เริ่มต้นบนเส้นทางบันเทิงจากจากการถ่ายโฆษณา และแสดงมิวสิกวีดีโอจนครองตำแหน่งหนุ่มโสดในฝัน ปี 2548 ของนิตยสาร “คลีโอ” ทำให้ “อั๋น-วิทยา วสุไกรไพศาล” เข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวในภาพยนตร์ “โคลิคเด็กเห็นผี, แฝด” ก่อนจะเข้าเซ็นสัญญากับ “ทีวีธันเดอร์” จนทำให้มีผลงานละครทางช่อง 3 ออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแจ้งเกิดในบทเด่นละครดังอย่าง “มงกุฎดอกส้ม” และละครเรื่องอื่นๆ ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจผันตัวเองจากนักแสดงในสังกัด มารับงานอิสระเมื่อไม่นานมานี้ จนกลายเป็นกระแสกับผลงานเปรี้ยงปร้างอย่าง “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” ทางช่องวัน นับเป็นการเริ่มต้นที่นับว่ามาถูกจังหวะ และเร็วๆ นี้กับละครทางช่อง 8 “สางนางพราย” โดยวันนี้ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ขอเปิดใจ “อั๋น-วิทยา” กับบทบาท “นักแสดงอิสระ”
เล่นละครนอกค่าย?
“พอดีเป็นช่วงกระจายส่ง ว่าหมดสัญญาและผู้ใหญ่ก็มีคุยว่าจะอิสระว่าสามารถร่วมงานกับที่อื่นได้และก็ยังร่วมงานกับช่องได้ ก็ออกมาด้วยดีครับ ถามว่าตัดสินใจนานมั้ย ก็นานเหมือนกัน ก่อนผมจะรับละครของช่องวันและช่อง 8 ผมก็มีเวลากะว่าเคลียร์งานของช่องให้เรียบร้อยก่อน แต่ว่าด้วยจังหวะเวลา จริงๆ พอผมหมดมานานแล้วนะแต่ว่าผมก็รอเวลาจนเหมือนกับพอถึงเวลาแล้วมั้งก็เลยตัดสินใจรับละครช่องอื่นๆ ซึ่งละครเรื่องแรกก็คือเล่นกับช่องวัน แต่ก็ยังมีละครที่ค้างกับช่อง 3 อยู่คือ “ฟ้าฝากรัก” ก็เคลียร์เรียบร้อย”
เส้นทาง ‘นักแสดงอิสระ’ กับบท ‘หมอ’ ใน ‘ใบไม้ที่ปลิดปลิว’ ดังมาก?
คือผมก็ไม่คิดว่าจะดังไม่ดังเลยตอนที่เล่น ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดครับ ผมทำงานตั้งแต่เข้าวงการมาก็คิดแต่ว่าทำหน้าที่ในฐานะนักแสดงให้ดีแล้ว ส่วนฟีดแบ๊กผลถือว่าเป็นของขวัญคุณผู้ชมที่มอบให้ผมและอาจจะเอ็นดู ก็คงมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ผมเองก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งแต่ก็เชื่อว่าจากองค์ประกอบอีกเยอะที่ทำให้คนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบทละครหรือว่าผู้กำกับ นักแสดงร่วมทีมงานหรือว่าจังหวะเวลา บทก็ช่วยส่งให้พวกผมด้วย เพราะว่าถ้าพูดถึงบทของหมอก็คือ ถ้าคนที่ดูละครเขาจะรู้หมดแล้ว แต่ถ้าดูในฐานะของตัวละครบางอย่างก็คือตัวละครนั้นจะไม่รู้เรื่องทั้งหมดเหมือนคนดู ดังนั้นเขาก็จะดูบทว่าหมอดูเป็นคนดีนะ รับนิราที่เป็นผู้ชายแปลงเพศได้ นิราเหมือนกับว่าไม่มีใครเพราะงั้นมันจะมีที่พักพิงก็คือบ้านคุณหมอแล้วก็ คนที่คอยช่วยเหลือก็มีไม่กี่คนซึ่งหมอก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นมันก็ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามหมอได้ว่าหมอห้ามมีความรักนะ ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าคนก็อาจจะเอาใจช่วยตรงที่ว่าหมอก็รู้นี่ว่าเขาเป็นใครมาก่อนเรื่องราวในชีวิตเขาเป็นยังไง แต่ก็ยังจะดูแลเขา ผมว่าคนดูก็เลยอยากจะโหยหาคนแบบนี้ คือในชีวิตจริงอยากจะเจอคนแบบนี้บ้าง
10 กว่าปีในวงการเป็นอย่างไรบ้าง?
ผมก็โอเคนะ ผมก็อยู่ของผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็โอเคถือว่าไปต่อได้ แล้วก็ยังมีผู้จัดมองเห็นว่าผมยังมีความสามารถที่จะถ่ายทอดตัวละครออกมาได้ก็ติดต่อมอบหมายงานมาให้แล้วผมก็ทำหน้าที่รับผิดชอบงานให้ดีที่สุด
พออิสระแล้วงานมากกว่าเดิม?
ก็มีเข้ามาบ้างเรื่อยๆ แต่ก็ดูว่าช่วงเวลานี้สามารถที่จะลดหรือเพิ่มงานได้ไหม คือถ้าทำได้แล้วเวลาโอเค รวมทั้งบทน่าสนใจก็โอเค ส่วนหนึ่งพอเป็นอิสระ ก็จะมีงานเข้ามาให้เลือกเยอะขึ้น ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผม และคนดูจะได้ทำอะไรที่แปลกใหม่เสมอ
มีลิมิตการเล่นเลิฟซีนไหม?
จริงๆ ผมมีเล่นเลิฟซีนตั้งแต่เข้าวงการนะคนแรกเลยนะ ฟ้ากับตะวัน เล่นกับพอลล่า จุ๊บอย่างนี้เหมือนกันเลย ต่อมาก็กับน้องเอ๊ะ-อิสริยา เรื่องสาปภูสาแล้วก็ริต้าซึ่งผมไม่แน่ใจในมณีสวาท แต่เหมือนคุ้นๆ ว่าจะมี แต่จริงๆ มันมีมาเรื่อยๆ ครับเพียงแต่ว่าไม่ได้เยอะเท่านั้นเอง แต่พอระยะหลังมีมาเยอะขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาประมาณไหน
พอใจกับชีวิตที่ผ่านมากับงานที่ผ่านมา?
เวลาเริ่มงานใหม่ผมก็เหมือนเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งนะครับ ก็คือต้องมาหาคาแร็กเตอร์มาหาตัวละคร และก็ยังทำงานเหมือนเดิมยังรับผิดชอบตัวละครที่รับมา เล่นให้เต็มที่เหมือนเดิมด้วยตัวเอง แต่ว่าที่แตกต่างก็คือ ด้วยประสบการณ์ที่นักแสดงแต่ละคนมากขึ้นก็สามารถที่จะตีความให้มันมากขึ้นได้กว่าเดิม เพราะว่าสมัยก่อนอาจจะประสบการณ์ยังน้อย การที่จะตีความหรืออะไรมันก็อาจจะยังน้อยพอประสบการณ์มากขึ้นได้เล่นหลายๆ บท ก็ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด มารวมและเอามาเลือกว่าจะเอาจังหวะประมาณไหนอารมณ์ประมาณไหน และที่สำคัญคือต้องฟังผู้กำกับว่าภาพรวมเขาจะเอาแบบไหน เพราะว่าจริงๆ ทุกครั้งก่อนทำงานเตรียมไป แต่ผู้กำกับเขาเหมือนอยากได้ประมาณไหนเราก็จะฟังแล้วเราก็กลับไปทบทวนและปรับ ไม่ใช่ว่าเตรียมไปแล้วจะอย่างนั้นเลย ก็ต้องฟังว่าสิ่งที่ผู้กำกับต้องการประมาณนี้นะ เพราะผู้กำกับแต่ละคนเขาจะมีภาพและวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน
อย่างเรื่องนี้ ‘สางนางพราย’ ทางช่อง 8 อ่านบทแล้วชอบอย่างไร?
ก็ดีนะครับ เพราะว่ามีทั้งอดีตกับปัจจุบันจะมี 2 อย่างทำให้มีเรื่องราวที่มาสัมพันธ์กันได้เพราะเป็นช่วงจังหวะที่ทุกคนเคยเกิดอยู่ในอดีตแล้วมาเจอกัน แต่ปัจจุบันเหมือนเกิดมาในภพชาติเดียวกัน เลยมีเรื่องราวแล้วก็มันเป็นเรื่องของโบราณคดี ซึ่งก็ไม่เคยเล่นคาแร็กเตอร์ตัวละครเป็นนักโบราณคดีก็ต้องไปศึกษา อ่านเพิ่มเติมว่าอารมณ์ประมาณไหนจะได้เข้าใจมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นละครที่เคยโด่งดังมาก่อน แต่ว่าครั้งนี้คาแร็กเตอร์ใหม่ครับ จะไม่เหมือนเวอร์ชั่นที่แล้วฉะนั้นก็ลืมเวอร์ชั่นเก่า มองแต่เวอร์ชั่นใหม่ไว้ด้วยความสัมพันธ์ของตัวละครแล้วก็ในพาร์ทอดีตผมจะเป็นเจ้าเมืองที่ยึดครองเมือง คือระหว่างเมืองเมธานครกับเมืองของผมคือ เมืองศรีเทพนครก็เหมือนจะผูกสัมพันธ์กัน มีเรื่องราวความขัดแย้งขึ้นก็ต้องดูว่าจะเป็นยังไง
เรื่องธุรกิจล่ะตอนนี้ต้องหยุด?
ตอนนี้คือ โฟกัสละครอย่างเดียวก่อน เดี๋ยวจะไม่ไหว ถ้าทำหลายอย่าง งานนักแสดงก็น่าจะโอเคอยู่แล้วนะครับ ตอนนี้ คิวก็ค่อนข้างแน่นแล้วครับ เพียงแต่ว่าอาจจะยังไม่ได้เต็มมากยังมีช่วงได้พักบ้าง คือ ผมต้องการพักนิดนึงเพื่อเตรียมการบ้านเตรียมร่างกาย
อิสระแล้วคิวทองมากขึ้นไหม?
จริงๆ ก็คล้ายเดิมนะ ปรับแค่รูปแบบการทำงานที่ใหม่ต้องเรียนรู้ระบบเขา แต่ว่าในการทำงานยังรู้สึกเหมือนเดิม เราต้องเตรียมรูทีนอะไรของเราเหมือนเดิม เพียงแค่ว่าทุกอย่างมันจะกระชั้นขึ้นระยะเวลามันสั้นขึ้นเราก็ต้องพุชตัวเองให้สั้นขึ้น ส่วนเรื่องค่าตัวก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ก็ไม่รู้นะว่าของใครเท่าไหร่นะ ก็คิดว่าโอเคที่เลี้ยงตัวได้
เหนื่อยบ้างไหมกับงานในวงการ ใช้อะไรในการแก้ไขให้ผ่านไปได้?
ก็มีช่วงเหนื่อยหรือว่าท้อบ้างครับ คือช่วงไหนที่มีกำลังใจไม่เหนื่อยร่างกาย ไม่เหนื่อยมากก็มีแรงที่จะเฮ้ย แต่ถ้าช่วงไหนที่รู้สึกว่าเหนื่อยร่างกายมันก็จะดึงจิตใจไปด้วย แต่ว่าก็ต้องรักษาภาพของตัวเองไว้ เพราะเวลาทำงานมันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ คือช่วงก่อนนับ 5-4-3 จะเป็นยังไงก็ได้ แต่หลังจาก 5-4-3 หรือแอ๊กชั่นก็ต้องเป็นตัวละครต้องเล่นให้ได้เท่านั้นเอง มันจะเป็นช่วงๆ ครับเหมือนวัฏจักร ก็ตอบไม่ได้หรอกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงนี้ไม่เป็น ถึงเวลาเป็นจะรู้
ถ้ารู้แล้วก็จะหาวิธีก็นั่งนิ่งๆ แล้วก็ลองดูสิบางอย่างถ้าแก้ได้ก็แก้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องปล่อยไปก่อน ใช้ความนิ่งจัดการกับสิ่งเหล่านี้ครับ เพราะยิ่งถ้าไปทำอะไรอย่างอื่นมันอาจจะเกิดผลกระทบหรือผลที่มันไม่ดีกลับมา สู้อยู่นิ่งๆ ก่อน เพราะว่านิ่งๆ มันไม่มีไปกระทบใครอยู่แล้วไงครับ ยิ่งไปทำอะไรที่มันไปกระทบภายนอก แต่โดยที่อาจจะไม่ได้ตั้งใจมันอาจจะมีผลกระทบ แต่ถ้านิ่งๆ อยู่กับตัวเองรับรองไม่ได้ไปกระทบใครแน่นอนนอกจากตัวเอง
เข้าวัดสวดมนต์บ้างไหม?
ก็มีสวดมนต์บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับว่าเข้าวัด อาจจะมีไปสวนสาธารณะบ้าง ไปนั่งดูต้นไม้ ดูน้ำก็จะช่วยได้ แต่ส่วนใหญ่ผมจะนั่งนิ่งๆ มากกว่าครับ
อยากทำอะไรอีกไหม?
ไม่แล้วครับก็เป็นนักแสดงนี่แหละ แต่ว่างานเบื้องหลังก็คงไม่ รับงานไปเรื่อยๆ ถ้ายังสามารถทำได้และยังมีคนเห็นว่าสามารถที่จะทำมันต้องแมทช์กัน คือคิดฝั่งเดียวไม่ได้ 7 วันกับการทำงานก็คิดว่าคงพอแล้วมั้ง เจ้าตัวฝากติดตามผลงาน#สางนางพราย ละครฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี #ช่อง8ที่ทุกคนต้องดูออกอากาศให้ชม ในวันจันทร์ที่25 พฤศจิกายน นี้ เวลา 18.40 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี