หลังจาก Alice in Borderland (อลิสในแดนมรณะ) ออริจินัลซีรี่ส์จากญี่ปุ่น เข้าฉายใน Netflix เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา กระแสความฮิตก็มีมาต่อเนื่องแบบหยุดไม่อยู่ พร้อมกับเสียงเรียกร้องและรอคอยการกลับมาของซีซั่น 2 จากความสำเร็จในซีซั่นแรกของAlice in Borderland (อลิสในแดนมรณะ) ทำให้ Netflix ประกาศสร้างซีซั่น 2 ต่อทันที โดยในซีซั่น 2 จะยังได้ ชินสุเกะ ซาโตะ กลับมารับหน้าที่กำกับเช่นเดิม รวมถึงนักแสดงนำชุดเดิมอย่าง เคนโตะ ยามาซากิ และ ทาโอะ ซึชิยะ ส่วนกำหนดฉายต้องอดใจรอกันสักนิดว่าจะได้รับชมในช่วงไหน
สำหรับความสำเร็จของ Alice in Borderland นอกจากจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้ชมญี่ปุ่นเอง ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชมทั่วเอเชีย ทั้งมาเลเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน รวมถึงประเทศไทยด้วยยิ่งไปกว่านั้นยังติดอันดับคอนเทนต์ Top 10ที่มีผู้ชมมากที่สุดประจำวันของ Netflix ในแต่ละประเทศ เกือบ 40 ประเทศทั่วโลก เช่นในเยอรมนี ฝรั่งเศส โปรตุเกส ออสเตรีย และ กรีซ
นอกจากนี้ Alice in Borderland ซีซั่น 1 ยังได้รับคะแนนการโหวตจากผู้ชมในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ถึง 96% และคะแนนจากเว็บไซต์ IMDB ถึง 8 จาก 10 คะแนนเต็ม(ผลคะแนนวันที่ 22 ธันวาคม 2564) และไม่เพียงแต่ตัวซีรี่ส์ Alice in Borderland ใน Netflixที่ได้รับความนิยมเท่านั้น ตัวซีรี่ส์เวอร์ชั่นมังงะและ 2 นักแสดงนำอย่าง เคนโตะ ยามาซากิ และ ทาโอะ ซึชิยะ ก็ได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลกเป็นอย่างมาก จนทำให้ติดอันดับคำที่มีการค้นหาเป็นอย่างสูงใน Google
ก่อนที่ได้ชม Alice in Borderland ซีซั่น 2เรามีเกร็ดเบื้องหลังการถ่ายทำซีซั่น 1มาฝากกัน
ฉากที่นักแสดงนำอยู่ ห้าแยกชิบูย่า และผู้คนที่นั่นได้หายไปหมด กลายเป็นเมืองอันว่างเปล่า ฉากนี้ไม่ได้ถ่ายทำที่สถานที่จริง เพราะการจะปิดห้าแยกชิบูย่าอันโด่งดังและเป็นหนึ่งในย่านสำคัญที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุดในโตเกียว เพื่อถ่ายซีรี่ส์ดูจะเป็นเรื่องยาก ทางทีมจึงเซตสถานที่เพื่อใช้ในการถ่ายทำขึ้นมาแทน โดยใช้สตูดิโอกลางแจ้งขนาดใหญ่ ใน Ashikaga City จังหวัด โทกิชิ ห่างจากโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นสถานที่ถ่ายทำ
ฉากที่ อะริสุ กับเพื่อนๆ มาเจอกันที่ห้าแยกชิบูย่านี้ ตอนแรกตั้งใจจะให้มาเจอกันที่หน้าร้านสตาร์บัคส์ แต่จากความยุ่งยากเรื่องการแก้ปัญหาการสะท้อนของกระจก ทำให้ตัดสินใจย้ายมาถ่ายทำกันที่ป้ายหน้าสถานี ดังที่เห็นในซีรี่ส์
ฉาก ชิบูย่า ทุกสิ่งทุกอย่างนอกเหนือจากเครื่องตรวจตั๋วที่สถานี ห้องน้ำสาธารณะ และถนน ถูกสร้างขึ้นด้วย CGI (Computer Generated Imagery) ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างภาพจากคอมพิวเตอร์ และเพื่อให้คงความสมจริงไว้มากที่สุด ผู้กำกับฝ่าย Visual Effect ได้สร้างเงาของตึกโตคิวขึ้นในฉากด้วย เพราะปกติบริเวณนั้นจะมีเงาของตึกนี้อยู่
สำหรับเสือดำใน Episode 4 ทางทีม Visual Effect ได้ไปที่สวนสัตว์เพื่อทำการสังเกตและหาข้อมูลการเคลื่อนไหว ลักษณะท่าทาง และลักษณะขนของเสือดำจริงๆ
เสือ Episode 5 ถูกสร้างขึ้นด้วย VFX (Visual Effects) โดยการดูแลของผู้กำกับแอนิเมชั่นชาวเนเธอร์แลนด์ Erik-Jan De Boer ที่เคยได้รับรางวัลออสการ์จากผลงานการสร้างสรรค์เสือในภาพยนตร์ Life of Pi
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี