนุก ดีใจมาก ปลื้มใจมาก บางคนบอกว่าพระเอกเรื่องนี้ไม่ดีเลย นางเอกไม่ชอบเลย แต่ดูเพราะเธอกำกับ ภูมิใจกับทุกผลงานที่ทำ และที่ออกอากาศ เพราะว่ามันคือผลงานของเรา เจอนักแสดงเด็กๆ มาแล้วหลายรุ่น ซึ่งเขาก็เก่งๆ กันทั้งนั้น เด็กสมัยนี้เก่งกว่าสมัยก่อนนะเดี๋ยวนี้เขาไม่ต้องดูบทยังเล่นละครได้เลย
สิ่งที่บ่งบอกความเป็น “ชูเคอะ”
ต้องเป็นละครตลก บู๊หน่อยๆ ไม่ซีเรียส พยายามทำอะไรที่ไม่ซีเรียส ดราม่าไม่ค่อยชอบดูแล้วมันซีเรียส คนดูเขาก็ไม่สนุกด้วย กองถ่ายเราขำ คนดูก็จะต้องขำด้วยแน่นอน แต่ถ้าละครเราซีเรียส ตบตีกัน ผมไม่ชอบ ทำงานไปเราก็เครียด ไม่มีความสุขไม่ค่อยอยากจะทำ
กำกับเรื่องไหนมักจะร่วมแสดงด้วย
ไม่แน่ (ยิ้ม) แต่ว่าโดยส่วนใหญ่ ก็จะเล่นด้วยนะครับ เพราะว่าชอบเสนอหน้าเข้าไป (หัวเราะ) ขอเล่นนิดนึงก็ยังดี เป็นคนขับรถ คนสวน ตำรวจขอแถมท้ายหน่อย มันเหมือนเป็นโลโก้ไปแล้วด้วยมั้ง คนเห็นทีเดียวรู้แล้ว อ้าวชูเคอะกำกับนี่เอง มันเกิดจากการที่เราอ่านบทแล้วและเห็นว่าน่าจะมีบางเรื่องเล่นเป็นผู้ใหญ่บ้านสักหน่อย แหยมไปนิดหน่อย แต่ทั้งหมดทั้งมวลเราก็จะเล่นเป็นจิ๊บๆ เบาๆ เป็นตัวมาทำให้ยิ้มๆ บทเยอะเราก็ไม่ไหวนะ ท่องบทไม่ไหว แล้วไหนจะยังมาห่วงการกำกับอีก
กลับสู่บทบาทนักแสดงอีกครั้ง ในละคร “ริมฝั่งน้ำ”
เป็นจังหวะที่ว่างพอดี แล้วพอดี “คุณตู่” (นพพล โกมารชุน) โทรมาชวนว่าให้เล่น ก็เลยเล่น เพราะว่าได้มาเจอเพื่อนเยอะแยะเลย อาวุโส สว. เยอะ และละครเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่มีคติสอนใจนะ ไม่ใช่ว่าสนุกอย่างเดียว สอนลูกหลานที่ทิ้งพ่อทิ้งแม่ให้ไปอยู่ในที่ที่เขาคิดว่ามีความสุข แต่จริงๆแล้วมันไม่มีความสุขนะ มันไม่เหมือนอยู่บ้าน เป็นเรื่องราวที่สะท้อนสังคมโดยตรงเลย ในเรื่องบทของผมที่ได้รับก็จะเป็นคนที่ตลก สนุกสนานมาจากใต้ ก็จะมีพูดสำเนียงใต้นิดหน่อยในบางคำที่ต้องการจะสื่อว่าให้มาจากใต้ ก็สนุกสนานสบายใจดีใจที่ได้เล่นเรื่องนี้
ชีวิตที่ไม่เหงา
ก็ว่าจะหยุดกำกับแล้วนะ ภรรยาก็บอกว่าให้หยุดได้แล้ว จะเดินจะเหินเดี๋ยวทำงานไม่ไหว เขาเป็นห่วง ก็เลยอยากจะให้หยุด ตอนนี้ก็มีคนชวนให้ไปพากย์หนัง เราก็ไปกับเขา พากย์หนังจีนครับ ออนช่องทีวีนี่แหละ ก็ไม่เหงาทำไปขำๆ ละครเรื่องล่าสุดที่กำกับคือ “มายาฉิมพลี”ทางช่อง 28 แล้วก็พักไป ส่วนเรื่องสุขภาพก็สบายดี ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง เคล็ดลับสุขภาพดีของผม คือจะทานกล้วยน้ำว้าทุกวัน วันละ 2 ลูก แล้วก็มีข้าวโอ๊ตหน่อย หาซื้อเองแถวบ้าน บางทีไปต่างจังหวัดกลับบ้านมาหิวจังเลย หิวกล้วยน้ำว้า (หัวเราะ) อยากกิน ตอนตีห้าครึ่ง ก็ออกไปเดินวิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายในหมู่บ้านประมาณชั่วโมงนึงหรือ 45 นาที ได้เหงื่อหน่อย ก็พอแล้ว เป็นสว.ที่ไม่ได้อยู่นิ่งครับ เมื่อก่อนตีแบดนะ แต่ตอนหลังขาไม่ค่อยดี และลูกหลานเขาก็ไม่ค่อยว่างพร้อมกันบ้าง ก็ขี้เกียจตี ผมมีครอบครัว มีภรรยา แต่ว่าไม่มีลูกครับ ไม่เหงานะ แมวตั้ง 4 ตัวแมวติดเราด้วย ภรรยาผมก็พากย์หนังด้วยกันเมื่อก่อนเขาเป็นนางเอกละคร (สุมาลี ชาญภูมิดล) และหลังจากนั้นเขาก็หยุดเล่นละครไปพากย์หนังอย่างเดียวอยู่คณะเดียวกันที่กันตนา เราเป็นครูสอนเขามา (ยิ้ม) ก็อยู่กันมาจนถึงบัดนี้ ว่างๆ เราก็ไปเดินตลาดนัดด้วยกัน ไปเดินห้างซื้อของบ้าง วันไหนเขามีงานก็ไปทำงาน เรามีงานก็ไปทำงาน ที่ไม่มีลูกก็เพราะว่าเคยประสบอุบัติเหตุ ผมขับมอเตอร์ไซค์คว่ำตกหลุมเขาก็ตกลงจากรถ กลับบ้านมาเขาก็ปวดท้องมากปรากฏว่าเจอเนื้องอกในมดลูก เลยทำให้มีลูกไม่ได้ แต่ก็มีหลานเยอะพี่น้องหลายคน
ความภูมิใจ
อยู่ตรงนี้ผมมีความรู้สึกภูมิใจมากนะ น้อยคนที่จะมามีอาชีพตรงนี้ ได้เลี้ยงดูตัวเองได้อย่างผมก็เป็นตัวอย่างที่ใช้ได้เลย ว่างั้นเถอะ สร้างฐานะ มีบ้านมีรถมีอะไรทุกอย่าง ดีใจมาก แต่อยู่ที่ความอดทน ความพยายาม และความสามารถของตัวเองด้วยนะครับ เราต้องรักในอาชีพนี้จริงๆ ไม่งั้นเราก็จะทำไม่ได้ ถ้ามีใครมาว่าอาชีพเราไม่ได้เลยนะ ผมโกรธมาก ว่ามาสิผมเถียงคอเป็นเอ็นเลย...(หัวเราะ)
อีกหนึ่งบุคคลที่มาช่วยแต่งแต้มให้วงการบันเทิงมีสีสันมากขึ้น ตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน คือบทพิสูจน์แล้วว่า “ชูศักดิ์ สุธีรธรรม” คือผู้กำกับการแสดงและนักแสดงขวัญใจคนไทยอย่างแท้จริง
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี