"ลำเพลิน วงศกร" เจ้าของเพลงดัง "ห่อหมกฮวกไปฝากป้า" ที่วันนี้จะมาเปิดเผยชีวิตวัยเด็กสุดลำบาก ไม่ได้เจอหน้าพ่อมานานเกือบ 20 ปี พร้อมเผยสิ่งที่ติดค้างในชีวิตหลังสูญเสียคุณตาก่อนมาเป็นศิลปินชื่อดังเพียงแค่ 7 วัน ผ่านทางรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่อง ONE31 ที่มีหนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญาเป็นพิธีกร
สถานการณ์โควิด-19 เป็นยังไงบ้าง?
ลำเพลิน : ผมว่าทุกวงการที่โดนผลกระทบนี้เข้าไป มันทำให้เราอย่างแรกเลยคือ ไม่ได้เจอหน้าแฟนเพลง แล้วก็ทำงานร่วมกันยากขึ้น แล้วแน่นอนเรื่องรายได้ งานโดนเลื่อนไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
รวมๆ แล้วเสียรายได้ไปทั้งหมดเท่าไหร่?
ลำเพลิน : ไม่ได้คำนวนไว้ แต่น่าจะประมาณหลักแสน ไม่ว่าจะเป็นละคร เพลง
เห็นว่าตอนเด็กๆ อยู่กับคุณตา คุณยาย พ่อ แม่แยกทางกัน ตอนนั้นชีวิตเกิดอะไรขึ้น?
ลำเพลิน : ช่วงเป็นเด็ก แม่กับพ่อ แยกทางกัน จำความได้ก็อยู่กับตา กับยาย ก็เหมือนตากับยายเป็นพ่อกับแม่เลย ผมผูกพันกับตา ยาย มากกว่าพ่อ กับแม่
ตแนนั้นที่บ้านลำบากไหมหรือว่าปานกลาง?
ลำเพลิน : ก็ไม่ถึงกับว่าลำบากมาก อยู่ปานกลาง พอมี พอใช้ได้อยู่ ตากับยายก็ทำนา
กับคุณตาเรียกว่าเป็นคนที่สนิทที่สุดในชีวิต?
ลำเพลิน : ใชครับ ตาไม่ยอมให้หลานต้องอด ถึงผมจะโตขนาดไหน ตาก็จะมองเป็นเด็กเสมอ ตอนนั้นผมไปเรียนตาก็ถามว่ามีตังใช้ไหม คือตอนนั้นผมมีตังอยู่ 500 บาท คือผมเรียนไม่เก่งแต่ผมชอบเล่นดนตรี เล่นกีฬา เกรดเฉลี่ยของผมตอนจบ ม.6 คือ1.97 แต่ครอบครัวไม่ได้ซีเรียสอะไรกับผมเลย เหมือนว่าผมอยากเป็นอะไรให้เลือกเอา ทำอะไรก็ได้ไม่ให้ครอบครัว และตัวเองเดือดร้อน ผมก็โอเค ผมตั้งเป้าหมายว่า ผมจะเป็นศิลปินให้ได้ ถึงผมจะเรียนไม่เก่งแต่ผมก็มีวิชาชีพติดตัว แล้วผมก็ตัดสินใจไปเรียนแล้วก็สมัครด้วยความสามารถ เพราะว่าเกรดเรามันเข้าไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยใช้ความสามารถไปเล่นดนตรีที่เราฝึกฝนตัวเอง
เห็นบอกว่าก่อนเป็นศิลปินเราเป็นนักมวยเดินสายมาก่อน?
ลำเพลิน : ตอนนั้นอาจจะเป็นคนดื้นหน่อยตามประสาเด็กบ้านนอก มีอยู่ครั้งหนึ่งครูที่โรงเรียนบอกไม่ไหวแล้ว เชิญผู้ปกครองมาว่าหลานตาไปต่อยเพื่อน จนเข้าโรงพยาบาล จริงๆ เป็นการรุมต่อย แต่ผมเป็นหัวโจกเลยต้องรับผิดคนเดียว แล้วช่วงนั้นประมาณ ม.2 เลยรู้สึกผิด ทำไมตาต้องมาโดนว่าทั้งที่เราเป็นคนทำ ผมเลยบอกกับตัวเองว่าจะไม่แกล้งเพื่อน ตัดสินใจไปเข้าค่ายมวย
ประสบความสำเร็จไหมกับการเป็นนักมวย?
ลำเพลิน : ไม่ครับ เพราะว่าผมต่อยเขาแล้วผมสงสารคนที่ผมต่อย ตอนนั้นต่อยไป 10 ครั้งก็มีทั้งแพ้ทั้งชนะ พอโตขึ้นมาผมรู้ว่ามันไม่ไหวแล้วร่างกายมันเจ็บ มันไม่ใช่ทางนี้ ก็เลยค้นหาตัวเอง มันมีเวทีหนึ่งที่ผมต่อยมวยเสร็จแล้วแม่บอกว่าไปร้องหมอลำให้ฟังหน่อย นั่นคือจุดพลิกผันของชีวิต
เห็นบอกเคยมาสมัครประกวดเวทีเดอะสตาร์ด้วย?
ลำเพลิน : ใช่ครับ 2 ปีครับ ตอนนั้นเดอะสตาร์ 6 เดอะสตาร์ 7 ตอนนั้นผมมองว่าผมก็ถามตัวเองว่าเราขาดอะไร แต่พอตอนนั้นกลับไปมองเขาไม่ใช่แค่ปั้นคนให้เป็นนักร้อง เขาปั้นคนให้เป็นดาว ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีแววว่าผมจะเป็นดาวได้
แล้วอะไรที่ทำให้เรามาเป็นศิลปินของแกรมมี่ได้?
ลำเพลิน : คือผมตั้งเป้าว่าผมอยากเป็นศิลปิน และด้วยแรงบันดาลใจอะไรหลายๆ อย่างที่ผมฟัง เราอยากเป็นอะไรเราพุ่งชน แต่ผมไม่ได้คิดว่าผมจะมาเป็นศิลปินของแกรมมี่นะ แต่มันเป็นความตั้งใจของตาผม
เห็นว่าหลังจากเซ็นสัญญาคุณตาเสีย?
ลำเพลิน : ใช่ครับ ผมตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ตาว่าผมได้เป็นนักร้อง และได้เป็นนักร้องที่แกรมมี่ด้วย และก่อนที่ผมจะเซอร์ไพรส์ตา ตาเซอร์ไพรส์ผมก่อน คือตาเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ความรู้สึกมันเหมือนว่าทุกครั้งที่ผมผมได้ไปหน้าเวที ได้มาออกรายการอยากให้ตาได้ดูเรา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ต้องยอมรับในสัจธรรมของชีวิต ผมก็เลยโอเคเราทำได้ดีที่สุดก็คือทำบุญให้ตา แล้วก็สานต่อปณิธานของตา เป็นคนดี กตัญญู รู้คุณคน
เกิดเหตุการณ์ประหลาดในวันที่มาเซ็นสัญญาที่แกรมมี่?
ลำเพลิน : วันนั้นไฟที่ชั้น 13 ดับแล้วมันดับอยู่ห้องเดียว คือห้องที่ผมเซ็นสัญญา วันนั้นผมร้องไห้สะอื้นผมรู้เลย ผมก็เลยบอกพ่อผมได้เป็นศิลปินแล้วนะ ซึ่งถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์ก็เกี่ยวกับไฟฟ้า
ได้ข่าวว่าลำเพลินมีเรื่องเสียใจอยู่เรื่องหนึ่ง?
ลำเพลิน : ถ้าพูดเกี่ยวกับตาก็มีเสียใจอยู่หลายเรื่อง แต่ที่เน้นๆ เลยคือความรู้สึกผม ผมดูแลทุกคนได้ที่เลี้ยงผมมา แต่ว่ากับตาผมได้แค่ทำบุญหา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะถึงไหม ตาคือทุกอย่าง คือฮีโร่ คือแนวทาง การเดินทางชีวิตของผม เมื่อวันหนึ่งตาต้องล้มลงแล้วจากไปก็เหมือนผมต้องเดินต่อไปคนเดียว
ลำเพลิน : อย่างหนึ่งที่ผมอยากเป็นศิลปินคือผมอยากเจอพ่อ เพราะว่าการเป็นศิลปินมันทำให้คนรู้จักเราเยอะขึ้น เราใช้โอกาสนี้ที่จะได้เจอกับพ่อ
ลำเพลินทักไปก่อนหรือพ่อทักมา?
ลำเพลิน : ผมทักไปหาพ่อก่อน เหมือนแต่ก่อนเราเคยติดต่อกันอยู่ แต่เหมือนพ่อทำเบอร์โทรศัพท์หาย ก็เลยกลายเป็นว่าห่างหายกันไปเลย
ห่างกันกี่ปีจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน?
ลำเพลิน : ประมาณ 17 ปีครับ ตอนนั้นผมน่าจะอยู่ช่วง ป.2-ป.3
แล้วเจอคุณพ่อในเฟซบุ๊ก สิ่งแรกที่ทักไป ทักไปว่าอะไร?
ลำเพลิน : ว่าสบายดีไหน พ่ออยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ตอนแรกไม่ตื่นเต้น แต่ตอนไปหาพ่อตื่นเต้นครับ ความผูกพันธ์มันไม่เหมือนพ่อลูกที่เขาอยู่ด้วยทุกวัน
ได้ถามไหมว่าทำไมไม่ได้อยู่อยู่ด้วยกัน?
ลำเพลิน : ผมไม่กล้าถาม เพราะวันนั้นแม่ไปด้วย คือแม่อยู่กับผมอยู่แล้ว ผมก็พาแม่ไปหาพ่อ วินาทีนั้นไม่กล้าถามว่าทำไม มันอาจจะเป็นเหตุผลของพ่อกับแม่ ซึ่งเรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี