ด้วยพรสวรรค์และเลือดศิลปินที่มีในตัว ทำให้ “สวง จารุวิจิตร” หรือที่แฟนหนังแฟนละครรู้จักกันในชื่อ “น้ำเงิน บุญหนัก” นักแสดงอาวุโสผู้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมายาวนานกว่า 60 ปี สร้างสรรค์ทุกผลงานด้วยใจที่รัก จนกลายเป็นที่รักของลูกหลานคนบันเทิง รวมทั้งประชาชนคนดูมาถึงทุกวันนี้
“ปีที่แล้วมีละคร “ริมฝั่งน้ำ, ชาติเสือพันธุ์มังกร” ที่ออนแอร์ไป และที่ออนแอร์อยู่ตอนนี้มี“บ่วงนฤมิต” ทางช่อง 3 ค่ะ งานแสดงยังมีให้ได้ชมเรื่อยๆมีผู้จัดหลายคนติดต่อมา ถ้าคิวแม่ว่าง ก็รับ แต่ถ้าเรื่องไหนไม่สะดวกก็ต้องปฏิเสธกันไป มีผู้จัดหลายคนน่ารักมาก พอคิวแม่เรื่องนี้ไม่ได้ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรไว้รอเรื่องหน้าถ้ามีบทที่เหมาะสมก็จะเลือกแม่อีก”
ด้านสุขภาพ
แม่ขับรถมากองถ่ายเองนะ ไปถ่ายชาติเสือพันธุ์มังกรมา ยังถูกผีหลอกที่นครนายกเลย (หัวเราะ) ขับรถเป็นตั้งแต่อายุ 17 แล้วค่ะ ไปไหนมาไหนก็จะไปคนเดียว ถ้ามีคนมานั่งด้วย จะขับรถไม่เป็นเลยเดี๋ยวเขากลัวว่าเราขับไม่ดี ก็จะไปของเราคนเดียวไม่กลัวอะไร คือถ้าเป็นคน แม่ไม่กลัว ใจแม่แข็งกลัวอย่างเดียว คือกลัวผี... ตั้งแต่ขับรถมาไม่เคยชนใครด้วย เพราะว่าเป็นคนรอบคอบอันไหนสมควรเร็วไหม ไม่ใช่ว่าเหยียบคันเร่งอย่างเดียว ตรงไหนมีซอกมีซอย เราก็ต้องระวัง เพราะว่าสมัยนี้ขับยาก มอเตอร์ไซค์เยอะสายตายังดีอยู่ค่ะ เคยไปตัดแว่นมา แต่ใส่ไม่ได้ ก็เลยถอดทิ้งไปแล้ว (ยิ้ม) ใช้สายตาปกติดีกว่า อ่านหนังสือโดยไม่ต้องใส่แว่น ตอนนี้ก็อายุ 76 แล้ว ล่าสุดไปหาคุณหมอเจาะเลือดมา ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ 4 เดือน หมอนัดหนหนึ่ง ปรากฏว่ามีไขมันสูงนิดหน่อย คุณหมอก็ให้ยามากิน แต่ว่าโรคอื่นไม่เป็นนะคะ และโรคประจำตัวที่เป็นตั้งแต่เด็ก คือภูมิแพ้ ซึ่งเราเป็นกันทั้งตระกูลอยู่แล้ว ความดันเบาหวานไม่เป็นเลยตับไตดีหมด ส่วนเรื่องเจ็บปวดตามเข่าไขข้อ บางทีมันก็เป็นบ้าง ด้วยความที่เราเล่นละครนั่งพับเพียบนานๆ
เคล็ดลับสุขภาพดี
ไปตรวจสุขภาพตามที่คุณหมอนัด แล้วคุณหมอคนนี้เรารักษามานาน จะสอนเหมือนแม่เป็นนักเรียนเลยค่ะ ว่าอย่าไปทานอาหารแบบนี้นะ ปลาหมึกสด กุ้ง อาหารทะเล กะทิ หมูสามชั้น ทุเรียน ถ้าอยากกินก็สักเม็ดสองเม็ด แล้วก็ต้องเพิ่มยาไปสู้กับมัน (หัวเราะ) ส่วนเรื่องออกกำลังกายนี่ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะว่าเป็นคนขยัน อยู่บ้านมีคนเอาหมามาปล่อย แล้วมันออกลูกมา 7 ตัว ขนาดว่าไปโรงพยาบาลนะ ยังต้องแวะจอดรถที่ห้างเพื่อซื้ออาหารมาให้มัน มีหลานอยู่ด้วย แต่ว่างานบ้านแม่ทำเอง ไม่เคยจ้างใคร ไม่ได้ให้หลานมาทำให้ คือมีหลานที่เป็นลูกของน้องชาย แล้วเราก็เลยเอาหลานมาเลี้ยงเหมือนลูก เพราะว่าน้องชายเสียไปแล้ว เลี้ยงลูกเขามา 4 คน และน้องสะใภ้อีกคนหนึ่ง กับครอบครัวคือเราก็เคยมี แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แยกกันไปเรามาอยู่คนเดียว ก็มีลูกของน้องชายนี่แหละที่คอยดูแล เขาโตกันหมดแล้วล่ะ ทำงานทำการกันหมดแล้ว ตัวเราเองก็สบายดี มีความสุขดี ดูแลตัวเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ อย่างบางทีเราเป็นไข้ไปถ่ายละคร เราก็ยังต้องไปถ่ายให้เขาเลย เพราะว่าเรารับงานเขามาแล้ว เราต้องรับผิดชอบ ไม่สบายนิดๆหน่อยๆ เราก็ต้องไป คือรีบกินยา รีบดูแลตัวเอง แต่ถ้าอันไหนที่มันหนักจริงๆ เราก็ค่อยบอกเขา คือเราเข้าใจการทำงานนะ เพราะว่าเขานัดตัวละครไว้แล้วเยอะแยะ ค่าเช่าที่ก็แพง ดังนั้นเราก็ต้องรับผิดชอบตัวเราเอง รับงานมาแล้ว เราต้องทำให้สำเร็จ ถ้าจะไปทิ้งงานทิ้งการเขานั้นไม่เคยเป็นค่ะ มันทำไม่ได้จริงๆ เราสงสารเขา ค่าใช้จ่ายเขาเท่าไหร่ เขาเหนื่อยเท่าไหร่
ย้อนวันวานกว่าจะเป็น ‘น้ำเงิน บุญหนัก’
เข้าวงการมา เล่นหนังเรื่องแรก ก็ได้เล่นเป็นนางเอกตอนเด็ก ลูกสาวของ “ป๋าส. อาสนจินดา”ชื่อ “น้ำเงิน บุญหนัก” เลยค่ะ เป็นชื่อที่ “ครูเนรมิต”ซึ่งเป็นผู้กำกับหนังสมัยก่อน และเป็นคนที่ปั้น “คุณรุจน์รณภพ” ขึ้นมา ท่านมากำกับหนังเรื่อง “สาปสวรรค์” ของ “เสนีย์ บุษปะเกศ” ซึ่งเราก็ได้เล่นเป็นลูกของป๋า ส. กับ “พี่มารศรี ณ บางช้าง” คือตอนนั้นก็รุ่นๆ สาว กำลังแตกเนื้อสาว และที่จริงในเรื่องเขาจะให้ผอมนะ แต่ด้วยความที่เรากำลังโต ก็เลยจะอ้วนหน่อย และจะบอกว่าที่จริงแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นหนังหรอกนะคะ มันอาจจะเป็นเพราะดวงของเรา คือคุณพ่อรับราชการ ท่านก็ถามว่าโตขึ้นจะเรียนอะไร เราก็บอกว่าเรียนหมอ ชอบเรียนหมอ แต่วันนึงเราได้ไปที่กองดุริยางค์ทหารบก ไปกับเพื่อน เขามีดนตรี เราก็วัยรุ่นนะ ไปเที่ยวไปฟังดนตรีกัน ปรากฏว่าไปเจอ “หม่อมหลวงทรงสอางค์ ทิฆัมพร” สามีท่านเป็นนายทหารใหญ่ ท่านคุมตรงนั้น แล้วท่านก็เรียกเราให้เข้าไปหา เราก็เข้าไปกราบท่าน แล้วท่านก็เอามือมาจับที่แก้มเปิดผมเราดู และถามว่าเล่นหนังไหม เราก็นึกในใจ เอ๊ะ..เข้าท่าดีเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ว่าจะต้องไปถ่ายที่ราชบุรี ถ้ำจอมทอง เพราะว่าในเรื่องเราจะต้องถูกขังอยู่ที่นั่น ก็เลยลองเสี่ยงดูซึ่งหม่อมหลวงทรงสอางค์ท่านเป็นผู้สร้างหนัง หนังเข้าฉายที่โรงหนังแกรนด์ก็ถือเป็นการแจ้งเกิดในการแสดง นางเอกหน้าใหม่ หลังจากนั้นป๋า ส.กับครูเนรมิต ก็เลยปรึกษากันว่าเรื่อง “สาปสวรรค์” ไปถ่ายตามป่าตามเขาเราเปลี่ยนชื่อให้เปี๊ยกดีกว่าเป็น “น้ำเงิน บุญหนัก”ทุกวันนี้ก็ใช้ชื่อนี้ในการแสดงมาตลอด ส่วนชื่อเดิมตามบัตรประจำตัวประชาชน จะชื่อเหมือนป๋าต๊อกเลยค่ะ (หัวเราะ) คุณยายเป็นคนตั้งให้ คือคนโบราณชอบพูดคำเดียว ตอนที่เราเกิดเขาก็ถามว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไรคุณยายก็บอกว่า “สวง” เขาเลยเขียนเลย เด็กหญิงสวงเลยเป็นสวงจนถึงทุกวันนี้ และในบัตรประชาชนก็ยังเป็นชื่อเดิมที่คุณยายตั้งให้นี้อยู่
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
หลังจากนั้นก็ได้เล่นหนังอีกเยอะแยะตามกันมา เรียกว่าเป็นร้อยๆ เรื่อง และได้รับพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทองจาก “ในหลวงรัชกาลที่ 9” สองปีซ้อน จากหนังเรื่อง “นางสาวโพระดก” ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเสด็จไปทอดพระเนตรด้วย ทุกวันนี้ก็ยังเก็บภาพถ่ายนั้นไว้อย่างดี เป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุด หลังจากนั้นปีที่ 2 “อาดอกดิน” กำกับเรา แต่เราไม่ได้ไปร่วมงานประกาศรางวัล เพราะคิดว่าเราก็คงจะไม่ได้แล้ว แต่ปรากฏว่าเราก็ได้รางวัลอีกจากเรื่อง “กาเหว่า” ซึ่งพอเป็นรางวัลที่พระราชทาน ใครจะไปรับแทนก็ไม่ได้เราก็เลยต้องไปรับทีหลัง แล้วมีละครอีกเรื่องที่ภาคภูมิใจมากคือละครเทิดพระเกียรติ “คิดถึงสมเด็จย่า” ก็เล่นไว้นานแล้วเหมือนกันค่ะ
ด้วยสายเลือดบวกกับพรสวรรค์
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบการแสดงตอนไหน คือก็เล่นไปเรื่อยๆ แล้วอาจจะเป็นที่ดวงเรา คือพรสวรรค์บวกกับสายเลือด ที่คุณปู่ท่านเป็นพระยา หรือว่าคุณพระอยู่กับรัชกาลที่ 6 เราก็อ่านตามประวัติของท่านนะคะ คุณปู่เราก็เหมือนเป็นมือขวาคนสนิท เป็นคนจัดเรื่องเขียนละคร และท่านก็ได้เหรียญพระราชทานเต็มเลยอยู่ที่บ้าน แล้วนามสกุลเดิมของเรา “จารุวิจิตร” เป็นนามสกุลพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 ก็เลยคิดว่าตัวเองน่าจะได้สายเลือดศิลปินมาจากคุณปู่ ส่วนคุณพ่อรับราชการ คุณแม่เป็นคนจีน ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับการแสดง ซึ่งทุกวันนี้เราก็ยังคิดนะว่าเราน่าจะได้ตรงนี้มาจากคุณปู่อย่างแน่นอน แล้วพี่น้องไม่ได้มีใครเลยที่ชอบทางด้านนี้ มีเราโผล่มาคนเดียว (ยิ้ม) คุณพ่อคุณแม่และที่บ้านเขาก็ไม่ได้มายุ่งกับเรา ในเรื่องของงานรายไดในตอนนั้นนะคะ สมัยนู้นค่าตัวก็ไม่ได้กี่ตังค์หรอก เราก็เหมือนว่ามีรายได้ไว้ใช้เองโดยที่ไม่รบกวนทางบ้านมากกว่า ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากเหมือนอย่างดาราในสมัยนี้แต่ก็มีความสุขในการทำงาน ถือว่าเราก้าวย่างเข้ามาแล้วเราต้องทำให้เต็มที่ เรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีพ่อครูเป็นสิ่งที่เราเคารพนับถือ พ่อครูดึงเราเข้ามาแล้ว เราก็ต้องทำงานอันนี้ให้ประสบความสำเร็จ อย่าไปทิ้งๆ ขว้างๆ เงินจะได้หรือไม่ได้เราก็ต้องทำให้เต็มที่
นักแสดงที่เล่นด้วยบ่อยที่สุด
กับ “คุณมิตร ชัยบัญชา” ถือว่าได้เล่นด้วยกันเยอะที่สุดนะคะ คือเล่นเป็นน้องสาวเขาบ้าง เป็นแฟนบ้าง แล้วแต่ นอกเรื่องแล้วนั้นถือว่าเราสนิทกัน มีอะไรเขาก็บอกก็สอนเรา ในฐานะที่เราเป็นน้อง กับ “อี๊ด-เพชรา” ก็เล่นกันด้วย เป็นพี่เป็นน้องกันบ่อย
ภาพจำจากคนดู
จากเรื่อง “สาปสวรรค์” ก็ทำให้มีคนจำเราได้ เดินไปไหนมาไหนคนก็จำได้ คนรู้จักเอาดอกกุหลาบมาให้ เขารักเขาชอบเรา คือเหมือนว่าตอนนั้นเรากำลังโตเป็นสาวน่ารัก(ยิ้ม) ส่วนงานละครก็ได้เข้ามาเล่นตอนที่อายุมากแล้ว เล่นเรื่องแรกของ “พี่หรั่ง สังวริบุตร” เรื่อง “ปลาบู่ทอง” เล่นเป็นแม่ของนางเอก หลังจากนั้นก็เล่นมาเรื่อยๆ อีกเรื่องที่คนจำได้และละครดังมากก็คือเรื่อง “กระสือ” ทางช่อง 7 คือเราเล่นเป็นกระสือยายสาย คนติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง เด็กๆ กลัวยายสายกันหมด
ถ้าวันนี้ไม่ได้มาเป็นนักแสดง
ก็คงจะเป็นหมอค่ะ เพราะว่าเราบอกคุณพ่อแล้วตั้งแต่เด็กว่าเราชอบหมอ ตามดวงเราแล้วคือสามารถเรียนมาทางด้านหมอได้ พระเคยดูดวงให้แล้วบอกว่าเรียนหมอได้สบาย เพราะว่าดาวพฤหัสเป็นดาวดี แต่บังเอิญว่าได้มาเป็นนักแสดงซะก่อน ก็เลยไม่ได้เป็นหมอเลย บางทีก็บอกกับตัวเองนะว่าอย่าไปคิดอะไรมากเลย เขาให้เรามาอย่างนี้แล้ว พ่อครูให้เรามาแล้ว เราก็ต้องตามท่าน เราเป็นนักแสดงมาจนถือว่าเป็นอาชีพไปแล้ว ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวถึงเวลาเราก็ไปเองแหละ เดี๋ยวนี้คนจากกันไปง่ายๆ นักแสดงก็ค่อยๆ ร่อยหรอไปทีละคนๆ เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไร และยังจะเล่นละครทำการแสดงต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเรายังมีคิวว่างนะ แต่ถ้าไม่ว่างก็ต้องบอกปัดเขาไป บางคนก็เข้าใจนะแต่บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วเราก็อยากจะเล่นให้นะ อยากรับทุกเรื่องทุกค่ายแหละ เพราะว่าเราก็รู้จักกันทั้งนั้น เป็นลูกเป็นหลานกันหมด
ความรู้สึกกับนักแสดงรุ่นใหม่ๆ
นักแสดงเด็กๆ รุ่นใหม่ต้องบอกว่าแม่ชื่นชมเขานะลูก เขาเล่นเก่งกันนะ เข้ามาบางทีคือเล่นได้ปร๋อเลย ไม่ต้องตัวโตหรอก แค่ตัวเล็กเด็กๆ 5-6 ขวบ เล่นได้ ร้องไห้ได้ ทำหน้าทำตา ก็ชื่นชมเขาคือเขาก็เป็นคนทำงานดีกันนะ รักษาเวลา นัดเช้าเขาก็มาเช้า คือเราก็เจอแต่เด็กๆ ที่เขามีวินัยมีความสามารถกัน อย่าง “เจมส์ มาร์” ที่เจอกันในเรื่อง “ชาติเสือพันธุ์มังกร” เขาก็น่ารักนะและอีกหลายๆ คน ที่ได้มาเล่นเป็นลูกเป็นหลานเรา เขาก็ขยันกัน ขนาดว่าเขาจะสอบ ยังเอาตำราไปอ่านที่กองด้วยเลย ทั้งอ่านบท อ่านหนังสือ ชื่นชมที่เขามีวินัยกันเขาก็รู้จักว่าแม่เป็นนักแสดงเก่า เขาก็เป็นห่วงเป็นใยทักทาย ให้ความเคารพกัน ตรงนี้แม่ก็รู้สึกดีใจค่ะกับผู้ชมคนดูปัจจุบันนี้เวลาไปไหนมาไหน ไปห้างคนก็เข้ามาชื่นชมมาทักทายขอถ่ายรูปด้วย เราก็ยินดีเขาไม่ได้มาทำอะไรเรา เขาชื่นชมเรา ขอถ่ายรูปจับมือได้เลย ดีใจที่เขายังไม่ลืมเรา เขาอุตส่าห์ติดตามเราทุกเรื่อง เขาก็ถามว่าเล่นเรื่องอะไรต่อจะตามดูต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามผลงานของแม่นะคะ จะยังคงเล่นละครให้ได้ดูกันต่อไปเรื่อยๆ เจอกันที่ไหนก็เข้ามาทักทายได้ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ
และนี่ก็คือ “น้ำเงิน บุญหนัก” อีกหนึ่งนักแสดงชั้นครู ที่ลูกหลานคนบันเทิงต่างยกให้เป็นบุคคลต้นแบบทางการทำงาน
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี