22 เม.ย.56 สำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง ความเหมือนที่แตกต่าง? เดอะสตาร์ VS เอเอฟ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

แม้บิ๊กบอส ‘เอ็กแซ็กท์’ จะออกมาเคลียร์ปม ‘ล็อกโหวต’ แล้ว แต่ดูท่ามหากาพย์เรื่องยาวของเดอะสตาร์จะไม่จบลงง่าย ๆ ตราบใดที่ีข้อกังขายังคลุมเครือ

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ภายหลัง ‘บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ’ ผู้บริหารเอ็กแซ็กท์ ออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเมื่อ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ถึงกรณี ‘ปมล็อกโหวตผลคะแนนตัดสินในรายการ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 9’ โดยระบุว่า ไม่สามารถเปิดเผยผลคะแนนแบบเรียลไทม์ได้ เพราะอาจเกิดผลเสียตามมา แต่ยืนยันว่าไม่มีการล็อกผลคะแนนโหวตแน่นอน

ซึ่งการยืนยันไม่เปิดเผยผลคะแนนโหวตระหว่างการแข่งขัน หรือเสร็จสิ้นการแข่งขันในแต่ละสัปดาห์ของ ‘บอย ถกลเกียรติ’ นั้น ยังคงเป็นคำถามคาใจผู้ชมทางบ้านจนถึงขณะนี้...

อย่างไรก็ดี จากกรณีดังกล่าวผู้สื่อข่าวจึงหยิบยกตัวอย่างรายการเรียลลิตี้โชว์ที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันอย่าง ‘ทรู อคาเดมี่ แฟนเทเชีย’ (เอเอฟ) ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ในปัจจุบัน มีจุดประสงค์เพื่อค้นหานักล่าฝันที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพื่อโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง ภายใต้การผลิตของบริษัท ทรู วิชั่น จำกัด (มหาชน)

ซึ่งมีลักษณะการแข่งขันโดยการคัดเลือกผู้สมัครจากทั่วประเทศโหวตคัดจาก 20 คนเหลือ 12 คน (เอเอฟ 4) 16 คนเหลือ 12 คน (เอเอฟ6) และ 24 คนเหลือ 12 คน (เอเอฟ 8) เข้าสู่บ้าน เพื่อเรียนรู้ทักษะในแขนงวิชาต่าง ๆ คือ  วิชาการใช้เสียง การแสดง และการเต้น  พร้อมรับโจทย์เพลงในแต่ละสัปดาห์ เพื่อซักซ้อมก่อนขึ้นโชว์การแสดงในวันเสาร์

อีกทั้งจุดเด่นของ ‘เอเอฟ’ อยู่ที่การติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้านที่เก็บตัวผู้เข้าแข่งขันถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง อันแสดงถึงความใกล้ชิดกับกลุ่มคนดูเสมือนครอบครัวเดียวกัน จนสร้างกลุ่มแฟนคลับขึ้นมามากมาย ส่วนการตัดสินว่าใครจะรอดหรือร่วงขึ้นอยู่กับคะแนนโหวตจากทางบ้าน หากใครมีคะแนนน้อยที่สุดจะต้องเก็บกระเป๋าเดินออกจากบ้านนักล่าฝันทันที

นอกจากนี้ ‘เอเอฟ’ ยังมีลูกเล่นตรงที่  ‘ตุ๊กตาภูมิคุ้มกัน’ มอบให้กับนักล่าฝันที่มีคะแนนโหวตน้อยที่สุดป้องกันไม่ให้ออกจากบ้าน หรือการให้กลุ่มผู้ชมได้โหวตนักล่าฝันที่โดนคัดออกกลับเข้าบ้านได้อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการเปิดเผยผลคะแนนโหวตนั้น ผู้ผลิตรายการได้ติดตั้งระบบแบบเรียลไทม์เปิดเผยข้อมูลคะแนนโหวตเป็นเปอร์เซ็นต์เผยแพร่ในหน้าจอโทรทัศน์และเว็บไซต์ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้หลังจบการแข่งขันแล้ว ผู้ผลิตรายการจะนำคะแนนโหวตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ระบบทรูมูฟทั้งหมดแถลงต่อสื่อมวลชน โดยเว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีสรุปไว้ ดังนี้

เอเอฟ 1-9 ล้านโหวต (6 บาท/โหวต), เอเอฟ 2-11 ล้านโหวต (6 บาท/โหวต), เอเอฟ 3-13.5 ล้านโหวต (3 บาท/โหวต), เอเอฟ 4-20 ล้านโหวต (3 บาท/โหวต), เอเอฟ 5-22 ล้านโหวต (3 บาท/โหวต), เอเอฟ 6-20ล้านโหวต (3 บาท/โหวต), เอเอฟ 7-12 ล้านโหวต (4 บาท/โหวต), เอเอฟ 8-20 ล้านโหวต (4 บาท/โหวต), เอเอฟ 9-24 ล้านโหวต (4 บาท/โหวต) ขณะที่เอเอฟ 10 อยู่ระหว่างการออดิชั่น

สำหรับข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คือ เอเอฟ 4 ยอด 80% ของคนโหวตมาจากผู้ใช้โทรศัพท์ทรูมูฟ ระบบพรีเพด โดยมีผู้โหวตสูงสุดเป็นเงินราว 15,000 บาท/สัปดาห์ ส่วนเอเอฟ 5 ทรูได้รับค่าสปอนเซอร์ราว 140 ล้านบาท นอกจากนี้ซีซั่นนี้ยังใช้ระบบการโหวตแบบผ่านซิมใหม่ด้วย ขณะที่เอเอฟ 7 ถือเป็นครั้งแรกที่มีการโซเซียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊กโปรโมตรายการร่วมกับเว็บไซต์หลักด้วย ที่สำคัญทรูยังถ่ายทอดสดด้วยระบบ HD ซึ่งมีความคมชัดสูงอีกด้วย

อีกจุดที่เรียกว่าสร้างสีสันให้รายการไม่น้อย คือ การเปลี่ยนกรรมการหมุนเวียนไปแต่ละสัปดาห์ เช่น ทาทายัง, ปั๋ง ประกาศิต, แมว จิรศักดิ์, เป็ด มนต์ชีพ หรือป้าแจ๋ว ยุทธนา

แต่หากย้อนมองเวทีเรียลลิตี้โชว์อย่างเดอะสตาร์ ‘บอย ถกลเกียรติ’ อธิบายว่า รายการเดอะสตาร์ไม่ใช่เวทีค้นหานักร้อง แต่เราหาสตาร์ผ่านการร้องเพลงนั้น มีรูปแบบการแข่งขันที่เหมือนกันทุกปี โดยคณะกรรมการ 3 ท่าน ได้แก่ เพชร มาร์, ม้า อรนภา และโจ้ สุธีศักดิ์ จะเป็นผู้คัดเลือกผู้สมัครในแต่ละภาคให้เหลือเพียง 8 คนสุดท้าย

ซึ่งตลอด 8 สัปดาห์ที่มีการแข่งขันบนเวทีตามโจทย์เพลงนั้น คณะกรรมการจะไม่มีสิทธิชี้ชะตาว่าใครจะอยู่หรือไป แต่ขึ้นอยู่กับคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้านผ่าน 3 ค่ายมือถือยักษ์ อย่างเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ ครั้งละ 6 บาท/โหวต กลับไม่พบการเปิดเผยผลคะแนนโหวตทั้ง 9 ปีในระบบเรียลไทม์แบบคะแนนดิบหรือเปอร์เซ็นต์ระหว่างการแข่งขัน หรือสรุปผลคะแนนของแต่ละสัปดาห์หรือซีซั่นแต่อย่างใด คงมีเพียงการเปิดเผยคะแนนกลางสัปดาห์ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

รู้อย่างนี้แล้วคงพอเดากันออกว่า ‘ความเหมือนที่แตกต่าง’ คืออะไร