วันพฤหัสบดี ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
'ลำยอง หน่องหินห่าว'เปิดใจเคยโดนนักร้องดังดูถูกเป็นหมอลำบ้านๆ

'ลำยอง หน่องหินห่าว'เปิดใจเคยโดนนักร้องดังดูถูกเป็นหมอลำบ้านๆ

วันศุกร์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561, 09.10 น.
Tag : ลำยอง หน่องหินห่าว
  •  

หลายคนคงเคยได้ยินและร้องเพลง “เอาผัวไปเทิร์น”  ได้อย่างดี ซึ่งเพลงนี้ถือว่าแจ้งเกิดให้กับนักร้องสาวหมอลำโคโยตี้สุดแซ่บ “ลำยอง หนองหินห่าว” แต่งานนี้มีข่าวเม้าท์ต่างๆ มากมาย ล่าสุดเจ้าตัวเดินทางมาเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มี นุ้ย สุจิรา, เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ชมพู่ ก่อนบ่ายเป็นพิธีกร

เห็นว่าเพลง "เอาผัวไปเทิร์น" ไม่ได้ร้องมา 4 ปีแล้ว เกิดอะไรขึ้น?


ลำยอง : เพราะว่าโดนฟ้อง คือเหมือนกับว่าเพลงของเราไปละเมิดลิขสิทธิ์ของอีกเพลงหนึ่ง แต่บอกไม่ได้ เอาเป็นว่าไม่ขอพูดดีกว่าค่ะ ก็ได้มีการดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างนั้นเราห้ามร้องเพลงนี้ แต่ตอนนี้คือเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาสู้คดีประมาณเกือบเกือบ 4 ปีค่ะ และสุดท้ายเราก็ชนะคดี ตอนนี้ก็ร้องได้แล้ว ก็รู้สึกสบายใจค่ะ

ย้อนกลับไปนิดนึงมาเป็น "ลำยอง หนองหินห่าว" ได้ยังไง?

ลำยอง : ย้อนกลับไปสมัยก่อนเป็นครู สอนวิชาออกแบบค่ะ ก็เป็นญาติกับอาจารย์ท่านหนึ่งแล้วก็พาเข้าวงการ สมัยก่อนชื่อ "นก สุพรรณี" ตอนหลังมาเป็นหมอลำซิ่งก็เลยกลายเป็น "ลำยอง หนองหินห่าว" มีพี่คนหนึ่งที่ทำเพลงตั้งให้ต้องการให้เป็นแบบผู้หญิงแรงๆ ต้องการตีตลาด มันเป็นชื่อที่ทำให้คนจำง่าย ฟังแล้วสนุก

แล้วเข้ามาอยู่ในค่ายเพลงได้ยังไง?

ลำยอง : มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นน้าอยู่แถวบ้านของเรา แล้วมีค่ายเพลงต้องการทำแนวเพลงหมอลำซิ่ง แล้วก็มีหลายๆคนแนะนำว่าให้เอา "ลำยอง หนองหินห่าว" มา ซึ่งตอนนั้นอาจารย์ก็ไม่ทราบว่าเป็นหลานของท่าน แล้วเราก็เคยสมัครร้องเพลงกับเขาตอนเด็กๆ หลังจากนั้นก็โทรศัพท์คุยกันก็เลยได้รู้จักกัน

ทำไมถึงทิ้งอาชีพครูแล้วกลายมาเป็นนักร้องหมอลำ?

ลำยอง : คือตอนที่เป็นครู เงินเดือนก็เป็นเงินเดือนปกติ แต่ตอนที่เป็นครูเราก็มีร้องเพลงในผับ ตามร้านอาหารบ้าง แล้วตอนนั้นการพักผ่อนก็ไม่เพียงพอด้วย จากที่เคยเป็นครูสอนอยู่ดีๆ ต้องตื่นเช้า ต้องขึ้นเวร ขี้เกียจไปสอนบ้าง ซึ่งพวกที่ออกแนวอาร์ตๆก็จะไม่ค่อยละเอียดเรื่องงานพวกนี้ ก็เลยมานั่งทบทวน แล้วตอนนั้นงานร้องเพลงเราก็ได้เงินเยอะพอสมควร ซึ่งอาจจะได้เยอะกว่าเงินเดือนอีก แล้วพอดีภาพลักษณ์ของนักร้องตอนนั้นคือมันโป๊ ซึ่งมันก็ขัดกับอาชีพที่เราทำอยู่ ก็เลยคิดว่าก่อนที่จะให้เขาไล่ออกลาออกเองก่อนดีกว่าไหม

คิดว่าตัดสินใจถูกไหม เพราะหลังจากนั้นเห็นว่าลำบากมาก?

ลำยอง : คิดว่าตัดสินใจถูกนะในตอนนั้น ตอนที่ลาออกแรกๆ ก็คือเข้ามาอยู่กรุงเทพฯเลย ตัดสินใจลุยมาเลย คิดว่า เขาจะพาเราไปถึงฝั่งฝันได้ ตอนแรกที่มาก็เป็นหมอลำซิ่งเปิดวงตีตลาดตามปกติยังไม่ได้สังกัดค่าย ตอนนั้นฮิตมาก เดือนหนึ่งก็จะมีงานประมาณ 50-60 งาน วันหนึ่งอาจจะเล่น 3-4 ที่ มีทุกช่วงเวลาเลยค่ะ แต่ก็มาโดนโกง แทนที่เราจะเจ็บตัวคนเดียว แต่กลายเป็นว่าโดนทั้งวงเพราะเราเอาลูกน้องนักดนตรีไปด้วย คือถ้าเขาไม่จ่ายเราคนเดียวเราก็แค่เจ็บตัวคนเดียว แต่ไม่จ่ายวงด้วย ปัญหาคือ เราต้องไปหาเงินมาจ่ายวง ก็เจอหลายงานจนไม่อยากเป็นนักร้องเลยค่ะ

มีข่าวถูกโกง เจ้าภาพหอบเงินหนีด้วย?

ลำยอง : ก็เยอะค่ะ คือประมาณว่างานที่แล้วก็ยังไม่จ่ายเรานะ เราก็ต้องเอาเงินที่เราเก็บไว้มาจ่ายแทนก่อน เพราะว่าเราต้องจ่ายนักดนตรี ที่เราจ้างมาอีกทีนึง แทนที่เราจะได้กลายเป็นว่าเราต้องมาควักเนื้อเอาเงินตัวเองจ่าย งานที่แล้วไม่ได้งานนี้ก็กะว่าอาจจะได้ของงานที่แล้วด้วย เราก็ไปอีก ก็โดนอีก หลังๆก็เลยคิดว่าถ้าคนนี้เขาจ้างงานอีกก็จะไม่ไปแล้ว คือมันกลายเป็นดินพอกหางหมูเลยค่ะ กับเจ้าเดิมนี่แหละ จนสุดท้าย รถ บ้านของเราก็โดนยึด

เคยคิดน้อยใจถึงขนาดไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้วด้วย?

ลำยอง : ใช่ค่ะตอนนั้นมันเครียด ถึงขนาดเคยคิดฆ่าตัวตายเลย คือตอนที่เป็นครูเรายังมีเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถได้ เงินเดือนครูกับเงินที่เราได้จากการร้องเพลง เราก็เอามาใช้จ่ายอุดตรงนู้นตรงนี้ ไปๆมาๆก็ไม่เหลือเลยสักบาท เงินติดตัวไม่มีแม้แต่เงินในกระปุกออมสินก็ไปทุบเอามาใช้จนหมด โทรไปขอยืมญาติ บางทีได้มา 500 บาท ก็ยังพอพยุงชีวิตไปได้ หลังๆก็ท้อแท้ ไม่อยากอยู่แล้ว ก็คิดจะกินน้ำยาล้างห้องน้ำ หรือจะผูกคอตาย หรือจะกระโดดตึก แต่ถ้าตกลงไปไม่ตายแล้วพิกลพิการจะเป็นภาระอีกไหมอะไรแบบนี้ จากอาจารย์ที่มีคนนับถือ กลายมาเป็นคนไม่มีอะไรเลย ก็คิดวนไปเรื่อยๆค่ะ

แล้วสุดท้ายทำไมเราถึงคิดได้?

ลำยอง : คือตอนนั้นนอนโทรมเลยนะคะ น้องสาวแท้ๆ บอกว่าไม่ต้องคิดมาก แล้วก็เอาเงินมาให้ แล้วก็พยายามที่จะพาเราออกไปจากตรงนั้น พาไปทำผม ทำเล็บ เสริมสวย เดินเล่นซื้อของ ดูแลตัวเอง เราเห็นหน้าน้อง เห็นหน้าหลานก็เลยรู้ว่ายังมีคนที่รักเราอยู่ ก็จิตตกอยู่นานพอสมควรเลยค่ะ เป็นปีก็ว่าได้ น้ำหนักลดเหลือประมาณ 38-39 กิโล เหมือนเนื้อติดกระดูกเลยค่ะ

เห็นว่ามีอยู่ค่ายนึง มีศิลปินดังมาก สบประมาทไว้ว่า หน้าอย่างเธอไม่น่าจะได้อยู่ค่ายนี้หรอก ณ ตอนนั้นรู้สึกยังไง?

ลำยอง : ณ ตอนนั้น ศิลปินดังมาก เขาเรียกเราว่าเจ้ อาจารย์จะเอาเจ้ไปค่ายไหน เราก็บอกไม่รู้แล้วแต่อาจารย์ อย่างเจ้ไม่เหมาะหรอกกับค่ายแกรมมี่ เพราะเจ้แต่งตัวโป๊ เขาไม่เอาหรอกหมอลำบ้านๆ พูดแค่นี้พอ ก็ที่ผ่านมาก็คิดมาเสมอว่าเราไม่เหมาะกับค่าย เพราะเราแต่งตัวเซ็กซี่มาก แต่ถ้าเข้าไปได้ก็เป็นบุญแล้ว คือตอนนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะอาจารย์บอกให้เงียบๆ ไว้ก่อน 

จุดไหนที่ทำให้เราลุกขึ้นมาก้าวไปต่อ?

ลำยอง : ตอนนั้นน้องสาวเปิดร้านอาหารแล้วมีหุ้นส่วนอยู่ เขาบอกให้ไปดูแลร้านให้หนูหน่อย เราก็ตัดสินใจไป แล้วเราก็ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที เพื่อเรียกแขกเข้าร้าน แต่ตอนนั้นหมดหวังไม่อยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงแล้วนะ คิดแค่ว่าเอาพอสนุกได้ติ๊บ ได้พวงมาลัยแค่นั้นก็พอแล้ว ร้องไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา หลายคนรู้จักเรา ชื่นชอบเรา ในขณะเดียวกันเราก็เริ่มกอบกู้ชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อยๆ จนดังในที่สุด หลายๆค่ายจากที่เคยปฏิเสธเรา ก็ติดต่อเรากลับมาอีกครั้ง

มีข่าวว่าหลอกผู้ชายซื้อบ้านให้ 10 ล้าน จริงไหม?

ลำยอง : คือต้องบอกว่าเรื่องนี้ มีอาจารย์คนนึงที่เรานับถือ แล้วผู้ชายคนนี้เขาก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหมือนกัน เป็นคนจีนค่ะ ก็มีการคุยกันทางโซเชียลหลายเดือนอยู่ค่ะ แล้วเขาก็บินมาเจอกันที่เมืองไทย คือเขาอยากมาดูหน้าเรา อยากทำความรู้จักตัวเราจริงๆ ก็ไปกินข้าวกันอะไรอย่างนี้ แล้วเขาก็ชอบเรา ที่จริงเขาก็ชอบเรามาตั้งแต่อยู่ในโซเชียลแล้ว กินข้าวเสร็จ เขาก็ไปส่งเราที่บ้าน เขาก็ถามเราว่าคุณอยู่แบบนี้เหรอ? เราก็บอกเขาไปว่า "ฉันเป็นคนประหยัดอยู่ยังไงก็ได้ ไม่ชอบมาฟุ่มเฟือยกับอะไรพวกนี้" หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน เขาก็บอกว่าจะซื้อบ้านให้เรา เป็นเงินสดค่ะ ต้องบอกด้วยนะคะว่าเราหมั้นกันแล้ว มีแหวนเพชรและบ้านเป็นของหมั้น แล้วก็มีรถด้วยอีกคันนึงค่ะ แต่หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือนเราก็เลิกกันค่ะ เพราะด้วยอยู่ห่างไกลกันแล้วก็ต่างคนต่างพูดคนละภาษา เวลาคุยกันก็ต้องใช้ล่าม จากที่คุยกันทุกวัน ก็เหลืออาทิตย์ละครั้ง เดือนละครั้ง เราก็ไม่ค่อยเข้าใจกันแล้วเขาก็หายไปเลย นั่นแหละค่ะ

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

พูดไม่เข้าหู! 'ศรราม'จวกแรง! 'หจจ'บอกให้เดินระวังๆ ทหารเหยียบกับระเบิดที่ชายแดน

ทุบเปรี้ยง! เดือน พ.ย.‘อิ๊งค์’ลาออกนายกฯ ก่อน‘ยุบสภา’อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง

‘หญิงพิการขา’สุดท้อลำบากอยู่แล้ว สามียังมาตกต้นไม้พิการอีกคน

‘น่าน’เคาะงบกว่า 100 ล้าน ฟื้นฟู-เยียวยาผู้ประสบภัยพายุ‘วิภา’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved