ถ้าเอ่ยชื่อ “โน้ต-ศรัณย์ คุ้งบรรพต” ในบทบาทหน้าที่การงาน เขาคือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสรรหาและว่าจ้างบุคลากร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เรียกว่าเป็น“ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง” แต่อีกมุมหนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะในแวดวง “ดนตรี” รู้จักเขาเป็นอย่างดีในฐานะ “นักร้องหนุ่มเสียงคุณภาพ” ที่มากด้วยความสามารถและมีทั้งถ้วยและเหรียญรางวัลเป็นเครื่องการันตี ล่าสุดเร็วๆ นี้“โน้ต” ขอสานฝันให้กับตัวเองอีกครั้งด้วยการออกซิงเกิ้ลแรกในชีวิต และวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากยิ่งขึ้น
เล่าเรื่องราวตอนเด็กให้ฟังหน่อยว่า ด.ช.ศรัณย์ เป็นยังไง
“เป็นเด็กนครสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดและเรียนจนถึงมัธยมปลายก็เป็นเด็กทั่วๆ ไป ตั้งใจเรียน คุณพ่อคุณแม่พยายามดูแลเรื่องการเรียนอย่างเต็มที่ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะกิจกรรมภายในโรงเรียนหรือนอกโรงเรียนก็ตาม รวมไปถึงการประกวดร้องเพลงด้วยที่ได้เข้ามาทำจริงๆ สักประถม 3 ก็ได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลงยุวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย หรือเคพีเอ็น อวอร์ด เป็นเคพีเอ็น จูเนียร์ อวอร์ด ในปี 2534นอกจากนั้นพอประกวดร้องเพลงชนะ ก็ได้ทำเรื่องอื่นๆ อีกเยอะ ตามมาเยอะมากเลยครับ ทั้งร้องเพลงในโอกาสต่างๆ ได้มาทำงานกับศิลปินเยอะแยะเลย รวมถึงการทำงานในวงการบันเทิง ได้เล่นละครกับช่อง 3 ในเรื่อง “ใครๆ ก็ไม่รัก” ค่ายยูม่า แล้วได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ไปเผยแพร่วัฒนธรรม ในฐานะที่เป็นยุวชน ตัวแทนประเทศไทย
ทำไมจากชีวิตนักบริหาร มาจับไมค์ร้องเพลง แถมได้ข่าวซุ่มทำซิงเกิ้ลของตัวเองอยู่ด้วย
“ต้องบอกว่ามันไม่ใช่การพลิกผัน ไม่ใช่เปลี่ยนจากอีกอันมาเป็นอีกอันนึง แต่มันอยู่มาด้วยกันตลอด การร้องเพลงอยู่กับโน้ตมาตั้งแต่เด็กๆ ยังไม่สิบขวบเลยมันเริ่มต้นมานานแล้ว โดยเฉพาะความรักในการร้องเพลงรักที่จะร้องเพลง ชอบ แต่งานที่เป็นการบริหาร หรือทรัพยากรบุคคล มันเป็นงานหลักที่เราทำด้วยความรักอีกแบบหนึ่ง เป็นสิ่งที่เราทำได้และทำได้ดีอีกแบบหนึ่งดังนั้นมันคือการที่เราควบคู่ไปสองอย่างด้วยกัน และมันเป็นสิ่งที่โน้ตมองว่าไม่อยากขาดด้านใดด้านหนึ่งไปเลย ถ้าขาดการร้องเพลงเราคงไม่กระชุ่มกระชวย คงไม่ได้ใช้ด้านอารมณ์ของเรา แต่ถ้าขาดงานประจำไปความสนุกที่เราไปเจอทีมงาน ไปเจอเจ้านาย ไปเจอเพื่อนร่วมงานเราหลายๆ คนมันก็จะหายไปอีกเช่นเดียวกันถ้าทิ้งงานออฟฟิศ การที่เราประสบความสำเร็จเพื่อองค์กรเพื่อตัวเราและทีมงาน มันก็จะหายไปดังนั้นมันคือการที่เราจะตีคู่ด้วยกันอย่างไรให้ประสบความสำเร็จทั้งสองอย่างมากกว่าครับ ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่โน้ตรัก อยากจะดูแลมันไปเท่าที่เราทำไหว และเวลายังเอื้ออำนวยให้เราทำมันคู่กันไปแบบนี้ มันเติมเต็มจิตใจเรา และเติมเต็มการทุ่มเทเวลาของเราได้ดีทั้งคู่ครับ ก็เลยมองว่าไม่ใช่การพลิกผัน แต่เป็นสิ่งที่เราทำมาด้วยกันอย่างนี้ นานมากแล้ว
และถ้าขาดอันใดอันหนึ่งไปคงเหงาพอสมควรครับส่วนงานเพลงเร็วๆ นี้ก็จะมีซิงเกิ้ลแรกในชีวิตให้ได้ฟังกัน แต่ขอเก็บไว้เป็นความก่อน”
ทำไมถึงลุกขึ้นมาทำซิงเกิ้ลของตัวเอง
“จริงๆ โน้ตตั้งตนแบบนี้ก่อน ในความเป็นนักร้องของเรา เราทำมาหลายรูปแบบมากแล้วครับ โน้ตแสดงสดประกวด เป็นนักพากย์ให้ดิสนีย์ จริงๆ สปอร์ตโฆษณา การใช้เสียงต่างๆ ทำมาหมดทุกอย่างแล้ว มันน่าสนใจตรงที่ว่า มันขาดอยู่อย่างเดียว คือการเป็นศิลปินที่มีเพลงเป็นของตัวเองแล้วขาย ก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเออทำไมเราไม่คิดทำ ทำไมไม่มีโอกาสทำมันสักที จนมาถึงจุดที่ เฮ้ย หลายๆ คนเขาก็เริ่มมีได้ แล้วเขาก็ทำได้เราก็น่าจะทำได้เพราะหลายๆ อย่างเราพร้อมอยู่แล้ว เราคิดว่าน่าจะลองดู เลยได้คุยกับหลายๆ คนที่เป็นรุ่นพี่ในวงการที่เป็นนักร้อง มีโปรไฟล์การทำงานคล้ายๆ เรา อย่างเช่นพี่กบ-เสาวนิตย์ ก็คุยกัน ว่าจริงๆ เราทำได้ เรามีแมดทีเรียลแล้วการทำเดี๋ยวนี้ก็ไม่ยาก เราตั้งเป้าของตัวเองว่า เราไม่ได้มองว่าเราต้องมีชื่อเสียงโด่งดังอะไรไปมากกว่านี้หรือต้องการให้เป็นอะไรที่ต่างจากนี้มากมาย แต่สิ่งที่เรามองว่าเราอยากจะตั้งธงให้เป็นผลของการทำโปรเจกท์นี้ คือหนึ่งมันต้องตอบโจทย์ทางใจเราก่อนว่าเราทำแล้วเรามีความสุข เราต้องไม่มานั่งเสียดายทีหลังว่าไม่น่าทำเลย นั่นคือข้อที่หนึ่ง อย่างที่สอง งานที่เราทำต้องเป็นสิ่งที่เราเชื่อและมีความรักกับมัน ไม่ว่าจะด้วยเพลง ด้วยคอนเทนต์มัน ด้วยวิธีการเล่าเรื่อง ด้วยเนื้อหามันเราต้องอินกับมันจริงๆ แล้วมันจบได้ในตัวเรา ในเชิงความรู้สึก อย่างที่บอกเราจะไม่มีการกลับมาคิดว่าเฮ้ยโห รู้อย่างนี้ทำอย่างนี้ดีกว่า ไม่อยากให้เกิดสิ่งนั้นขึ้น สามโน้ตมองว่าเราน่าจะสามารถสร้างผลงานที่เราภาคภูมิใจและเป็นผลงานเพลงดีๆ อันหนึ่งเอาไว้ให้กับวงการ แม้ว่าคนอาจจะฟังน้อย ไม่ได้เยอะ ไม่มีชื่อเสียงมากมายแต่น่าจะเป็นงานที่ดีงานหนึ่งที่ไม่สร้างกระแสอะไรลบๆ หรือเป็นเพลงที่ชวนให้คนทำอะไรไม่ดี คิดอะไรไม่ดี อย่างน้อยก็เป็นเพลงที่จรรโลงคนเราให้มีความสุขกับงานของเราได้นี่คือสามอย่างที่โน้ตมองไว้และคิดว่านี่คือตัวตั้งของโปรเจกท์นี้ครับ”
นอกจากงานที่ทำเยอะแยะหลายอย่างมากมายทำอะไรอีกบ้าง
“อย่างที่เล่าไปครับ นอกจากเป็นนายธนาคาร การเป็นอาจารย์ การเป็นนักเขียนและร้องเพลง จริงๆ ก็ทำให้ชีวิตเรายุ่งมากอยู่แล้วสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างดึงเวลาเราออกไปในทิศทางที่แตกต่างออกไป นอกเหนือจากที่พูดไปแล้ว จริงๆ มีมุมของละครเวที ละครเพลงที่โน้ตก็ได้รับโอกาสดีๆ จากผู้ใหญ่โดยเฉพาะค่ายดรีมบ็อกซ์ที่ได้ให้โอกาสโน้ตในการเข้าไปเล่นละครเพลง ซึ่งกำลังมีเรื่อง
ที่สามกับดรีมบ็อกซ์ ในปี 2019 นี้ คือเรื่องน้ำเงินแท้จะได้เข้าไปร่วมเล่น เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญในนั้นด้วย สองคืองานพากย์ของดิสนีย์ อันนี้เป็นอีกโอกาสหนึ่งเช่นเดียวกัน ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสร่วมงานกับดิสนีย์ แล้วได้ไปพากย์เป็นตัวละครสำคัญในการ์ตูนของดิสนีย์และภาพยนตร์ของดิสนีย์สองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกเรื่องโมอาน่า พากย์เป็นตัวร้ายตัวนึง เป็นปูปีศาจ อีกเรื่องคือ Beauty and the Beast ไปพากย์เป็นตัวหลักคือตัวเชิงเทียน ลูมิแอร์ เป็นงานพากย์ที่ท้าทายอีกงานหนึ่งเหมือนกัน นอกเหนือจากนั้นโน้ตใช้เวลาที่เหลือในการท่องเที่ยวไปในที่ที่เรารู้สึกว่าเราไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปง่ายๆสองเป็นคนชอบถ่ายรูป ก็จะผูกไปด้วยกัน ได้เที่ยวและถ่ายรูป ก็พบว่าเราลงรูปเยอะมากในอินสตาแกรมเราก็เน้นว่าได้เที่ยวแล้วต้องได้ลงรูปสวยๆ ด้วย จะมีความสุขมากเวลาได้ลงรูปสวยๆ โดยที่ไม่ต้องเป็นรูปเราหรอกนะ ขอแค่ว่าเป็นรูปที่ดูแล้วโอเค ดูสวยงามเราก็จะแฮปปี้ที่ได้ทำมัน นอกจากนั้นจะกลับบ้านต่างจังหวัดครับที่นครสวรรค์ เพราะโดยส่วนตัวชอบอยู่บ้าน ติดบ้าน เวลาได้กลับบ้านต่างจังหวัดจะมีความสุขทุกครั้งเพราะได้ใช้เวลากับครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ท่านก็เกษียณแล้ว ญาติพี่น้องต่างๆ เราก็ดีใจได้เจอเขาได้นั่งพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ เรื่องบ้าบอคอแตกไม่ได้มีแก่นสาร ได้หัวเราะด้วยกัน ได้นั่งดูทีวีด้วยกันก็มีความสุขแล้ว เพราะฉะนั้นจะใช้เวลากับเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากงานที่พูดไปแล้ว ก็มีงานเสริมเข้ามา มีงานพากย์การ์ตูน มีละครเพลง แล้วจะไปเที่ยว ถ่ายรูป และชอบกลับบ้าน อยากกลับบ้านต่างจังหวัดที่นครสวรรค์ครับ”
แบ่งเวลาในการทำงานอย่างไร และงานที่ทำอยู่รักงานไหนมากที่สุด
“ถ้าตอบแบบโลกสวยก็จะบอกว่ารักทุกงานแต่มันก็จริง เพราะแต่ละงานมันค่อนข้างเติมเต็มคนละแบบคนละจุดประสงค์กัน ดังนั้นมันจะมีจุดที่เราไม่ได้บอกว่ารักอย่างเดียว มีจุดที่เราทั้งรักและเจ็บปวดกับมัน คนละแบบแตกต่างกันไปแต่มันคือรสชาติของชีวิตจริงๆ มันมาเติมเต็มรสชาติชีวิตคนละแบบ ต้องพูดแบบนี้มากกว่า การทำงานในองค์กร มันเติมเต็มในเรื่องการทำงานที่มีความมั่นคง มีความภาคภูมิใจอยู่ในนั้น ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่มีความเก่งกาจ มีความน่ารักอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมาเติมเต็มส่วนหนึ่งของโน้ต เช่นเดียวกันงานร้องเพลงเป็นอะไรที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เด็กเหมือนสิ่งที่เราอ้าปากแล้วเราร้องเพลง เราทำได้เลย แล้วเราก็ได้ใช้ความสามารถแบบหนึ่งของเราซึ่งอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะงานสอน งานเขียนมันตั้งบนสิ่งที่ว่าเป็นสิ่งที่เราทำได้และมีประโยชน์ ไม่ใช่ประโยชน์แค่ตัวเราอย่างเดียวโน้ตมองว่าเราทำแล้วประโยชน์ก็ตกกับคนอื่นด้วยเหมือนกัน ถ้าเรามีเวลาที่จะทำได้ทำไมเราจะไม่ทำ เราได้แสดงความสามารถ เราได้สร้างประโยชน์กับตัวเองกับคนอื่น ทำไมเราจะไม่ทำ ดังนั้นเลยตอบได้เลยว่าสี่งานที่ทำเป็นประจำ มันเซิร์ฟ ตอบโจทย์บทบาทที่แตกต่างกันไป เติมเต็มหัวใจที่แตกต่างกันไป
ถ้าให้จำกัดความคำว่า ‘โน้ต-ศรัณย์’
“คิดว่าน่าจะเป็นคำว่าที่สุด คือเป็นคนสุดในทุกๆ เรื่อง ถ้าจะทำอะไรจะทำอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะทำพร้อมๆ กันหลายอย่างก็จะทำให้สุดในทุกๆ เรื่องพร้อมๆ กันได้ในเวลาเดียวกัน ถ้าทำงานก็ต้องทำเต็มที่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะร้องเพลง งานออฟฟิศ งานสอน งานเขียนก็จะเต็มที่อยู่แล้วขณะเดียวกันในชีวิตส่วนตัวถ้าจะเล่นก็เล่นไร้สาระได้ตลกที่สุดเหมือนกันเวลาอยู่กับเพื่อน ก็จะไม่เอาเรื่องซีเรียสมาใส่ในหัวเรา ก็สุดได้เหมือนกัน เวลาสนุก ไปเที่ยวไปอะไรก็เต็มที่ หรือถ้าบทเราจะไม่ทำอะไร เราจะขี้เกียจ เราก็ขี้เกียจได้สุดเช่นเดียวกัน คือจะนอนเฉยๆ จะไม่ทำอะไรเลย จะทำตัวให้คนอื่นนำ เพราะเรานำมาเยอะแล้ว เราทำตัวเหมือนเราเป็นผักลอยไปตามเพื่อนบ้าง ตามครอบครัวบ้าง ก็จะเต็มที่ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องมีสาระ ไร้สาระ เรื่องตลกโปกฮา เราทำได้อย่างเต็มที่และทำได้อย่างดีด้วย ในความรู้สึกโน้ต”
และนี่คือ ชีวิตผู้ชายที่ชื่อ “โน้ต-ศรัณย์ คุ้งบรรพต”กับหลากหลายเส้นทางที่เขาเลือกเดินเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี