นอกจากจะจับไมค์ร้องเพลงไม่ได้ขาด ทุกวันนี้ มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ยังโด่งดังทางด้านใบ้ตัวเลข?! จนมีแฟนๆ นำไปตีความ ถูกรางวัล ร่ำรวยกันไปนักต่อนัก พอ “ทีมข่าวบันเทิงแนวน้า” มีโอกาสอัพเดทชีวิต ความรัก และความเป็นไป ของนักร้องลูกทุ่งคนดัง จึงไม่พลาดที่จะสะกิดถาม จริงหรือที่คนเขาว่า มนต์สิทธิ์จะเปิดสำนัก!?
“ไม่เปิดครับ คือเราเป็นคนที่รักในการร้องเพลงจะไปเปิดสำนักได้ยังไง เพียงแต่ว่าเราเป็นคนที่ชอบเลข ชอบหวย ถ้าใครถามมาเราก็ตอบไป คงไม่กล้าไปตั้งสำนักหรอก เดี๋ยวคนจะไปบุกสำนักตามฆ่าเอา ถ้าเราบอกไม่แม่น (หัวเราะ) คนเราความหวังมันต้องมีทุกคน แต่คนเราจะโชคดีหรือโชคไม่ดีมันอยู่ที่วาสนาด้วย”
ชีวิตประจำวัน
ส่วนมากก็จะเดินสายร้องเพลงครับเป็นช่วงผ้าป่า กฐิน จะไปเกือบทุกวัน ไปจังหวัดนั้นขึ้นเครื่องลงจังหวัดนี้ เป็นงานจ้าง บางทีก็ไปฟรี เพราะว่าเป็นงานบุญ หรือบางคนบอกว่ามนต์สิทธิ์มาช่วยงานนี้หน่อย ให้ค่ารถนิดๆ หน่อยๆก็ไปให้ ส่วนมากงานกฐินจะเป็นการกุศลอย่าแพงนะมนต์สิทธิ์ ก็ไม่แพง ฟรียังไปเลย ส่วนงานแสดงละครตอนนี้ยังไม่มีติดต่อเข้ามา
เพลงประจำที่ต้องร้อง
สั่งนาง, จดหมายผิดซอง, ขายควายช่วยแม่ ซึ่งเป็นเพลงประจำตัวเรา เวลาไปต่างจังหวัดก็ยังได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงเหมือนเดิม แฟนเพลงยังเรียกว่าพี่มนต์สิทธิ์อยู่ ทั้งที่เราก็อายุเลข 5 แล้วนะ (หัวเราะ) ก็ดีใจที่เขายังเรียกเราว่าพี่อยู่ เขาก็เล่นกับเราด้วย ส่วนมากเวลาอยู่หน้าเวทีเราจะเล่นสนุกจะไม่ให้หน้าเวทีมันแห้ง พูดอีสานบ้างกลางบ้างใส่ความเป็นตัวเรา มนต์สิทธิ์ไปเล่นที่ไหนก็ต้องมีเสียงหัวเราะตลอด สนุกทุกที่ เต้นกันมันส์ งานเพลงช่วงนี้เราอาจจะเงียบ แต่ว่างานจ้างงานแสดงยังมีเรื่อยๆ เพลงใหม่ยังทำอยู่เรื่อยๆ ลงในยูทูบทำกับค่ายชัวร์เอ็นเทอร์เทนเมนท์ อีกไม่นานเกินรอได้ฟังกันแน่นอนครับ เป็นเพลงหวานๆ ออกอีสาน ช่วงนี้รู้สึกว่าคนฮิตอะไรที่เป็นอีสาน มนต์สิทธิ์ก็เลยลองทำบ้าง แต่เราก็ไม่คิดว่าจะโด่งดังเหมือนสมัย “จดหมายผิดซอง” หรือว่า “สั่งนาง” เพียงแต่ว่าเรายังต้องการให้ชื่อเรายังอยู่ในใจแฟนเพลงเรื่อยๆ อย่าให้มันลง อยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ อยากให้คนรู้ว่ามนต์สิทธิ์ยังร้องเพลงอยู่นะ ซึ่งคนรุ่นอายุ 30 ขึ้นไปก็ยังจำมนต์สิทธิ์ได้ แต่รุ่นเล็กเขาก็ไม่รู้จักหรอก ก็ไม่เป็นไรครับ
ชื่อเสียงที่เปลี่ยนไป
มันเป็นวัฏจักรเป็นธรรมดา เราพยายามทำตัวให้ดีก็พอ และอย่าให้เขามองเราไปทางลบก็แล้วกัน อย่างทุกวันนี้คนก็จะมองเราไปทางลบนะ คือเราไม่ได้บอกหวยบอกเลข เราก็ลงไปตามธรรมชาติของเรา พื้นที่เฟซบุ๊คของเรา แล้วเขาไปส่อง บางคนเขาส่องแล้วเขาไปซื้อตามแล้วมันถูก ก็เลยบอกต่อกันไป บางคนก็หาว่าเราจะตั้งสำนัก จะเลิกร้องเพลงแล้วเหรอ ก็มีคนคิดคนพูดไปในหลายแง่หลายมุม ต่างคนต่างมองคนละมุม แต่จริงๆ แล้วเราก็ใช้ชีวิตปกติ คือถ้าหากว่าคนซื้อตามถูก มันก็โอเค แต่ถ้าไม่ถูกก็อย่าว่ากัน (ยิ้ม) บางทีผมบอกถูกเป็น6-7 งวด พอเขามาตามเรางวดที่ 8 แล้วไม่ถูกมันก็ช่วยไม่ได้
มีความสุขกับสิ่งที่ทำ
ชีวิตทุกวันนี้ แฮปปี้ดีครับ เลี้ยงหมูเลี้ยงหมาอยู่ที่บ้าน ถ้าวันไหนไม่ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตก็จะอยู่กับบ้านเลี้ยงหมาคุยกับหมา และฟังเพลงลูกทุ่งไปตามประสาของเราไปฟังเพลงเก่าๆ ว่าเพลงลูกทุ่งสมัยก่อนเราเป็นยังไงมาจนถึงสมัยนี้ ก็เลยทำให้เราเห็นความต่างของเพลงลูกทุ่งในสมัยก่อนกับสมัยนี้ สมัยนั้นร้องออกมาแล้วมันเห็นภาพเลย สมัยนี้ร้องออกมาไม่รู้อะไร คือร้องไปเถอะเดี๋ยวก็ดัง
ยังคงครองความโสด
ยังไม่มีครอบครัวครับ ก็อยู่เป็นโสดอยู่ตลอดแบบนี้ เห็นเด็กๆ น่ารักก็เรียกเขาว่าลูกหมด เด็กผู้หญิงก็มี เด็กผู้ชายก็มี (หัวเราะ) คนจะบอกว่ามนต์สิทธิ์เป็นตุ๊ดเป็นเกย์บ้าง แต่เราก็ไม่แคร์ ไม่สนใจ พูดไปเถอะ บางทีคนพูดมากๆ ว่าทำไมมนต์สิทธิ์คบแต่เด็กผู้ชาย เราก็มาคบเด็กผู้หญิงบ้าง เรียกว่าเป็นลูก เอ็นดูทุกเพศทุกวัยแหละ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก หรือว่ารุ่นผู้ใหญ่ เราก็เอ็นดูหมด ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน เพราะว่าชอบสันโดษ อยากไปไหนมาไหนก็ไป ถ้าเรามีเมียจะไปไหนเขาก็ต้องตามติดเราไปด้วย บางงานเราก็ไม่อยากให้ไปด้วย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าเรามีครอบครัว ไปไหนมาไหนมันก็จะยุ่งยากนิดนึง นอกจากว่าคนที่เขาเข้าใจอาชีพของเราซึ่งมันก็ยาก ส่วนมากจะหึงหวง เมื่อก่อนก็เคยมีแฟน แล้วเราก็บอกเขาว่าอย่าไปหึงหวงเรานะ เพราะเราเป็นศิลปิน ชีวิตเราเป็นแบบนี้ คนถ่ายรูปคนเดินด้วย มาจับไม้จับมือเรา แฟนเพลงบางคนกอดสนิทชิดเชื้อเลยนะ แต่ไม่มีอะไร กอดกันแบบสนุกสนาน แต่พอแฟนไปเห็น เขาก็จะไม่พอใจ มันก็ลำบากใจเราก็เลยจำเป็นต้องแยกย้ายกันไป ไม่มีทายาทสืบสกุล ก็มีแต่ลูกกับภรรยาคนเก่าแหละครับ กับภรรยาที่เป็นข่าว แต่ว่าเขาก็เป็นลูกสาว ไม่มีลูกชาย ก็อยากจะหาเด็กมาเป็นลูกบุญธรรมอยู่เหมือนกัน แต่ว่ามันก็ไม่ได้อย่างที่ใจเราคิดเราหวัง การที่จะเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงโดยที่ไม่ใช่สายเลือดของเรา
ย้อนวันวานกว่าจะมาถึงวันนี้
ผมเป็นคนจังหวัดมุกดาหาร อำเภอนิคมคำสร้อย สมัยก่อนเวลามีประกวดร้องเพลงที่ไหนเราไปหมดเลยนะ เป็นคนที่ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กแล้วจำได้อายุ 7 ขวบก็ร้องเพลงของ “แม่ผ่องศรี วรนุช” คือตอนนั้นเป็นเด็กเสียงเราแหลมก็เลยสามารถร้องคีย์ผู้หญิงได้ แต่ว่าก็ไม่ได้ชนะอะไรนะ ตกรอบได้ยาสีฟัน สบู่ยา ครีมมาทาหน้าให้ขาว เงินไม่ได้จะได้เป็นของมากกว่าเพราะว่าตกรอบ ก็เดินสายไปเรื่อยๆ ทำงานอยู่ห้องอาหารเป็นเด็กเสิร์ฟ และได้ร้องเพลงบ้าง ด้วยความที่เราเป็นคนชอบบันเทิง ชอบเสียงเพลง ห้องอาหารเขาไม่รับผู้ชาย เราก็บอกว่ารับเรามาเป็นพนักงานล้างจาน พนักงานรับรถก็ได้ เขาก็เลยรับ แล้วเราก็จะขอร้องเพลงตลอดเวลาไม่มีแขกขอร้องหน่อยนะ เขาได้ฟังกันก็บอกว่าร้องดีนี่นา งั้นแขกมาช่วยร้องให้แขกฟังหน่อยนะ ก็เลยเข้าหูเข้าตาเจ้าของร้าน และพอมีงานประกวดร้องเพลงที่ไหนเราก็ไป ก็จนมาได้ที่ 2 ที่งานทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลฯ เมื่อปี 2536 ตอนอายุ 29 ได้รางวัลเป็นเงินสดสามพันบาท และเครื่องเล่นเทป 1 เครื่อง แล้วคนจัดงานเขาก็เลยเอาเรามาบันทึกเสียง เพราะว่าคนที่ได้ที่ 1 เขาเป็นผู้หญิงและมีครอบครัวแล้ว เลือกที่จะมาปั้นเรา ส่งเพลงไปให้ค่ายต่างๆ ก็ไม่มีค่ายไหนเอาหรอก เพราะว่าดูหน้าแล้วเราไม่หล่อเลย หน้าตาไม่ดี เสียงดีอยู่ แต่เขาก็ไม่เอา เพลง “ขายควายช่วยแม่” นี่แหละครับ เอาไปให้ค่ายไหนฟัง เขาก็ไม่เอา แต่พอมาค่ายชัวร์ ออดิโอ เขาก็เอา ได้อัดแผ่นและเปิดตัวเป็นมนต์สิทธิ์ คำสร้อย ตั้งแต่แรกเลย ก็ได้เลย ถือกำเนิดเป็นศิลปินนักร้องลูกทุ่งในปี 2538 เพลงขายควายช่วยแม่ ดังมาก หลังจากนั้นก็มีเพลง จดหมายผิดซอง, สั่งนาง, คิดถึงจังเลย,โกสัมพี ตามออกมาเรื่อยๆ
ตั้งรับกับชื่อเสียง
ก็พยายามทำตัวสบายๆ กับคนทั่วไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนั้นดังมาก ขี้เหร่ก็ขี้เหร่นะ (ยิ้ม) ก็ตกใจเหมือนกันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาดังแบบนี้ เด็กบ้านนอกคนนึง ไม่คิดจริงๆ แต่พอดังขึ้นมาก็รู้สึกเลยว่าอ๋อความโด่งดังมันเป็นแบบนี้เหรอ ชีวิตเปลี่ยนไปมาก ที่บ้านฐานะดีขึ้น เราสามารถส่งเงินไปให้ที่บ้านจุนเจือครอบครัวได้เยอะมากๆ ลูกหลานเราก็ส่งเรียนกันแทบทุกคน แล้วก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เขาขับไปโรงเรียน จากหนุ่มบ้านนอกคนนึงที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากมากแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร คือพอมีพอกิน แล้วเราก็ทำงานหาเงินมาตั้งแต่เด็ก เราไม่เคยใช้ชีวิตฟู่ฟ่าเลย ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ฟู่ฟ่านะเฉยๆ ธรรมดา ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม อยากกินอะไรก็กิน เมื่อก่อนจะไปคอนเสิร์ตตลอด อยู่ใต้3 เดือน 1 เดือนอยู่ในรถบัสตลอดก็สนุกดีนะ แต่เหนื่อยหน่อย สนุกที่ได้เห็นสถานที่ได้เจอผู้คนมากมาย ที่ผ่านมาเราได้เห็นได้ไปมาหมดแล้วนะเมืองไทย
เหมือนสวรรค์สร้าง
รู้สึกว่าอยากจะขอบคุณสวรรค์ที่ให้เราเดินมาทางนี้ น่าจะเป็นทางที่เทวดาฟ้าดินเขาให้เราเดินทางมาตรงนี้แล้ว ขอบคุณดีเจที่จังหวัดอุบลฯ “คุณมนต์รัก กลิ่นบุปผา” ที่เขาส่งเรามาอยู่ค่ายชัวร์ ออดิโอ ทำให้เราได้มาเป็นศิลปินจนถึงทุกวันนี้อยู่กับชัวร์นานแล้วนะตั้งแต่ปี’37 อยู่มาตลอดไม่เคยไปไหน ก็มีคนมาชวนแต่เราก็ไม่อยากไป จะไปทำไมไปอะไร บางทีเขาก็บอกอัด 10 เพลงให้ล้านนึง เราก็ไม่เอาไม่ไป อยู่ในชัวร์ก็คือชัวร์นี่แหละ ได้ทำเพลงกับที่นี่เรื่อยๆ หลังจากนั้นชีวิตก็คงที่มาเรื่อยๆ ก็มีเพื่อนฝูงที่สนิทกันนะแต่ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชายกลัวเขาจะชวนไปกินเหล้าเมายาเราไม่ชอบ เพื่อนศิลปินด้วยกันที่สนิทก็มี “ดำรงค์ วงศ์ทอง” เรียกว่าทุกคนรวมทั้งค่ายอื่นด้วย คือเราก็รู้จักกันหมด ไม่ว่าจะเป็น จินตหรา พูนลาภ,ยิ่งยง ยอดบัวงาม, ดาว มยุรีย์ หลายคน เราไม่ได้มองว่าทุกคนเหล่านี้เป็นคู่แข่งเรานะ คือมันสนุกดี เหมือนว่าพี่น้องเราเดินทางไปด้วยกันลูกทุ่งเหมือนกัน เป็นญาติพี่น้องกันมากกว่า ไม่มีใครเป็นคู่แข่งใคร ชอบตรงที่ว่าคนเราเป็นลูกทุ่งด้วยกันเราไปด้วยกันมีอะไรกินด้วยกันสนุกสนานเฮฮาแฮปปี้กัน เจอหน้ากันยิ้มแย้มทักทายแค่นี้ก็สุดยอดแล้วล่ะ
ถ้าไม่เป็นนักร้องลูกทุ่ง
ตอบได้เลยว่าเป็นชาวนาแน่นอน ถ้าเราแต่งงานมีครอบครัวก็คือได้เป็นชาวนา แต่บังเอิญว่าเราไม่แต่ง คือตอนนั้นพ่อแม่หาผู้หญิงให้แล้วนะ แต่เราไม่ชอบไม่เอา มันยังไม่อยากมีใคร ตอนนั้นอายุ 24-25 แล้ว พ่อแม่ก็อยากให้แต่งงาน คือไม่เชิงบังคับนะครับบอกว่าจะหาเมียให้เพื่อที่เราจะได้มีหลักมีฐาน และอีกอย่างคือเราเป็นคนขี้ดื้อ (ยิ้ม) คือซนครับเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่สอน เขาก็เลยหาผู้หญิงให้ แต่เราก็ไม่สนใจ เลยตัดสินใจเข้ามาทำงานในตัวเมืองมุกดาหาร ไปสมัครเสิร์ฟ ทำงานผ่านมาแล้วหลายอย่างมากในชีวิตนี้ที่บ้านเขาก็ไปตามตัวกลับแล้วเขาก็ว่าด้วยแต่เราก็ไม่กลับ แม่กับพ่อเขาจะชอบลูกชายคนโต เหมือนฝากความหวังไว้กับพี่ชายเราเพราะว่าเขาเป็นคนขยัน เป็นคนที่ทำไร่ไถนาเก่ง ทำงานให้พ่อแม่เลี้ยงดูพ่อแม่ได้ แต่เราเป็นลูกคนสุดท้องที่ไม่สนใจใคร ใครจะไปตามเราก็ไม่กลับ แม่ก็เป็นห่วงมากคิดถึงลูกเราก็เลยตัดสินใจบอกแม่ไปว่าเราจะไม่ขอเงินทางบ้านแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรแค่ขอให้เราเลี้ยงตัวเองให้มันรอดก็พอ ไม่ต้องมาส่งทางบ้านนะ
จากคำทำนายของหมอดู
แม่ไปดูหมอซึ่งหมอดูเขาบอกว่าแม่จะได้พึ่งพาลูกคนสุดท้องนะ แม่ก็บอกว่าไม่เชื่อยังไงก็ไม่เชื่อ มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะว่าเรียกเรากลับบ้านไปทำนา เราก็ไม่ยอมไป จะพึ่งได้ยังไง แต่ถ้าบอกว่าได้พึ่งลูกชายคนโตน่ะ แม่เชื่อนี่คือเป็นตอนที่เราดังแล้วนะ แม่มาเล่าให้ฟังว่าแม่เคยไปดูหมอ ที่แม่มาเล่าทีหลังเพราะว่าจะรอดูสิว่าจะแม่นอย่างที่หมอดูว่าไหม ออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 17 จนกระทั่งอายุ 28 ก็แล้ว ยังไม่เห็นวี่แววอะไร จนอายุ 29 เราก็ไปบอกที่บ้านว่าเราจะเป็นนักร้องแล้วนะ เขาพาไปอัดแผ่นแล้ว แม่ก็ตกใจสิ จริงเหรอ พูดให้เพื่อนฟังทั่งบ้านทั่วเมือง บางคนก็บอกว่าเชื่อไว้ก่อน แล้วพอเราโด่งดัง ได้เอาเงินไปให้พ่อแม่ซื้อสร้อยซื้อข้าวของให้เขา พ่อแม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่าเคยไปดูหมอมา แล้วหมอดูบอกว่าจะได้พึ่งพาเอ็งนะ แต่พ่อแม่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะพึ่งพาได้สรุปแล้วว่าพ่อแม่ก็ภูมิใจในตัวเราที่สุด เราโด่งดังพาพ่อแม่มาอัดรายการ นั่งเครื่องบินมาจากที่ไม่เคยนั่งกันนะ แล้วแม่ก็ไปตามหาหมอดูคนนั้นอยู่ แต่ว่าไม่เจอแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหน (หัวเราะ) ก็ภูมิใจในตัวเองอยู่นะครับ คือเราไม่คิดว่าคนจบ ป.3 จะได้มาร้องรำทำเพลง จะได้มาเป็นนักร้อง มันไม่น่าได้นะ คนจบแค่นี้ความรู้ไม่มี แต่เราใช้เสียงในการทำมาหากินจนเรามีชื่อเสียงถึงทุกวันนี้ ก็นับว่าเป็นบุญของพ่อของแม่ที่เขาสร้างมา เราไม่เชื่อว่าเป็นบุญเราคิดว่าเป็นบุญที่พ่อแม่เราสร้างมามากกว่าเขาอาจจะทำดีไม่เคยโกรธใคร ญาติพี่น้องทะเลาะว่ากันเขาก็ไม่โกรธเลย แต่พอเรามามีชื่อเสียงแล้วสร้างทุกอย่างให้ ทุกคนเขาก็ชื่นชมเรา เพื่อนฝูงทุกคนก็เข้ามายินดีด้วย แต่การที่เราจะยืนอยู่ตรงนี้ได้นั้น หนึ่งเราต้องซื่อสัตย์ สองทำดีสามอย่าโกหก ทุกสิ่งทุกอย่างเราพูดความจริงและทำดีตลอด ซื่อสัตย์ต่อการงาน ซื่อสัตย์ต่อพ่อแม่ญาติพี่น้อง จะทำให้เราประสบความสำเร็จและความอดทนต้องมาที่หนึ่งเลยนะ ทุกอย่างถ้าเราไม่มีความอดทนจะไม่ประสบความสำเร็จ
จากใจ ‘มนต์สิทธิ์ คำสร้อย’
อยากจะบอกมิตรรักแฟนเพลงว่า จะร้องเพลงอย่างนี้ตลอดไปให้ทุกคนฟัง ตราบใดที่ยังมีเสียงร้องเพลงอยู่ ก็จะร้องเพลงให้แฟนเพลงฟัง ก็คงไม่ไปทำอย่างอื่นหรอกเพราะว่าเราทำไม่เป็น บางคนบอกว่าทำไมไม่เปิดร้านส้มตำ ไม่เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว คือเราไม่ถนัดทางนั้น เราถนัดร้องเพลง แต่ถ้าเปิดไปแล้วมันจะเสียเงินไปเปล่าๆ ตำส้มตำอร่อยทำไมไม่เปิดร้านล่ะ ไม่เปิดหรอกตำอร่อยแค่ครกเดียวนี่แหละ (หัวเราะ) ครกต่อไปก็ไม่อร่อยแล้วอย่างวันนี้สถานที่ที่เรามาพูดคุยกันเราก็อยู่ที่ร้าน ซูชิมั้ย 5 อินทามระ 12 เจ้าของร้าน “คุณเอก” และ”พี่หญิง” ผู้จัดการร้านก็น่ารักเทคแคร์มนต์สิทธิ์ดีมาก กลายเป็นร้านประจำที่ชอบมานั่งกิน เพราะว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นข้างๆ ก็ยังมีร้านกาแฟอีก ชอบกินปลาแซลมอน ข้าวปั้น เมื่อก่อนก็ไม่ชอบหรอก แต่พอไปญี่ปุ่นได้ลองกินก็ติดใจ สมัยก่อนกินแต่ปลาร้าเนาะ(หัวเราะ) พอไปญี่ปุ่นก็ติดใจมาเมืองไทยก็ต้องกิน ถ้าแฟนเพลงแวะเวียนมาแถวนี้ก็อาจจะได้เจอมนต์สิทธิ์นะครับ เพราะว่าเป็นลูกค้าประจำ แต่ว่าจะใส่หมวกนิดนึงไม่ใช่พรางตัวนะแต่เพราะไม่ได้ทำผม เข้ามาทักทายถ่ายรูปกันได้ มนต์สิทธิ์ คำสร้อย คนเดิมของมิตรรักแฟนเพลง
ใช้ชีวิตให้เป็นสุขอยู่กับเสียงเพลง และไม่ลืมความเป็นตัวตนของตนเอง และนี่ก็คือนักร้องลูกทุ่งเลือดอีสาน ที่คนไทยต่างคุ้นเคย “มนต์สิทธิ์ คำสร้อย”
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี