หากกล่าวถึงอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีไทยที่ศิลปินหลายคนต่างยอมรับว่าเป็นบรมครูคงต้องนึกถึง “ครูเอื้อ สุนทรสนาน” เจ้าของวงดนตรีสุนทราภรณ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยความสามารถทางด้านดนตรีชนิดที่หาตัวจับได้ยากท่านยังได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก จากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประจำปี พ.ศ.2553 อีกด้วย ล่าสุดมูลนิธิสุนทราภรณ์ เพื่อรำลึกถึงวันจากไปของครูเอื้อ สุนทรสนาน ครบปีที่ 32 จึงได้เตรียมจัด"คอนเสิร์ต "บูชา-อาลัย ๓๒ ปี ครูเอื้อ สุนทรสนาน กับ ศรวณี โพธิเทศ" คอลัมน์ “สตาร์ เรโทร” ครั้งนี้ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า จึงได้รวบรวมเรื่องราวพร้อมร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน
สำหรับเรื่องราวอัจฉริยบุคคลทางดนตรีของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน ผู้นี้เกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2453 เป็นชาวอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เดิมทีมีนามเดิมว่า "ละออ" ต่อมา บิดาให้นามใหม่เป็น "บุญเอื้อ" และได้มาเปลี่ยนอีกครั้งในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็น "เอื้อ" เมื่ออายุได้ 7 ปี ก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ กับหมื่นไพเราะ พจมาน ผู้พี่ชายซึ่งรับราชการอยู่ในกรมมหรสพ เมื่อจบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดระฆังโฆษิตารามแล้ว ได้ศึกษาทางด้านดนตรีที่โรงเรียนพรานหลวง ณ สวนมิสกวัน พระเจนดุริยางค์ อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเป็นครูคนแรกที่เห็นพรสวรรค์ด้านฝีมือเล่นดนตรีของ เด็กชาย จึงให้หัดเล่นไวโอลิน เมื่ออายุ 14 ปี ครูเอื้อ ก็ได้เป็นนักดนตรีอายุน้อยที่สุดของกองเครื่องสายฝรั่งหลวงในกรมมหรสพ กระทรวงวัง รับพระราชทานยศเป็น "เด็กชา" ต่อมาได้เลื่อนยศขึ้นไปเล่นวงใหญ่ เมื่ออายุ 16 ปี ได้รับพระราชทานยศ "พันเด็กชาตรี" และ "พันเด็กชาโท" ในปีถัดไป
เมื่อครูเอื้ออายุ 22 ปี ได้โอนไปรับราชการ สังกัดกรมศิลปากรในสังกัดกองมหรสพ ในช่วงนี้ที่พรสวรรค์ทางด้านประพันธ์เพลง เริ่มฉายแววให้เห็นขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง จากการแต่งทำนองเพลงแรก ชื่อ "ยอดตองต้องลม"ให้คณะละครร้องของแม่เลื่อน ไวณุนาวิน มีเฉลิม บุณยเกียรติ เป็นคนแต่งคำร้อง
นอกจากนี้ ท่านได้ขับร้องเพลงแรกคือ "นาฏนารึ" คู่กับนางสาววาสนา ละออ เสียงของครูเอื้อไพเราะมากจนได้ร้องเพลง "ในฝัน" แทนเสียงพระเอกภาพยนตร์เรื่อง "ถ่านไฟเก่า" ของบริษัทไทยฟิลม์ ที่ก่อตั้งโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ นายพจน์ สารสิน และนายชาญ บุนนาค
ชื่อเสียงที่โด่งดังขึ้น มาอย่างรวดเร็ว ทำให้ครูเอื้อตั้งวงดนตรีขึ้นคือวง "ไทยฟิลม์" ตามชื่อบริษัทภาพยนตร์ แต่ว่าก่อตั้งได้เพียงปีเศษ กิจการบริษัทไทยฟิลม์ที่สร้างภาพยนตร์มีอันต้องเลิกกิจการไป วงดนตรีไทยฟิลม์ก็พลอยสลายตัวไปด้วย
จากนั้นไปอีก 1 ปี ทางราชการตั้งกรมโฆษณาการ เผยแพร่ผลงานของรัฐบาลทางวิทยุกระจายเสียง มีนายวิลาศ โอสถานนท์ เป็นอธิบดี นายวิลาศเห็นว่าควรมีวงดนตรีประจำในกรมฯ จึงปรึกษาหลวงสุขุมนัย ประดิษฐ์ คุณหลวงก็แนะนำให้โอนครูเอื้อจากกรมศิลปากรมาประจำอยู่กรมฯ เป็นหัวหน้าวงดนตรีของกรมฯ ครูเอื้อจึงได้เป็นข้าราชการของกรมโฆษณาการ หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 จนเกษียณราชการในปี พ.ศ.2513 ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกบันเทิงต่างประเทศ ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้จ้างพิเศษให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการดนตรีต่ออีก 2 ปี
เมื่อหมดภาระหน้าที่ราชการ ครูเอื้อได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2516 ด้วยพื้นฐานทางดนตรี ทั้งไทยเดิมและไทยสากล ทำให้ครูเอื้อผสมผสานเส้นทางดนตรีทั้งสองแบบขึ้นมา มีจุดพบกึ่งกลางที่ดนตรีแบบไทยสากล คือมีการเรียบเรียงเสียงประสานและจังหวะลีลาศแบบสากล แต่ก็มีเนื้อร้องและวิธีการร้องแบบไทย เช่น การเอื้อนเสียงในการร้อง
นอกจากนี้ครูเอื้อดัดแปลงท่วงทำนองเพลงไทยเดิมให้เหมาะสมกับยุคสมัยใหม่ เล่นด้วยเครื่องดนตรีสากล และร้องตามแบบสากลได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน จนเป็นแบบฉบับเฉพาะตัว เพลงเหล่านี้ส่วนใหญ่จะตั้งชื่อให้มีเค้าเดิมของที่มา เช่น เพลง "พรพรหม" ดัดแปลงจาก "แขกมอญบางขุนพรหม" "เสี่ยงเทียน" ดัดแปลงจาก "ลาวเสี่ยงเทียน" "ทะเลบ้า" ดัดแปลงจาก "ทะเลบ้า สองชั้น"
ด้วยฝีมือและพรสวรรค์ดังที่กล่าวมา ครูเอื้อจึงได้ก่อตั้งวงดนตรีส่วนตัว เพื่อบรรเลงเพลงไทยสากลตามแบบที่ถนัด ในสถานที่ต่างๆ นอกเวลาราชการ ตั้งชื่อว่า "สุนทราภรณ์" โดยนำนามสกุล "สุนทรสนาน" มารวมกับชื่อ "อาภรณ์" ซึ่งเป็นชื่อของธิดาพระยาสุนทรบุรี และคุณหญิงสอิ้ง คือคุณอาภรณ์ กรรณสูต สุภาพสตรีผู้ซึ่งต่อมาได้สมรสกับครูเอื้อ ทั้งสองมีธิดาด้วยกันคนเดียวคือ คุณอติพร (สุนทรสนาน) สมรสกับพลตำรวจโทสันติ เสนะวงค์ มีธิดา 2 คน คือ วราภรณ์ และ อรอนงค์
ชื่อเสียงของครูเอื้อขจรขจายควบคู่มากับวงดนตรีสุนทราภรณ์ ซึ่งเป็นวงดนตรีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2482 ครูเอื้อมีความสามารถพิเศษที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง คือ เป็นได้ทั้งคีตศิลปินสร้างสรรค์ผลงานเพลง และสร้างนักร้องหน้าใหม่ทั้งชายและหญิงได้ขับร้องเป็นดาวเสียงประดับฟ้าไทย จำนวนมากมาย หลายรุ่นด้วยกัน แต่ละคนได้ร้องเพลงตามแนวที่ตัวเองถนัดจนประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม ได้ชื่อว่ามีน้ำเสียงและเพลงประจำตัวที่เป็นอมตะมาจนทุกวันนี้ เช่น มัณฑนา โมรากุล วินัย จุลบุษปะ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ศิลปินแห่งชาติ ศรีสุดา รัชตวรรณ เลิศ ประสมทรัพย์ สมศักดิ์ เทพานนท์ รวงทอง ทองลั่นทม ศิลปินแห่งชาติ และบุษยา รังสี
นอกจากนี้ท่านยังได้ร่วมงานกับนักแต่งเพลงที่มีฝีมือเลิศอีกเป็นจำนวนมากเช่น ครูแก้ว อัจฉริยกุล สุรัฐ พุกกะเวส "ธาตรี" ศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ สร้างผลงานเพลงที่ยั่งยืนทั้งในรูปของละครเพลง เช่น จุฬาตรีคูณ กามนิต-วาสิฏฐี และเพลงไทยสากลเป็นจำนวนกว่าสองพันเพลงตลอดชีวิตการทำงานของครูเอื้อ
นอกเหนือจากความรักในเพลง สิ่งสูงสุดที่บำรุงจิตใจให้ทำงานได้อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยตลอดมาคือ พระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ครูเอื้อปลาบปลื้มที่สุดวันหนึ่งในชีวิตนักดนตรีก็คือ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2512 ที่ครูเอื้อได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานเหรียญรูปเสมาทองที่มีพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. จากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 วงดนตรีสุนทราภรณ์
ตลอดระยะเวลา 42 ปี ครูเอื้อทำงานทั้งงานราชการ งานประพันธ์เพลงติดต่อกัน และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องในฐานะหัวหน้าวงดนตรี โดยไม่เคยหยุดพักผ่อนเลย ปกติครูเอื้อเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อ และไม่มีโรคประตัว จนกระทั่งถึงปลายปี พ.ศ.2521 เริ่มป่วย แพทย์ได้เอ็กซเรย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายขนาดเท่าลูกเทนนิสที่บริเวณปอดด้านขวา จึงได้เเข้ารับการรักษา แต่ครูเอื้อก็ยังทำงานตามปกติ จนถึงปลายปี พ.ศ.2522 มีอาการทรุดลง จึงเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล แล้วก็กลับไปรักษาที่บ้านต่อ ระหว่างที่ป่วยอยู่นั้นครูเอื้อได้รับพระราชทานดอกไม้เยี่ยมถึง 2 ครั้ง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ในช่วงปี พ.ศ.2523 ครูเอื้อได้เดินทางพร้อมนายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะกรรมการไปเข้าเฝ้า ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร และได้มีโอกาสขับร้องเพลงถวายเป็นครั้งสุดท้าย เพลงที่ร้องถวายคือเพลง "พรานทะเล" เพลงสุดท้ายที่ครูเอื้อร้องบันทึกเสียง อยู่ในชุด "พระเจ้าทั้งห้า" เป็นการรวบรวมผลงานเพลงที่ท่านบันทึกเสียงในช่วงปลายชีวิต บางเพลงก็อัดไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เพลงอีกส่วนหนึ่งท่านบันทึกใหม่ พร้อมด้วยเพลงสำคัญที่สุดคือเพลง "พระเจ้าทั้งห้า" เพลงนี้ครูเอื้อของให้ครูสุรัจ พุกกะเวส ประพันธ์คำร้องโดยบอกความประสงค์เป็นแนวในการใส่คำร้องและบันทึกเทปไว้ให้ ทางวงดนตรีและลูกศิษย์ถือกันว่าเป็นเพลงประจำตัวครูเอื้อ ระหว่างการบันทึกเสียงร้อง ครูเอื้อต้องพักเป็นระยะๆ เพราะมะเร็งลุกลามถึงขั้นสุดท้าย ทำให้หายใจลำบาก ต้องใช้วิธีตัดต่อเสียงทั้งเพลง แต่ท่านก็ร้องได้จนจบ "คลอด" เสียงไวโอลินที่ไพเราะ "กินใจ"ได้อารมณ์ที่สุด กล่าวกันว่าเรียกน้ำตาจากผู้ใกล้ชิดครูเอื้อได้ทุกครั้งที่ได้ยิน
ตั้งแต่เดือน ธันวาคม พ.ศ.2523 เป็นต้นมา อาการของครูเอื้อก็ได้ทรุดลงเป็นลำดับ จนถึงวันที่ 1 เมษายน 2524 ท่านก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบ รวมอายุได้ 71 ปี 2 เดือน 11 วัน ครูเอื้อ สุนทรสนาน ได้รับพระราชทานโล่เกียรติยศในฐานะศิลปินตัวอย่างผู้ประพันธ์เพลง ประจำปี พ.ศ.2523-2524 แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ครั้งที่ 4 โดยมี คุณอติพร เสนาะวงศ์ บุตรี เป็นผู้รับแทน (ข้อมูลบทความโดย รศ.ดร.คุณหญิง วินิดา ดิถียนต์ ศิลปินแห่งชาติ)
สำหรับคอนเสิร์ต "บูชา-อาลัย ๓๒ ปี ครูเอื้อ สุนทรสนาน กับ ศรวณี โพธิเทศ" ถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้ เวลา 13.30 - 17.30 น. ณ โรงละครแห่งชาติ ถนนราชินี โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้วงดนตรีสุนทราภรณ์วงใหญ่ พรศุลี วิชเวช นำทีมดาวค้างฟ้าและคลื่นลูกใหม่ สุนทราภรณ์ ร่วมด้วยนักร้องรับเชิญ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ ศิลปินแห่งชาติ ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ สุดา ชื่นบาน และฉันทนา กิติยพันธ์ ที่มาร่วมขับร้องเพลงไพเราะที่ "สุนทราภรณ์" ขับร้องไว้ อาทิ พระเจ้าทั้งห้า คิดถึง ยอดดวงใจ ขอให้เหมือนเดิม พรานทะเล กังหันต้องลม ฯลฯ และร่วมรับฟังเพลงสนุกๆ อาทิ สงครามเพศ รักฉันสักคน ทะเลบ้า โดย สุดา ชื่นบาน และ ฉันทนา กิติยพันธ์ พร้อมด้วยเพลงกลิ่นราตรี เมื่อเธอกลับมา ไต้ร่มไทร โดย ศรวณี โพธิเทศ นักร้องเสาอากาศทองคำสามปีซ้อน และเจ้าของรางวัลอารีดังอวอร์ดจากประเทศ เกาหลี
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียด จองได้ที่ศูนย์บริการสุนทราภรณ์ 081-285-1427 รับฟรีประวัติครูเอื้อ เขียนโดย ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี