ถ้าเอ่ยถึงนักแสดงตลกระดับท็อปของเมืองไทย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมี “จตุรงค์ พลบูรณ์” หรือ “จตุรงค์ มกจ๊ก” เจ้าของวลีเด็ด “ไม่เอาไม่พูด” ที่ครั้งหนึ่งเคยฮิตติดปากคนทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อกาลเวลาผ่านไป คลื่นลูกใหม่มา แต่คลื่นลูกเก่าอย่าง“ลุงรงค์” กลับยังคงยืนหยัดอยู่แถวหน้าวงการบันเทิงไทย จะเป็นเพราะเหตุผลใด วันนี้เรามีคำตอบ
“ตอนนี้ยังเห็นหน้ากันอยู่ตลอดทางช่อง 7HD ครับ ผมมีงานพิธีกรรายการ “ร้องเล่นเต้นยกครัว” ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 17.15 น. มี ละครซิทคอม และหนังเรื่อง “หอแต๋วแตกแหกต่อไม่รอแล้วนะ” ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เรียกว่ายิ่งแก่ยิ่งงานเยอะ (ยิ้ม) แต่ว่าบางทีเราก็ไม่อยากรับ เพราะเสาร์-อาทิตย์อยากจะไปอยู่ร้าน “ครัวลุงรงค์” เพราะว่าคนจะเยอะวันเสาร์-อาทิตย์ ถ้าเราอยู่ที่ร้าน คนก็ได้เห็นเรา เพราะเขามาแล้วเขาก็คาดหวังว่าอยากจะได้เจอลุงรงค์กัน”
เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นลุง
เป็นพี่มันพูดไม่ได้แล้วมันไม่ติดปาก อย่างสาวๆ ดาราวัยรุ่น ถ้าเราไปเรียกแทนตัวเองว่าพี่กับเขา มันก็กระดาก เลยใช้ว่าลุงรงค์มาประมาณ 6-7 ปีแล้ว ก็ไม่เขินนะครับ เพราะเราแก่แล้วจริงๆ (หัวเราะ) จะเรียกกับใครก็ได้ มันฟังดูน่ารักดี ดูอบอุ่นน่าเคารพดี เรารุ่นนี้แล้วไม่สามารถทำอะไรให้ลูกเต้าอายแล้ว เป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยตก มีงานอยู่เรื่อยๆ อยู่ที่เรารับหรือไม่รับ ไม่ใช่ว่าเราเก่งกาจหรอก เพียงแต่ว่าเราอยู่ตรงนี้มานาน รู้ว่าสิ่งไหนที่ทำไปแล้วมันทำให้เรางานน้อยงานเยอะ ทำไมเราถึงยังยืนหยัด เห็นหน้าอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะว่าด้วยเราคงคุณภาพ และเราไม่ยึดติดกับเรื่องเดิมๆ หรือเล่นตลกก็มุขเดิมๆ บทบาททางการแสดง ส่วนมากก็จะได้เล่นเป็นพ่อนางเอก พ่อพระเอก รุ่นนี้แล้ว วัยเราเป็นเพื่อนพระเอกไม่ได้
รูปร่างที่ยังคงเป๊ะและเฟี้ยว
มันขึ้นอยู่กับการดูแลร่างกาย ว่าเราจะทำยังไงให้เราคงคุณภาพ เพราะว่าเราอายุ 55 แล้ว ถ้าเราปล่อยให้พุงป่องแก้มยุ้ย ดูแล้วไม่น่าดู ไม่น่าออกทีวี. ไม่มีประกายของความเป็นดารา มันก็ไม่ได้ แต่ถ้าหุ่นเราสู้เด็กได้ หน้าตาดีสดใส มันก็จะมีอะไรให้เล่นตลอดเวลา คนก็จะคิดถึงเรา ไม่ใช่แก่ตามวัยไป เราเป็นนักแสดงนะเราต้องออกทีวี. แล้วทีวี.จอเอชดี ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว มันเห็นถึงทุกรูขุมขน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผมหันมาออกกำลังกาย วันหนึ่งลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง คำว่าอ้วนไม่ต้องเจอกันแล้วชาตินี้ จะออกกำลังกายไปจนวันตายหมายถึงว่าวันที่ไม่ไหวแล้วก็จะหยุด
การวิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
เมื่อ 7 ปีที่แล้วเริ่มออกกำลังกายวิ่งทุกวันและฟิตเนสโดยการจ้างเทรนเนอร์ในช่วงแรก เพราะว่าเรายังทำไม่เป็น จนเราเป็น หลังจากนั้นก็เล่นเอง ทุกครั้งที่ออกกำลังกายจะมีการวิ่ง 40 นาที แต่ถ้าวันไหนเวลาน้อย ก็จะยืดเส้นยืดสายแล้วก็วิ่งอย่างเดียว วิ่งเป็นอะไรที่ทิ้งไม่ได้เลย มาค้นพบตัวเองว่าเป็นคนวิ่งเก่ง เหมือนได้มาจากพ่อ พ่ออายุ 83 ยังวิ่งอยู่เลย มันคงเป็นกรรมพันธุ์ วิ่งได้ทั้งวันเลยไม่หยุด แต่วิ่งเร็วไม่ได้นะ เพราะว่าเราอายุเยอะแล้ว แต่เราถึงเส้นชัยแน่ๆ
โปรเจกท์แห่งความภาคภูมิใจ
3 โปรเจกท์ใหญ่ คือ เก็บตกให้“พี่ตูน” วิ่งเส้นทางราชบุรีไปกาญจนบุรี ได้สี่ล้าน ครั้งที่ 2 เก็บตกต่อลมหายใจ เพื่อคนไข้ไอซียู โรงพยาบาลโพธาราม ได้มาสิบล้าน และครั้งที่ 3ได้สี่แสนกว่าบาท คือเก็บตกให้พี่น้องลาวที่อัตตะปือภูมิใจมาก คือเราเห็นพี่ตูนวิ่ง เราก็มีความรู้สึกว่าคนบ้าอะไรวิ่งออกมาแล้วคนสนใจขนาดนี้ แล้วอีกอย่างคือมันได้ประโยชน์ที่เอาเงินไปช่วยเหลือโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งเราวิ่งเก่งนะ แต่ศักยภาพเราไม่เท่าพี่ตูน และถ้ามีคนสนใจเราก็ดี แค่คิดเฉยๆ ก็เลยลองดูไม่ได้ไม่เป็นไร แค่คนออกมาถ่ายรูปเซลฟี่กับลุงหน่อย ไม่มีตังค์ยื่นให้ไม่เป็นไร แต่แชร์รูปให้ก็ได้บุญแล้ว เพื่อให้คนรู้ว่าเราวิ่งเพื่ออะไร เราก็ลงเพจของเราด้วย คนก็ออกมาเยอะมาก คนโพธารามออกมาเต็มหน้าโรงพยาบาลเลย เราปลื้มจนน้ำตาไหล มันเหมือนพี่ตูนน้อยๆ
หวังต่อยอดสู่การเมืองหรือเปล่า
เคยมีคนถามเหมือนกัน ว่าทำแบบนี้ทำไม หาเสียงเหรอ จะไปเล่นการเมืองเหรอ ถ้าผมทำอย่างนั้น ไม่ต้องเลือก แปลว่าตระบัดสัตย์เป็นคนไม่ดี หวังเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่ทางเลยครับ คือเราเป็นดารานักแสดงเงินรายเดือนเราเยอะกว่า สส.อีก เพราะฉะนั้นแล้วไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย ไม่มีการทำเพื่อกรุยทาง เราเป็นคนที่ชอบอ่านข่าวดูข่าวใครเป็นคนยังไง เป็นคนที่รับรู้ข่าวสารรอบตัวใครถามอะไรต้องตอบได้ แต่ไม่ใช่รู้แล้วเพื่อที่จะไปลงเล่นการเมือง
ธุรกิจร้านอาหารครัวลุงรงค์
ก็โอเคนะครับ คนจะเยอะตอนเสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาก็มีคนแหละ แต่ว่าก็ไม่ได้กำไร ค่าใช้จ่ายเราเยอะ พนักงานเยอะ มันจะได้ตรงเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ที่เราวิ่งให้กับพี่ตูนมา บวกกับว่าอาหารเราก็อร่อยด้วย หมูหันอร่อยมากนะ ต้องไปลอง (ยิ้ม) เสาร์-อาทิตย์คนเดินเหมือนตลาดนัด เปิดมาปีกว่าๆ เราลงทุนก็จริง แต่ว่าเป็นของกงสี ครั้งแรกเราลงและเรียกพี่น้องมาเลยว่าเราจะทำระบบหาร เหลือเท่าไหร่หารโดยเราหารด้วย พี่น้องไม่ต้องลงอะไรเลย เป็นธุรกิจในครอบครัวที่ทำเพื่อทุกคน เราบอก “ตาตี๋” กับ “ยายณี” พ่อกับแม่ว่าต้องมีวันครอบครัวทุกวัน ถ้าเป็นลูกครอบครัวอื่นเขาจะมากันช่วงปีใหม่สงกรานต์ แต่ตาตี๋ยายณีเห็นหน้าลูกหลานครบทุกวัน จึงได้บอกว่าครัวลุงรงค์เป็นวันครอบครัว 365 วัน
คุณพ่อสไตล์ลุงรงค์
อยู่กับบ้านเราไม่เคยเล่นตลกกับลูกเลย ไม่เคยพูดตลกกับเมีย ไม่เคยตลกที่บ้าน จะซีเรียส เป็นคนชอบซีเรียสเวลาอยู่ที่บ้าน แต่ชีวิตจริงเป็นคนตลกอยู่แล้ว อาจจะด้วยความเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นสามีเป็นพ่อของลูก ก็เลยไม่สามารถที่จะไปเต้นแร้งเต้นกาในบ้านได้ สำหรับลูกๆ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงนะ “ใบเฟิร์น” ได้ดั่งใจอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นเด็กไม่ไร้สาระ หมายถึงในด้านรับผิดชอบชีวิตและพ่อแม่เขาก็ดูแล ตั้งแต่ทำงานมาเขาไม่เกเรไม่ทำอะไรที่ทำให้พ่อไม่สบายใจ แต่ตัวเล็ก “แฟรงค์เฟิต” ยังเด็กมาก ที่บ้านสปอยกันมาก เฟิร์นก็สปอยน้อง เพราะว่าเป็นลูกคนเล็กและห่างจากเขา 17 ปี แต่ว่าไปเราเองก็ตามใจเขาเหมือนกัน (ยิ้ม) คือเป็นผู้ชายคนเดียวที่หลงมา ก็เลยจะตามใจเป็นพิเศษ อยากได้อะไรก็ได้หมด อย่างเฟิร์นบางทีเราก็แอบนึกนะว่าเขาไปได้ความตลกมาตอนไหนเวลาที่เขาแสดงบางสิ่งบางอย่างเรารู้สึกว่า เออเหมือนเราเลย จะให้เราไปจับมือสอนคือไม่มีเลย เพราะถ้าจะไปซ้อมตลกไปหัดเต้น เราจะหลบครอบครัว ญาติพี่น้องพ่อแม่เราก็ให้เขาเห็นบนเวทีเอง หมายถึงสมัยก่อนนะครับ คือไม่เคยเล่นตลกให้เขาเห็นเลย แม่กับพ่องงมากว่าลูกไปเป็นนักแสดงตลกได้ยังไง ที่จริงเราจะตลกมากเวลาอยู่กับเพื่อน “ไอ้เหลี่ยม” มาเมื่อไหร่ฮาเมื่อนั้น เมื่อก่อนอยู่บ้านนอกชื่อเหลี่ยมเพื่อนตั้งให้ (ยิ้ม) เราเล่นมุขปล่อยงูตั้งแต่ ม.3 พ่อแม่ไม่รู้เลยว่าเราเล่นตลกได้ เพราะว่าเราไม่เคยเล่นให้เขาดู อยู่ๆ เรามาทำตลกให้แม่ดูได้ยังไง ตี 3 เราต้องตื่นไปขายสับปะรด ยังจะมานั่งตลกให้แม่ดูอีกมันเกินไป พ่อแม่มารู้ตอนที่เราเป็นตลกแล้ว
เส้นทางสู่นักแสดงตลก
หนีมาครับ (ยิ้ม) อันที่จริงบ้านเราก็ไม่ใช่ว่าจะจนหรือว่ารวยล้นฟ้านะ กลางๆ เป็นพ่อค้าแม่ค้ามีรถกระบะคันหนึ่งก็ไปขายของตามตลาดนัด เราก็ได้ช่วยที่บ้าน คือเราอยู่ไม่ได้แล้ว ถ้าจะเป็นตลกต้องไปกรุงเทพฯ เราคิดว่าเราต้องเป็นหนึ่งในนักร้องนักแสดงตลกดาราให้ได้ แต่จะบอกน้องๆ หนูๆ ใครที่อ่าน คืออย่าทำตามนะ เพราะว่ามันไม่มีใครประสบผลสำเร็จได้ทุกคน ด้วยความที่เราเป็นคนที่ตลกมาก เวลาอยู่กับเพื่อน พอไปอยู่กับวงดนตรีลูกทุ่งสมัยก่อน เราพูดหลังเวทีเขาก็ฮาขำแกล้งคนนั้นอำคนนี้ ก็เลยได้ไปเป็นตลกก็ยาวเลย ตั้งแต่เป็นตลกมาก็ก้าวเดินอยู่ตลอดเวลา ขนาดยังไม่มีชื่อเสียงนะงาน 7-8 ที่ จตุรงค์แต่งเป็นผู้หญิงแล้วฮามาก สมัยอยู่คณะ “อิสระเดือนเพ็ญ” และตลกเมื่อก่อนมันต้องมีชื่อตลก แต่เราบอกว่าไม่จำเป็นครับ ผมขอใช้ชื่อจตุรงค์ เราก็เป็นคนดื้อๆ คนหนึ่ง เขาบอกว่าไม่ได้ ต้องเอาชื่อที่มันฟังดูตลกกว่านี้ นักข่าวมาถามเราก็บอกว่าผมชื่อจตุรงค์ พ่อแม่ตั้งให้ครับ ถ้าอยากดูตลกเดี๋ยวผมเล่นให้ดู คือต่อให้ชื่อตลก แต่เราเล่นไม่ตลก ยังไงมันก็ไม่ตลก ก็เลยใช้ชื่อจตุรงค์มาตั้งแต่บัดนั้น
ไร้รูปแบบและเอกลักษณ์
ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลย ก็เล่นเป็นสาว “ไม่เอาไม่พูด” มันดังของมันเอง เราไม่ได้ตั้งใจ คือเราก็เล่นก็พูดของเราไปแล้วมันโดน ไม่เคยมีรูปแบบไม่เคยมีแพทเทิร์น ขอให้เราได้ขึ้นไป เราก็พร้อชนได้หมด ส่วน“ไม่กินเผ็ด” นั้นเป็นเพลงซึ่งอาจารย์ที่เป็นหัวหน้าคณะ “อิสระเดือนเพ็ญ” เป็นคนแต่ง ก็ดังอีก ขายได้เกือบหกหมื่นตลับ สมัยนั้นก็ถือว่าเยอะนะ
ถูกมองว่าไม่แมน
คนมารอดูว่าเวลาแต่งหญิงแล้วเป็นยังไง แต่พอมาเป็นคณะจตุรงค์เราก็ไม่ค่อยได้แต่งหญิง แต่สมัยก่อนแต่งทุกวัน คือเอาไปพูดได้เลยว่าจตุรงค์เป็นตลกคนแรกที่เป็นผู้ชายมาแต่งหญิง ปกติคนอื่นเขาจะแต่งไม่สวย ทำฟันหลอเอาลิปสติกมาทาที่แก้มให้แดง แต่เราปฏิวัติตั้งแต่วันแรกเลย แต่งสวยติดขนตาใส่แฮร์เอาให้สวยไปเลย แบบที่ผู้หญิงเขาแต่งกัน แล้วคนก็คิดว่าเราเป็นกะเทย แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร คือไม่ดีเหรอ คนที่เขาสนใจเรา และกล่าวถึงเราในฐานะที่เราเป็นนักแสดง อย่าให้คนลืมเรา มันเป็นหรือเปล่า นักร้องอยากพิสูจน์เยอะมาก (หัวเราะ) มันก็เหมือนยุคนี้ที่อัดคลิปอะไรในโซเชียลให้คนสนใจมารุมดู ยุคนั้นถ้าเราไม่แต่งสวย เราแต่งขี้เหร่แล้วขึ้นไปเล่น เขาก็ต้องคิดว่าอ๋อนี่ก็คือผู้ชายคนหนึ่ง แต่เราแต่งสวยแล้วดันเหมือนผู้หญิง คำพูดคำจาท่าทางนิสัยพูดเหมือนผู้หญิง คะขา สมัยก่อนไม่มี
ที่มาของนามสกุล “มกจ๊ก”
ผมเล่นตลกคาเฟ่อยู่ 12 ปี แล้วก็ขยับเข้ามาในทีวี. จนคาเฟ่ไม่ค่อยมีงาน เราก็เลยแยกย้ายกัน มีคณะตัวเองคือ “จตุรงค์ มกจ๊ก” เหลือเฟือ, ธงธง ก็อยู่คณะเราหมด แต่ด้วยความที่คณะตลกตอนนั้นมีเยอะมาก เราก็ไม่ได้เป็นคณะที่น่าจับตามองหรอก เป็นคณะดังคณะหนึ่งที่ขึ้นไปคนก็รู้จัก คือตลกดังแถวหน้ามี 10 คน เราก็อยู่ใน 10 แหละ “จตุรงค์ มกจ๊ก” ไม่ได้ใช้มาเป็น 10 ปีแล้วนะ ซึ่งมกจ๊กมันก็ไม่ใช่นามสกุลเราด้วย เป็นมุขที่เราพูดเล่นกันหน้าเวทีกับ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ว่าถ้าเราดังเราจะไม่ใช้จ๊กม๊กหรอก เราจะใช้มกจ๊ก คนก็เลยจำ นักข่าวก็เอาไปเขียน ก็อย่างที่บอกว่าตลกไม่จำเป็นที่จะต้องมีชื่อตลก
ความสำเร็จในวันนี้
ยังไม่ได้สำเร็จอะไรเลย (ยิ้ม) เพียงแต่ทำไปแล้วครอบครัวมีความสุข เลี้ยงลูกเต้า ที่ว่ายังไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะว่าครัวลุงรงค์ จันทร์ถึงศุกร์คนยังไม่เยอะ (หัวเราะ) แต่เรื่องการแสดงอะไรเราอยู่ตัวแล้ว แต่จริงๆ คนวัยขนาดนี้พักได้ก็ดีนะ แต่พองานมันมา เงินใครไม่อยากได้ล่ะ ถ้าวันไหนที่ได้พักได้นอนเต็มที่ได้ฟิตเนส หรือหยุดสามสี่วันมันจะโอเคจะมีความสุขเพราะว่าเราอายุเยอะแล้ว อีก 5 ปีอย่าลืมนะ ถ้าเป็นข้าราชการเขาก็เกษียณแล้วนะ ยังไม่เคยพูดคำนี้กับลูกเลยกลัวจะพูดไปแล้วเขาบอกว่าก็เรื่องของป๊าสิ (หัวเราะ) พักหมายถึงว่าลูกต้องให้ตังค์เราด้วย แต่ถ้าพักแล้วไม่ได้ตังค์ก็ไม่อยากพัก ดังนั้นยังไม่พักดีกว่า
ถึงจะมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่หลงตัวเอง
ลุงรงค์เนี่ยอย่าว่าจะมีแต่คนชอบเลย วิ่งการกุศลทำความดีให้ตายยังไงมันก็ยังมีคนไม่ชอบหน้า เรารู้จากโลกโซเชียลบางคนไม่ชอบด้วยหน้าตาโหงวเฮ้งด้วยการเล่นมุข ซึ่งเราก็แคร์นะบางที ก็เก็บคำพูดนั้นมาคิด แต่มันก็ไม่เยอะหรอก นานๆ จะเจอที เราก็อย่าเห่อเหิมตัวเองว่าคนรักเรา จงคิดว่าที่เราเดินไปซ้ายขวามีคนไม่ชอบเรานะ อันนี้เราก็ว่ากันไม่ได้ เพียงแต่ทำอะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นสิ่งที่ดีๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนไม่ว่าใครในเฟสไม่กดไลค์ใครด้วยคือถ้าเราไลค์ไปก็แปลกเลยนะลุงรงค์ไลค์เขาเพื่อประโยชน์อะไร
จากใจลุงรงค์ถึงแฟนๆ
ฝากบอกกับแฟนๆ ที่ดูลุงรงค์มาตลอดสำหรับคนที่ชอบลุงนะ ส่วนคนที่ไม่ชอบก็ดูไปเรื่อยๆ ลุงไม่มีพิษมีภัยหรอก กลับมาชอบลุงเถอะเพราะลุงเป็นนักวิ่งช่วยการกุศล (หัวเราะ) คนที่ชอบอยู่แล้วก็ดูไปเรื่อยๆ ลุงอาจจะมีอะไรแปลกๆ มาให้ดูอยู่เรื่อยๆ ขอบคุณสำหรับการติดตามกันครับ
เป็นหลากหลายมุมชีวิตที่ตลกบ้าง ไม่ตลกบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตึงเครียดจนเกินไป ของจตุรงค์ พลบูรณ์ นักแสดงตลกแถวหน้าของเมืองไทยผู้ที่ไม่เคยหยุดความฮา
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี