ถือเป็นนักแสดงอาวุโสมากฝีมืออีกคนของวงการบันเทิง สำหรับ น้ำเงิน บุญหนัก หรือ สวง จารุวิจิตร มีชื่อเล่นว่า เปี๊ยก อายุ 80 ปี เป็นทั้ง นักแสดงและนักพากย์ชาวไทย
เข้าสู่วงการการแสดงครั้งแรกเมื่อปี 2499 จากการชักนำของ ม.ล.ทรงสอางค์ ทิฆัมพร ผลงานแรกคือภาพยนตร์เรื่อง สาปสวรรค์ เมื่อ พ.ศ. 2498 โดยใช้ชื่อในวงการว่า “ดาวรุ่งฟ้า” ประกบกับ ส.อาสนจินดา,เชาว์ แคล่วคล่อง และ จุฑารัตน์ จินรัตน์ โดยรับบทเป็น รุ่งทิพย์ นางเอกวัยเด็ก และมีชื่อเสียงจากเรื่องชาติเสือ แสดงกับ มิตร ชัยบัญชา และเรวดี ศิริวิไล ออกฉายเมื่อ พ.ศ. 2500 จากนั้นก็มีผลงานตามมาอีกเรื่อยๆ น้ำเงินได้รับรางวัลตุ๊กตาเงินสาขานักแสดงหญิงสมบทยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง นางสาวโพระดก เมื่อ พ.ศ. 2508 และได้รับรางวัลตุ๊กตาทองสาขาเดียวกัน จากภาพยนตร์เรื่อง กาเหว่า เมื่อ พ.ศ. 2509
ต่อมา ป้าน้ำเงินได้แสดงละครโทรทัศน์ด้วย ได้รับบทบาทเด่น เป็นต้นว่า กระสือยายสาย ในละครเรื่อง “กระสือ” ทางช่อง 7 เมื่อ พ.ศ. 2537 เมื่อสูงวัยขึ้นจึงเปลี่ยนไปรับบทเป็นนักแสดงประกอบและนักแสดงสมทบ เช่น ในละครเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง ทางช่อง 7 เมื่อ พ.ศ. 2538
อนึ่ง ป้าน้ำเงินยังเป็นนักพากย์ ผลงานเด่น คือ บทบาทท่านย่าต้นหลิว (Grandmother Willow) ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นของวอลท์ ดิสนีย์ เรื่องโพคาฮอนทัส (Pocahontas) เมื่อ พ.ศ. 2538 และโพคาฮอนทัส 2: ตำนานใหม่แห่งความรัก (Pocahontas II:Journey to a New World) เมื่อ พ.ศ. 2541
ผลงานในระยะหลัง ได้แก่ ภาพยนตร์ไตรภาคชุด ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ระหว่างปี 2550-2554, ละครโทรทัศน์ชุด เซน สื่อรักสื่อวิญญาณ ทางช่อง 5, เพียงใจที่ผูกพัน ทางช่อง 3ใน พ.ศ. 2553, ลูกไม้หลากสี ทางช่อง 7 ใน พ.ศ. 2556 โดยมีผลงานละครอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ล่าสุด “ป้าน้ำเงิน” กับละครเรื่องใหม่ล่าสุด “หนี้เกียรติยศ” จากค่าย สตาร์เฟรม ซึ่งทาง “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ได้รับโอกาสนี้ร่วมย้อนวันวานของนักแสดงอาวุโสท่านนี้โดยเล่าชีวิตวงการบันเทิงให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า
“แสดงครั้งแรกเมื่อปี 2498 ผลงานแรกคือภาพยนตร์ “สาปสวรรค์” เมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยใช้ชื่อในวงการว่า “ดาวรุ่งฟ้า” เริ่มมีชื่อเสียงจากเรื่อง “ชาติเสือ” แสดงกับ “มิตร ชัยบัญชา” ออกฉายเมื่อปี 2500 จากนั้นก็มีผลงานตามมาอีกเรื่อยๆ และบทเด่นอีกบทที่หลายคนจำได้ติดตาไม่มีวันลืมก็คือ บท “กระสือ” ยายสายจาก ละคร “กระสือ” ช่อง 7 ปี 2537 ซึ่งเป็นภาพติดตา ที่ทำให้หลายคนผวาหนัก เมื่อนึกถึง “กระสือ”
เล่นเรื่องแรกเป็นอย่างไงบ้าง ?
“ป้าแสดงตั้งแต่ยังสาวๆ เล่นเป็นลูกป๋าส. อาสนจินดา เข้าวงการมาก็เล่นหนังเรื่องแรก ก็ได้เล่นเป็นนางเอกตอนเด็ก ชื่อ “น้ำเงิน บุญหนัก” ป๋าแกก็เป็นคนตั้งให้ ตอนนั้นเล่นกับ “พี่มารศรี ณ บางช้าง”ตอนนั้นกำลังแตกเนื้อสาว ตอนนั้น ไม่ได้ตั้งใจเล่นหนังอาจเพราะดวง คือคุณพ่อรับราชการ ท่านก็ถามว่าโตขึ้นจะเรียนอะไร ก็บอกว่าเรียนหมอ แต่วันหนึ่งไปที่กองดุริยางค์ทหารบก กับเพื่อน เขามีดนตรีก็วัยรุ่นนะไปเที่ยวฟังดนตรีกัน ปรากฏว่าไปเจอ “หม่อมหลวงทรงสอางค์ ทิฆัมพร” สามีท่านเป็นนายทหารใหญ่ ท่านคุมตรงนั้น แล้วท่านก็เรียกให้ไปพบ ท่านก็จับที่แก้มเปิดผมดู และถามว่าเล่นหนังไหม ก็นึกในใจ เอ๊ะ..เข้าท่าดีเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ว่าจะต้องไปถ่ายที่ราชบุรี ถ้ำจอมทอง
เพราะว่าในเรื่องจะต้องถูกขังอยู่ที่นั่น ก็เลยลองเสี่ยงดูซึ่งหม่อมหลวงทรงสอางค์ท่านเป็นผู้สร้างหนังหนังเข้าฉายที่โรงหนังแกรนด์ก็ถือเป็นการแจ้งเกิดในการแสดง นางเอกหน้าใหม่
หลังจากนั้นป๋า ส. กับครูเนรมิต ก็เลยปรึกษากันว่าเรื่อง “สาปสวรรค์” ไปถ่ายตามป่าตามเขาเปลี่ยนชื่อให้เปี๊ยกดีกว่าเป็น “น้ำเงิน บุญหนัก” ทุกวันนี้ก็ใช้ชื่อนี้ในการแสดงมาตลอด ชื่อเดิมตามบัตรประจำตัวประชาชนชื่อเหมือนป๋าต๊อกเลย (หัวเราะ) คุณยายเป็นคนตั้งให้ คือคนโบราณชอบพูดคำเดียว ตอนที่เกิดก็ถามว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไรคุณยายก็บอกว่า “สวง” เลยเป็นสวงจนถึงทุกวันนี้ และในบัตรประชาชนก็ยังเป็นชื่อเดิมที่คุณยายตั้งให้”
งานหนังทำให้มีรางวัลการันตี?
“ถือเป็นรางวัลอันสูงสุด ป้านี่เล่นหนังเยอะแยะเป็นร้อยๆ เรื่อง ก็ว่าได้และได้รับพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทองจาก “ในหลวงรัชกาลที่ 9” 2 ปีซ้อนจากหนัง “นางสาวโพระดก” ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9ท่านเสด็จฯไปทอดพระเนตรด้วย ทุกวันนี้ก็ยังเก็บภาพถ่ายนั้นไว้อย่างดี เป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุด
หลังจากนั้นปีที่ 2 “อาดอกดิน” กำกับป้า แต่ไม่ได้ไปร่วมงานประกาศรางวัล เพราะคิดว่าคงจะไม่ได้แล้ว แต่ปรากฏว่าได้รางวัลอีกจากเรื่อง “กาเหว่า” ซึ่งพอเป็นรางวัลที่พระราชทาน ใครจะไปรับแทนก็ไม่ได้ก็เลยต้องไปรับทีหลัง แล้วมีละครอีกเรื่องที่ภาคภูมิใจมากคือละครเทิดพระเกียรติ “คิดถึงสมเด็จย่า” ก็เล่นไว้นานแล้วเหมือนกัน
จากจอเงินชีวิตก็หันเหสู่จอแก้ว?
“กระสือดังมากทำให้ป้าแจ้งเกิด คือไปงานไปขึ้นเวทีกับป๋าต๊อก ตอนนั้นป๋าต๊อกแกจัดงานทำบุญวัดที่มีหลวงพ่อทององค์ใหญ่ ตลกก็ไปกันเยอะแยะป้าก็ได้ไปช่วยหาเงินเข้าวัด เพราะป๋าต๊อกเขาบอกว่ากำลังดัง (หัวเราะ) พอขึ้นไปบนเวทีป๋าต๊อกเล่นมุขกับป้าบนเวที กระสือ มาๆ พวกเด็กๆ ด้านหน้าเวทีกลัววิ่งหนีกันกระเจิง
การแสดงมาจากสายเลือด?
“ไม่รู้เหมือนกันว่าการแสดงมาจากสายเลือดมั้ยคือก็เล่นไปเรื่อยๆ แล้วอาจจะเป็นที่ดวง คือพรสวรรค์บวกกับสายเลือด ที่คุณปู่ท่านเป็นพระยา หรือว่าคุณพระอยู่กับรัชกาลที่ 6 จากที่เคยอ่านตามประวัติของท่านนะคะ คุณปู่ก็เหมือนเป็นมือขวา เป็นคนจัดเรื่องเขียนละคร น่าจะมีจากตรงนี้ด้วย ท่านได้เหรียญพระราชทานเต็มเลยอยู่ที่บ้าน แล้วนามสกุลเดิมของเรา “จารุวิจิตร” เป็นนามสกุลพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 ก็เลยคิดว่าตัวเองน่าจะได้สายเลือดศิลปินมาจากคุณปู่
คุณพ่อรับราชการ ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับการแสดง ทุกวันนี้ยังคิดนะว่าน่าจะมาจากคุณปู่ พี่น้องไม่ได้มีใครเลยที่ชอบทางด้านนี้ โผล่มาคนเดียว คุณพ่อคุณแม่และที่บ้านเขาก็ไม่ได้มายุ่ง ในเรื่องของงานรายได้ในตอนนั้น สมัยนั้นค่าตัวก็ไม่ได้กี่ตังค์หรอก ก็เหมือนว่ามีรายได้ไว้ใช้เองโดยไม่รบกวนทางบ้านมากกว่า ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากเหมือนอย่างดาราในสมัยนี้แต่ก็มีความสุขในการทำงาน ถือว่าก้าวย่างเข้ามาแล้วทำให้เต็มที่ ป้ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีพ่อครูเป็นสิ่งที่เคารพนับถือ ก็ต้องทำงานอันนี้ให้ประสบความสำเร็จ อย่าไปทิ้งๆ ขว้างๆ เงินจะได้หรือไม่ได้ก็ต้องทำให้เต็มที่”
ปีนี้อายุจะ 80 แล้ว?
“ยังไหว ป้าขับรถมากองถ่ายเองนะ ไปถ่ายจังหวัดใกล้ๆ ก็ขับรถไปเอง บอกให้กองแฟ็กซ์ แผนที่มา ที่เหลือก็จะจัดการเอง แกะแผนที่เก่งออก (หัวเราะ) ไปถ่ายชาติเสือพันธุ์มังกร มายังถูกผีหลอกที่นครนายกเลย (หัวเราะ) ขับรถตั้งแต่อายุ 17 แล้ว ก็จะชิน ไปไหนมาไหนก็จะไปคนเดียว ถ้ามีคนมานั่งด้วย จะขับรถไม่เป็นเลย เดี๋ยวกลัวว่าขับไม่ดี ก็จะไปคนเดียว ปีนี้อาจจะมีไม่ไหวมาก แต่ก็จะหาอะไรมาช่วยไม่ให้หลับ ไม่งั้นวูบแน่ๆ อย่างกองละคร หลายๆ กองก็จะมีรถตู้มารับ ป้าก็ไม่อยากให้เขามาเสียเวลาก็จะไปเองดีกว่า ไม่กลัวอะไร คือถ้าเป็นคนไม่กลัว ใจแข็งกลัวอย่างเดียว คือกลัวผี... ตั้งแต่ขับรถมาไม่เคยชนใครด้วย เพราะว่าเป็นคนรอบคอบอันไหนสมควรเร็วไหม ไม่ใช่ว่าเหยียบคันเร่งอย่างเดียวตรงไหนมีซอกมีซอย ก็ต้องระวัง เพราะว่าสมัยนี้ขับยาก มอเตอร์ไซค์เยอะ
อยากจะฝากอะไรถึงนักแสดงรุ่นใหม่?
“ป้าเป็นนักแสดงมาจนถือว่าเป็นอาชีพไปแล้ว ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวถึงเวลาเขาขอคิวและไม่ลืมเราก็แสดงว่า เรายังถือว่าเขาจำได้ ก็เวลาขอคิวมาแล้ว ก็จะให้คิวตามที่ขอ ไม่ใช่ มานิดหน่อย แล้วก็จะไปอีเวนท์ ถือว่าเขาซื้อตัวเรามาแล้ว ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
ต้องรักษาฝีมือการทำงาน เดี๋ยวนี้คนจากกันไปง่ายๆ นักแสดงก็ค่อยๆ ร่อยหรอไปทีละคนๆ ก็ไม่ได้คาดหวัง และยังจะเล่นละครทำการแสดงต่อไปเรื่อยๆ เพราะเราต้องขายฝีมือ บางคนเข้าใจนะแต่บางคนอาจอยากให้เล่นเพราะสงสาร แต่ถ้าบทนั้นเด่นจริงๆ ป้าก็สนใจเล่นนะ อยากรับทุกเรื่อง เพราะก็รู้จักกันทั้งนั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี