สัปดาห์นี้ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” จะพาคุณผู้อ่านไปพบกับ “นุ่น-ชุติมา พึ่งความสุข”ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวไทย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทางช่อง 9MCOT HD หมายเลข 30 กับจุดเริ่มต้นบนถนนสายผู้ประกาศข่าวและชีวิตครอบครัว นำมาเล่าสู่กันฟัง
อยากให้เล่ากว่าจะถึงวันนี้ 11 ปี กับการก้าวสู่เส้นทางผู้ประกาศข่าว
“ตอนนั้นยังเรียนอยู่ที่ มศว ศรีนครินทรวิโรฒ มีวันหนึ่งทางช่อง 9 มีประกาศรับสมัครนักข่าวหน้าใหม่เป็นโครงการก็รับสมัครจากทั่วประเทศเลยตัวเราเองไม่ได้รู้คนที่รู้ก็คือวันนั้นไปเรียนที่มหา’ลัยแล้วเดินสวนกับรุ่นพี่คนหนึ่งแล้วรุ่นพี่ก็บอกว่านุ่นช่อง 9 มีโครงการเปิดรับสมัครผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่แต่แวบแรกรู้สึกว่าจะไม่สมัครแล้ว เพราะจริงๆ แล้วมีความฝันว่าอยากเป็นผู้ประกาศข่าวในพระราชสำนัก ก็พยายามทุกอย่างเลยประกวดหลายๆ เวทีนางสาวไทยประกวด Her world Idol ในทุกๆ เวทีไม่มีที่รับตรงก็คิดว่าเป็นบันไดสู่ฝันก็ได้สุดท้ายตกรอบหลายๆ ครั้งมากวันนั้นที่รุ่นพี่มาบอกก็เลยมีแวบหนึ่งทำให้รู้สึกว่าจะไม่เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะกลัวตกรอบอีกถ้าครั้งนี้เป็นโอกาสเราล่ะถ้ายังไม่ลองชกเลยถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจจึงเป็นจุดตัดสินใจว่าจะร่วมโครงการนี้มีความเข้มข้นมากท้ายที่สุดได้รับคัดเลือกมาให้เป็นผู้ประกาศข่าว
การปลูกฝัง ได้ยิน ได้ฟัง ทำให้มีความตั้งใจเป็นผู้ประกาศข่าวในพระราชสำนัก
“ใช่ ก็เลยกลายเป็นสิ่งที่ปลูกฝังแล้วก็หล่อหลอมเรามาจนทำให้เรารู้สึกชอบกับสิ่งนั้นคือสืบเนื่องจากที่คุณแม่นุ่นเป็นคนชอบดูข่าวในพระราชสำนักมาก การวางออนแอร์ของข่าวในพระราชสำนักเวลาเหลื่อมกันทุกช่องจะไม่ได้เข้าพร้อมกันทั้งหมดแต่จะเหลื่อมนิดนึงคุณแม่นุ่นก็จะไล่เปิดดูแทบทุกช่องเลยทำให้ตั้งแต่เด็กๆ ได้ยินคนนี้อ่านข่าวได้ยินเสียงจังหวะนี้แนวนี้ในการอ่านข่าวในพระราชสำนักและพระราชกรณียกิจของทุกๆ พระองค์ที่เห็นนั้นล้วนแล้วแต่สวยงามรู้สึกภาคภูมิใจในตอนนั้นภาคภูมิกับสิ่งที่ได้เห็นได้ฟังจังหวะก็น่าฟังเพราะด้วยมีผู้ประกาศข่าวคนนึงสวยๆมานั่งอ่านข่าวในจังหวะเพราะๆ วันนั้นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้สึกว่าอยากอ่านข่าวในพระราชสำนัก
ความยากในจุดเริ่มต้นมีหลายส่วน
“มีสิ่งที่เกินคาดหลายเรื่องวาดฝันหรือรับรู้มาโดยตลอดว่าอาชีพผู้ประกาศข่าวที่มีความเข้าใจว่าอาชีพนี้ไม่น่ามีอะไรมากแค่แต่งตัวสวยหล่อนั่งเก้าอี้แล้วอ่านข่าวซึ่งดูเหมือนไม่ยากตั้งแต่ฝึกอบรมตอนคัดเลือกจนมาเป็นผู้ประกาศข่าวมีอบรมเทรนอีกได้เห็นหลายอย่างว่าเป็นผู้ประกาศข่าวไม่ใช่ง่ายต้องมีทักษะที่มากกว่าการอ่านออกเสียงที่ไพเราะต้องมีมากกว่าทักษะการอ่านอักขระที่ถูกต้อง ต้องมีเรื่องของความรู้รอบตัวที่ต้องมีเยอะต้องมีเรื่องไหวพริบก็สำคัญมากเราจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไร เพราะว่าการออนแอร์สดที่คนรับชมเราไม่ได้มีน้อยนิดแต่มีเยอะมากๆ แล้วเราจะรับผิดชอบกับความผิดยังไงอ่านผิดตอนแรกๆ เราก็รู้สึกเครียดแล้วกลับไปบ้านช่วงนั้นน้ำหนักลดลงไปเยอะมากแค่การอ่านคำผิดเราก็รู้สึกว่าโห...เราแย่เลยแต่ถ้าอ่านผิดความผิดเนื้อความหมายเปลี่ยนไปเลยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”
ตอนนี้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
“พอสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นตัวเราเองมีบทบาทในคำพูดคือเรียกได้ว่าคำพูดที่ออกจากปากผู้ประกาศข่าว คือความรับผิดชอบทั้งสิ้นบริบทไหนข้อความไหน ถ้าพูดโดยไม่ยั้งคิดมีผลต่อสังคมยังไงคือสิ่งที่เรียนรู้และเติบโตกับงานที่ทำ ความยากที่สุดคือเรื่องของความไม่รู้ทั้งเรื่องของการไม่รู้ตัวคือตัวเรานี่แหละที่ไม่รู้ว่ามีข้อด้อยตรงไหนมีจุดไหนบกพร่องของเราคือความไม่รู้ตัวอีกอันนึงความไม่รู้เรื่องของความรู้รอบตัวทุกคนไม่ได้เก่งทุกด้านแต่คนที่จะมาทำอาชีพนี้ได้จะต้องมีความรู้เรียกได้ว่าให้ครบทุกด้านจะเสริมศักยภาพตัวคุณเองและทำให้คุณมีในสิ่งที่ไม่เหมือนคนอื่นไม่รู้เยอะแต่ก็ต้องผ่านหูผ่านตา หรือรู้คร่าวๆ ไม่สามารถปิดหูปิดตาได้ถ้าเกิดคิดที่จะอยู่ในอาชีพนี้ไม่ใช่แค่หยิบสคริปต์อ่านอย่างเดียวต้องอาศัยทำความเข้าใจตีความรับผิดชอบกับตัวเองต่อสังคมเรื่องของทัศนคติต้องดีด้วย”
ความแตกต่างระหว่าง ผู้ประกาศข่าวราชสำนัก, ผู้ประกาศข่าว, พิธีกรรายการในความรู้สึกของเรา
“คนที่จะเป็นพิธีกรคนที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวจะมีพื้นฐานอยู่แล้วว่าเราจะต้องมีอะไรหนึ่งคือคุณจะต้องสามารถสื่อสารได้อย่างดีแล้วก็ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำอักขระดีอ่านประโยคเว้นวรรคอันนี้คือทักษะพื้นฐานแต่สิ่งที่แตกต่างของตัวบุคคลด้วยคือเรื่องของปฏิภาณไหวพริบแล้วอีกอย่างคือเรื่องของความรับผิดชอบของข่าวแต่ละข่าวเช่นนุ่นอ่านข่าวในพระราชสำนักจะรับสคริปต์ของข่าวในพระราชสำนักแล้วก็อ่านตามบทที่ได้รับมานั้นแต่นอกจากจะทำความเข้าใจกับบทไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจ การเมือง หรือในพระราชสำนักต้องทำความเข้าใจตรงนั้นก่อน
เพื่อที่จะถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกออกมาเช่นข่าวในพระราชสำนักสมมุตินุ่นเอาข่าวมาไม่ได้รู้สึกร่วมกับข่าวไม่ได้นอกจากจะต้องอ่านออกเสียงรอเรือ ลอลิง ชัดเจนเว้นวรรคบรรยายโวหารพรรณนาโวหารลักษณะการถอดเสียงต้องเป็นยังไงสิ่งต่างๆ
เหล่านี้จะดีได้
ถ้าข้างในมีความรู้สึกอันนี้อาจเป็นทริคของตัวนุ่น คือทุกครั้งที่อ่านข่าวในพระราชสำนักจะต้องมีความรู้สึกว่าภาคภูมิใจที่ได้รับหน้าที่ในการถ่ายทอดเรื่องนี้รู้สึกว่านี่เป็นความงดงามในทั้งภาษาด้วยเพราะในเนื้อข่าวในพระราชสำนักก็จะมีชื่อพระนามของแต่ละพระองค์ที่มีความไพเราะชื่อสถานที่เป็นประวัติศาสตร์แล้วก็ไม่รู้มาก่อนอันนี้ก็จะเป็นลักษณะของการอ่านไปตามบทที่ได้
งานที่ท้าทายอีกงาน คือพิธีกร
“พิธีกรรายการฟังหูไว้หูออกอากาศทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 21.00 น.แตกต่างคนละทาง เรื่องแอ๊กชั่นหรือเรื่องข้อมูลแทบจะคนละด้านเลยรายการฟังหูไว้หูถือเป็นรายการวิเคราะห์ข่าวแล้วก็ต้องทำงานร่วมกับอาจารย์วีระ ธีรภัทร ก็ต้องมีพาร์ทเนอร์คู่การมีพาร์ทเนอร์ส่วนสำคัญยิ่งเข้าคู่ได้ไหมให้เกียรติกันและกันต้องบอกเลยว่าเป็นความโชคดีที่อาจารย์วีระมีเมตตามากที่สำคัญให้เกียรติทีมงานทุกคนด้วยอาจารย์พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ให้ทุกๆ คน ไม่ใช่เฉพาะกับเพื่อนร่วมงานทำให้นุ่นมีความสุข รายการฟังหูไว้หูมีสคริปต์ข่าวมาให้ก็จริงแต่ที่จะพูดกับพาร์ทเนอร์ว่าจะคุยหัวข้อนี้ปัญหาประเด็นที่เป็น 12345 จะต้องแตกย่อยออกมาพูดสดๆ กลางรายการฉะนั้นก็จะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวกับรายการครึ่งวันรู้ให้กว้างเพราะคนที่พูดด้วยคืออาจารย์วีระทุกคนก็รู้หมดว่าเขารู้ลึกรู้จริงและก็ตอบคำถามได้แทบจะทุกอย่างเลย
ฉะนั้นเวลาที่เขาพูดเราเป็นคนจัดรายการร่วมถ้าอาจารย์วีระรู้เรื่องนี้บางครั้งเราอาจไม่รู้จะใช้ทริคยังไงที่บอกว่าไม่รู้แต่ไม่ถูกฆ่ากลางจอซึ่งอาจารย์ไม่ทำอยู่แล้ว แต่ตรงนี้ที่นุ่นบอกว่าปฏิภาณไหวพริบถ้าเป็นรายการฟังหูไว้หูใช้ทุกศาสตร์หมดอักขระที่ถ่ายทอดคือการสื่อสารปฏิภาณไหวพริบต้องมีมากการวิเคราะห์ให้มากกว่าการอ่านเฉยๆ อ่านบทวิเคราะห์ก็ต้องทำการบ้านเยอะ
ส่วนการเป็นพิธีกรภาคสนามคล้ายๆ บทบาทการสัมภาษณ์จะมีความสนุกอีกแบบนึงไม่ยึดติดสคริปต์มากมีความเป็นตัวของตัวเองแต่ก่อนเป็นคนยึดติดในเซฟโซนตัวเองรู้สึกตัดสินด้วยว่าฉันชอบอันนี้ไม่ทำเลยอยากอ่านข่าวแต่ข่าวนี้อย่างเดียวหลายๆ โอกาสที่เข้ามาเกือบที่จะก้าวพลาดว่าไม่เอางานนี้ไม่ทำงานนี้ใจลึกๆ ก็มีกลัวว่าจะทำไม่ได้การไม่เปิดรับแต่นุ่นมีไลฟ์พาร์ทเนอร์ที่ดีมีคนใกล้ชิดที่ดีเพื่อนที่ดีที่สำคัญจะเติมเต็มตัวเองอ่านหนังสือให้เยอะเรื่องของการให้แรงบันดาลใจหรือให้ข้อคิดเลยทำให้เปลี่ยนทัศนคติตรงนี้ด้วยลองอะไรใหม่ๆ พอมาทำในวันนี้รู้สึกสนุกมากเลยคือเราได้เรียนรู้ทุกวัน”
เวลาที่ได้รับมอบหมายใหม่ที่แตกต่างจากงานที่ทำอยู่มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
“ต้องทำการบ้านทุกครั้งที่ทำงานต้องรู้เนื้อหางานไม่รู้ก็ต้องถามคุณจะประสบความสำเร็จได้ต้องรู้จักที่อ่านฟังและถามและจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในอาชีพได้คุณต้องรักมันมีวินัยกับตนเองต้องมีจรรยาบรรณในอาชีพที่ตนเองทำเพราะในยุคสมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาถ้ายังยึดติดในความสำเร็จของตนเองต่อไปจะลำบาก เพราะความสำเร็จในปัจจุบันไม่ได้การันตีว่าอนาคตคุณจะเป็นยังไงคุณต้องพร้อมที่ปรับเปลี่ยนตนเองอยู่เสมอพร้อมจะเป็นแก้วที่สามารถเติมน้ำเต็ม
ได้ตลอดเวลาไม่มีว่าสิ้นสุดหรือเต็มแก้วใส่น้ำให้ตนเองอยู่ตลอดเวลาเรียนรู้จากตนเองและผู้อื่นเสมอ
หาทัศนคติใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาไม่ตีกรอบให้ตนเองพร้อมที่จะเปิดให้ผู้อื่นมาเรียนรู้เราและเราไปเรียนรู้ผู้อื่นบ้างนุ่นชอบอยู่คำหนึ่งของคุณธงชัยเจริญชลวานิช คือ “หากเราไม่หยุดเดินทางระยะทางพันลี้ก็ไม่ไกล” ความหมายคือบ้างครั้งในความสำเร็จของเราเรามีเป้าหมายที่จะลงมือกระทำสิ่งใด แต่เราไม่เคยกล้าที่จะลงมือทำเลยเราก็ไม่สามารถที่จะก้าวเดินไปสู่เป้าหมายนั้นได้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะลงมือทำมันมั้ยเท่านั้นเองค่ะ”
ทุกครั้งที่เหนื่อย หรือ ล้า จากการทำงาน ทำอะไร เพื่อให้หลุดจากความรู้สึก
“เวลานุ่นอยู่ในช่วงเวลาที่เหนื่อยใช้วิธีในการอ่านหนังสือธรรมะแต่สิ่งที่นุ่นชอบและอ่านมากที่สุดในช่วงเวลาที่เหนื่อยคือพระราชดำริของในหลวง ร.9สามารถนำคำสอนของพระองค์ท่านมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเช่นเมื่อเราทุกข์เราจะออกจากทุกข์ได้อย่างไรสามารถแก้ปัญหาได้ไหมและสามารถปล่อยวางได้มากน้อยแค่ไหนนั้นคือสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้โดยไปหาสิ่งที่ตนเองชอบกล้าที่จะทำกล้าที่ลองอย่าปฏิเสธถ้าคุณยังไม่ลงมือทำและจะทำให้คุณชนะความกลัวและมีความสุขมากที่สุดค่ะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี