หลายคนพยายามค้นหาตัวเอง สิ่งไหนที่ชอบและใช่ จนทำให้มองข้ามสิ่งใกล้ตัว เช่นเดียวกับทายาทคนบันเทิง “ขวัญ-พิมพ์อัปสร เทียมเศวต” ที่วันนี้เธอค้นพบและตอบความเป็นตัวเอง ผ่านงานละครที่เธอรัก ในฐานะผู้จัดละครช่อง 7HD
ตอบโจทย์ความเป็นตัวเอง
ก่อนหน้านี้ขวัญไม่เคยคิดว่าจะมาทำงานที่เกี่ยวข้องกับกองถ่ายเลยค่ะ เพราะเราโตมาในกอง เหมือนอยู่จนเบื่อ จากเล่นสนุก จนไม่รู้จะทำอะไร เมื่อไหร่แม่จะถ่ายเสร็จ เราก็รู้สึกว่าอยากจะไปทำอย่างอื่นที่เราไม่เคยสัมผัส พอเรียนจบก็ไปเป็นแอร์อยู่ 3 ปี แล้วก็มาเรียนต่อปริญญาโทไปสนุกสนานกับชีวิต ไปทำมาร์เก็ตติ้ง ทำแบรนดิ้งเยอะแยะมากมาย แต่เรารู้สึกว่าสักวันหนึ่งเราต้องทำอะไรที่เป็นของตัวเอง แต่เรายังไม่รู้หรอกว่าทำอะไร ก็เรียนรู้ไปเรื่อย เจอคนเก่งๆ เราก็อยากจะเรียนรู้จากเขาเรียนรู้ว่าตัวเองชอบงานแบบไหนไม่ชอบงานแบบไหน มันก็ตบๆ สโคปตัวเองเข้ามา เหมือนทุกอย่างมีเวลาของมัน จากที่เราไม่เคยตั้งใจ แต่มันประจวบเหมาะ ที่เราได้มีโอกาสมาทำละคร แล้วเราก็รู้สึกว่า อ้าว! ไม่เห็นเคยคิดจะทำละครเลย ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบ เพราะว่าเราชอบทำงานที่ไม่เบื่อ ไม่จำเจ ละครก็ตอบโจทย์ตรงที่ว่า แต่ละเรื่องมันไม่เหมือนกันเลย และเราก็ได้ทำงานกับคนใหม่ๆ เริ่มนับหนึ่งใหม่ ค้นคว้าใหม่ ละครพาเราเข้าไปรู้จักกับโลกของคนพิการ โลกของคนติดยาเสพติด พาเราย้อนยุคไป คือเยอะแยะมาก ที่เราไม่เคยสัมผัส เราก็สนุก ท้าทายเราเพราะไม่ใช่แค่การทำละคร แต่มันคือการคุมทุกอย่าง การดึงเอาศักยภาพ ไม่ว่าจะจากเพื่อนร่วมงาน ทีมงาน นักแสดงผู้กำกับ เราต้องทำยังไง เขาถึงจะมาร่วมงานกับเราด้วยใจ คือเงินมันก็ส่วนหนึ่ง พอทุกคนเต็มที่ งานมันก็จะออกมาสมบูรณ์ เราก็เรียนรู้ ผิดบ้าง ถูกบ้างกันไป ตอนที่เริ่มทำนั้นขวัญก็ยังเด็ก อายุ 20 กว่าเอง แล้วคนที่มาร่วมงานกับเรา ก็คือจะเป็นพี่คนนั้นคนนี้ซึ่งเราเคยดูละครเขา แล้วพอมาตอนนี้ เรามายืนอยู่ใกล้ๆ เขา เราก็ตื่นเต้น เราอยากเก่งแบบเขา ก็เลยก้มหน้าก้มตาทำไปเรียนรู้ไป อยากเก่งๆ มันก็ทำมาเรื่อยๆ ค่ะ
ผลงานปัจจุบัน ‘นางทิพย์’
เตรียมตัวนานมากค่ะ สำหรับเรื่องนี้ อ่านนิยายแล้วรู้สึกอิน เราเห็นภาพ เลยอยากทำเป็นละคร ไม่รู้หรอกว่าเขาเคยทำมาก่อน แค่เรารู้สึกว่าเป็นนิยายที่ดี ทรงคุณค่า เลยอยากถ่ายทอดออกมาเป็นละคร ทั้งที่ถ้าพอมาทำแล้ว มันจะยาก เพราะมีเรื่องของปรัชญา ศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ท้าทายมาก เพราะว่าหนึ่ง เราไม่เคยทำแนวนี้ สองเรารู้เลยว่าเป็นเรื่องที่ทั้งเรา และคนดูจะได้อะไรเยอะมาก ใจหนึ่งเหมือนจะกลัวว่าจะทำได้ไหม เพราะว่าเป็นอะไรที่ใหม่ หลากหลายมาก ทั้งเรื่องซีจี นักแสดงเยอะมาก นางเอกต้องหลายคน แต่พอกลัวแล้ว เราก็สนุก ไม่ชอบทำอะไรที่มันเหมือนเดิมด้วยก็มาคุยกับช่อง กับผู้ใหญ่ ซึ่งก็น่ารักมาก เราทำละครมาประมาณหนึ่ง แต่ว่าเราก็ไม่ได้มีประสบการณ์มาเป็นสิบปี เหมือนผู้จัดหลายๆ ท่าน แต่เราก็มีมุมมองเป็นอีกหลายๆ แง่ ในเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ ผู้ใหญ่ทางมีเดียและช่อง 7 ให้โอกาสและเชื่อใจเรา รวมถึงนักแสดง พอเราบอกว่าขอนางเอกเป็น 3 คนทางผู้ใหญ่ก็ยอมให้ความฝันของเรามันเป็นจริง คือได้ “มิน-ปุ๊กลุก-มุกดา” นักแสดงก็ไว้ใจเรา เราต้องทำให้เต็มที่ศึกษาทั้งเรื่องพุทธศาสนา วิทยาศาสตร์ รวมทั้งเสื้อผ้าสมัยกรุงศรีอยุธยาด้วย เพราะขวัญก็ไม่เคยทำพีเรียดมาก่อน โชคดีมีที่ปรึกษาหลายท่าน มีทีมงานที่เขาก็มุ่งมั่นค้นคว้าไปกับเรา ก็เลยสนุกและออกมาเป็นนางทิพย์ได้สำเร็จค่ะ
ผลงานลำดับที่ 10
ที่ผ่านมา ขวัญทำละครยาวมาหลายเรื่องมี สาวน้อยร้อยเล่มเกวียน, รักร้อยล้าน, วีรบุรุษกองขยะ, คีตโลกา, ปลาหลงฟ้า, เขยใหญ่สะใภ้เล็ก, ลูกไม้ไกลต้น, สุดรักสุดดวงใจ, แม่อายสะอื้น แล้วก็ นางทิพย์ซึ่งเป็นละครเรื่องที่ 10 อ้าว! 10 แล้วเหรอไม่รู้ตัวเลย (ยิ้ม) ทำมาด้วยความสนุก ก็มาเรื่อยๆ เรื่องต่อไปคือ “หลงเงาจันทร์” เป็นรีเมคอีกแล้ว แต่คำว่ารีเมคเนี่ยไม่ใช่ความตั้งใจเลยนะคะ แต่ว่าเวลาคนถาม ก็มักจะไปให้ความสำคัญกับคำว่ารีเมค จะสู้ของเก่าได้เหรอ เราไม่มีความกดดันที่ว่าเราจะต้องทำให้ดีกว่าเขา เพราะขวัญรู้สึกว่าเขาก็ทำดีของเขา เราไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำออกมาเป็นยังไง แต่รู้ว่ามันคือดีที่สุดของเราในแบบที่เราชอบ แบบที่เรารัก พอเราผ่านประสบการณ์ เราก็จะรู้แล้วว่าบางทีสิ่งที่มากดดันสิ่งเดิมๆ เหมือนเราก้าวข้ามผ่านมันมาแล้ว เราก็จะไม่กดดันเรื่องเดิม แต่อย่างเรื่องนางทิพย์ เราอาจจะกดดันที่มีซีจี ดราม่าไม่กดดัน หรือแม้แต่คำชมคำวิจารณ์ในโลกโซเชียล มันก็ดีตรงที่ว่าเราได้เห็นความคิดเห็นคนเยอะมาก แต่สิ่งสำคัญไม่ว่าจะทุกสาขาอาชีพ ขวัญว่าก็ต้องพิจารณา ถ้าเขาติตรงนี้แล้วเราวิตกไปหมด เราก็ไปต่อไม่ได้ หรือบางที อันนี้ใช่เลย อันนี้เห็นด้วย ไม่โอเคจริง เราก็ต้องปรับปรุง
ที่ปรึกษาคนสำคัญ
แรกๆ คุณพ่อ (สรพงษ์ ชาตรี) คุณแม่ (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) ช่วยเยอะค่ะ เพราะเราก็งงงันมาก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณพ่อคุณแม่จะช่วยในพาร์ตศิลปะ ท่านเป็นนักแสดงมาตลอดชีวิต เป็นวิชาชีพ คุณแม่จะช่วยเรื่องของบท คือเขาเจอบทมาเยอะมาก เราเองก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก แม่จะมีบทเต็มบ้านเลย ด้วยความที่เราเป็นลูกคนเดียว เราก็อ่านมันทุกเรื่อง อ่านบท ต่อบท มันก็ซึมโดยที่เราไม่รู้ตัว คุณพ่อก็ช่วยในเรื่องเทคนิคต่างๆ แต่แน่นอนว่าเราเป็นผู้จัด สโคปงานมันมากกว่านั้น เหมือนเรามีบริษัทตัวเองทำทุกอย่าง บัญชีก็ทำ นักแสดงเราก็ต้องดู คือเราต้องซื้อใจทุกคน กับคุณแม่ ที่เห็นคุณแม่มากองทุกเรื่อง ก็เพราะว่าคุณแม่มีงานประจำคือเป็นแอ๊กติ้งโค้ชของกองค่ะ ไม่ได้มาเที่ยวนะ คือเราจ้าง จองตัวคุณแม่ทุกเรื่อง เรารู้สึกว่าในเมื่อมีคุณพ่อคุณแม่เป็นนักแสดง เพราะฉะนั้นเราก็อยากจะละเอียดทุกเรื่อง รวมไปถึงการแอ๊กติ้งด้วย ซึ่งนักแสดงเขาก็แฮปปี้ บางทีเขาก็มีประสบการณ์มาแล้วล่ะ แต่ว่าพอมาเข้ากองเรา เขาก็จะเข้าใจลึกซึ้งไปในตัวละครที่เขาเล่นอีก
สไตล์ผู้จัดในแบบของขวัญ
ตอนแรกเราไม่รู้หรอกค่ะ การที่เราทำงานศิลปะ อะไรเราจะต้องมีลายเซ็นของตัวเอง แต่ ณ ตอนนั้นมันไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น เราคิดว่าเราเต็มที่เวลาทำงาน สุดท้ายงานมันมาปั้นเราให้รู้ตัวว่านี่คือสิ่งที่เราทำได้ดี หรืออันนี้คือสิ่งที่ทำไม่ได้ดี ต้องพัฒนาตรงนี้ สิ่งที่เราถนัดสิ่งที่เราชอบคืออะไร ก็พยายามลองทำละครหลายแนว อะไรที่ทำได้ อะไรที่ชอบ ก็ปั้นเรามาเรื่อยๆ รวมถึงนักแสดงและคนดูด้วย ทุกคนเป็นกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน บางทีที่เขาคอมเม้นท์แล้วเรารู้สึกว่ามันจริง มันสอนเราหมดเลย แต่เราก็ต้องพิจารณาว่าอันไหนที่เอามาเป็นประโยชน์ได้ มันก็หล่อหลอมมาเรื่อย จนทำให้รู้ว่าเราชอบทำดราม่า ตั้งแต่เด็ก ขวัญไม่อ่านการ์ตูนกุ๊กกิ๊ก จะชอบอ่านอะไรที่ผจญภัยดราม่า โดยที่เราก็ไม่รู้ตัวหรอก และพออ่านนิยายก็ไม่ค่อยเลือกอ่านแนวกุ๊กกิ๊ก เราจะตั้งมาตรฐานว่าคนเราดูละครเรื่องหนึ่ง เราก็มีเวลจำกัดนะ แน่นอนว่าละครก็ต้องให้ความสุขผ่อนคลาย แต่เขาต้องได้อะไรด้วย ไม่ใช่ว่าเป็นอะไรที่เครียดนะค่ะ ซึ่งเราก็จะทำภายใต้โจทย์ของเรา
ผูกขาดผู้กำกับ“ปัญญา ชุ่มฤทธิ์”
คือน้าญาเป็นน้องคุณแม่ค่ะ กว่าที่น้าญาจะมาเป็นผู้กำกับ เขาผ่านทุกอย่างในกองนะ บทบาทแรกของเขาคือเสิร์ฟน้ำมั้งคะ เขายิ่งกว่าเราอีก เราไปกองถ่ายเราไปวิ่งเล่นเข้าฉากบ้างเป็นตัวประกอบบ้าง เคยเล่นละครตอนเด็กๆ แต่เราไม่เคยเสิร์ฟน้ำไม่เคยลากสายกล้องน้าญาทำมาหมดทุกอย่างเขาได้เรียนรู้เขาก็จะเข้าใจว่าในแง่ของช่างภาพต้องการอะไรยังไง หนังก็ผ่านมาแล้ว เทคโนโลยีกล้องซึ่งเราต้องพึ่งเขามากก็เลยมาเติมเต็มกัน แต่ว่าถ้าเราเห็นอะไรที่ต่างกันไม่ว่าจะหลานกับน้าก็ตามมันก็จะไปด้วยกันไม่ได้ แต่นี่เราดันเห็นเหมือนกัน พอเวย์ในการทำงานเราเหมือนกัน ก็เลยง่าย ยิ่งพอเป็นน้าหลาน ก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก เขาเป็นผู้กำกับที่ฟังเรา เหมือนกันเราก็ฟังเขาเลยกลายเป็นว่าทำงานกันแล้วลงตัว
ในหนึ่งวันของขวัญ
ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับกองถ่ายเป็นหลักค่ะ รู้สึกว่าเราจะเก่งแบบไอดอลของเราไม่ได้เลย ถ้าเราไม่รู้จริง ไม่เข้ากอง นักแสดงจะบอกว่าชอบเล่นละครกับขวัญ เพราะว่ามีอะไรบอกได้ อย่างขวัญทำงานกับนักแสดงในนางทิพย์ น้องๆ เขามีอะไร ก็จะคุยเลย เสนอไอเดียว่าจะทำอย่างนี้นะ เขาก็สนุกไปด้วย เพราะว่าเขาได้มีส่วนร่วมในละคร การทำงานก็เหนื่อยแหละ แต่ว่าสนุกค่ะ พอสนุกเราก็ลืมเหนื่อย ทุกวันอาจจะมีปัญหา แต่เราก็รู้สึกสนุกกับการแก้ปัญหา จนบางทีเวลามันผ่านไปเร็วมาก ปวดหัวก็ลืมนะ ถ้าเคลียร์งานตอนเช้าเสร็จ ก็ไปกองเลย และอยู่ยาวจนเลิกกอง เป็นกิจวัตรแบบนี้ เมื่อก่อนขวัญเคยทำงานอื่น ไม่เคยทำงานเดียวเลย คือทำควบคู่กันไปตั้งแต่สมัยเรียน แต่ว่า ณ ตอนนี้ก็เรียกว่าทำงานละครเต็มตัวเลย แต่เราก็รู้สึกว่าเราได้ทำหลายอย่างครอบคลุม
สถานะหัวใจ
มีคนที่เราคุยปรึกษาค่ะ (ยิ้ม) แต่ว่าเราก็เลือกชีวิตที่จะเป็นแบบนี้เต็มที่เลย เขาก็ต้องเข้าใจค่ะ (หัวเราะ) ต้องขอบคุณที่เขาเข้าใจ แล้วความเข้าใจไปในทางเดียวกัน หมายถึงว่าถ้าเราคบกับคนที่เรียกร้องเวลา หรือว่าเขาว่างไม่ทำงาน เราก็คงไปด้วยกันไม่ได้ หรือว่าถ้าเขาอยากจะมีครอบครัวมีลูก แต่เรายังสนุกอยู่เลย มันก็จะไปกันไม่ได้ ซึ่งขวัญก็ยังไม่อยากแต่งเขาอยากแต่งหรือเปล่าไม่รู้นะ (ยิ้ม) ความรักสำหรับขวัญคือความเข้าใจ สุดท้ายคือการที่เราได้เห็นเขาทำสิ่งที่เขาแฮปปี้ เขาก็มีความสุขที่เห็นเราได้ทำในสิ่งที่เราแฮปปี้ มีอะไรก็มาพูดคุยปรึกษามา แชร์ความสุขความทุกข์ด้วยกัน งานที่เขาทำไม่ได้มาทางละครเลยค่ะแต่ว่าก็มาเติมเต็ม คือเขาก็มีแนวที่เราไม่รู้ เราก็มีแนวที่เขาไม่รู้ ได้มาปรึกษากัน ต้องบอกว่ามันเป็นการคบกันของคนที่โตแล้ว ไม่ได้มุ้งมิ้งแบบเด็กๆ ไม่ได้รู้สึกว่าความรักจะขาดหายไป ความสุขของคนมันต่างกัน บางคนความใฝ่ฝันในชีวิตคือเป็นแม่บ้านมีลูกแล้วมีความสุข ซึ่งเราอาจจะมีความสุขก็ได้นะ ถ้าเรามีลูก อันนี้ไม่รู้ แต่ตอนนี้ความสุขของเราเป็นแบบนี้ เพื่อให้เราโตไปด้วยกัน เติมเต็มความสุขมากยิ่งขึ้น
ความในใจถึงแฟนละคร
ต้องขอบคุณคนดูนะคะ คือเราทำละครด้วยประสบการณ์ของเราประมาณหนึ่ง แต่ว่าเขาก็ยังมาสนใจผลงานของเราไม่ว่าเขาจะเสนอแนะชมอะไรเราก็รู้สึกว่าเขาช่วยให้เรารู้จักงานของเราให้เราไปต่อได้ถูกต้องมากขึ้น บางทีเราไม่รู้ใจเขาหรอกว่าอยากดูแบบไหน แต่เราก็พยายามสอดแทรกแง่คิด สุดท้ายกลับมาปรากฏเขาให้เราหมดเลย เราได้กลับมาอีกร้อยล้านอย่างก็ต้องขอบคุณจริงๆและซาบซึ้งมากบอกเลยว่าเราจะไม่ทำให้เขาผิดหวังตั้งใจเราอาจจะไม่ได้ทำทุกอย่างเพอร์เฟกท์อาจผิดพลาดตรงนี้เราก็เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมๆ กับคนดูมีอะไรใหม่ที่เราทำได้เราก็จะทำ ขอบคุณและสัญญาว่าจะทำดีที่สุดทุกเรื่อง เราอาจจะเหนื่อยแต่เราไม่ลดมาตรฐานแน่นอนค่ะ
นอกจากจะไม่ได้ละทิ้งความรู้สึกของคนดูแล้ว ยังใส่ใจในงานทุกเม็ด ซึ่งนั่นถือเป็นกำไรสำหรับคนเฝ้าหน้าจออย่างเรา ที่จะได้เสพงานคุณภาพจากผู้จัดสาวทายาทคนบันเทิง “ขวัญ-พิมพ์อัปสร เทียมเศวต”
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี