ถ้าจะพูดถึงนักแสดงหญิงร่วมสมัยที่เคยเล่นละครมาแล้วแทบทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นบทนางเอกใสซื่อถูกตัวร้ายใส่ความจนพระเอกต้องรีบรี่มาช่วย ไปจนถึงบทนางร้ายที่พานให้คนเกลียดกันทั้งเมือง เธอคนนี้นั้นสามารถสวมทุกบทละครอย่างตั้งใจ เธอทุ่มเทฝากฝีมือไว้ไม่เคยห่างหายไปจากหน้าสื่อไทยเลยจริงๆ สำหรับ ต่อง สาวิตรี สามิภักดิ์ ที่ได้เล่าเรื่องราวชีวิตในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ตั้งแต่เข้ามาในวงการเพราะความจน แต่นับว่าเป็นโชคดีของตัวเองที่ได้เข้ามาอยู่ในวงการนี้
โดยรวมอยู่ในวงการมากี่ปี
ต่อง สาวิตรี :30 ปีค่ะ ตอนนั้นเข้าสู่วงการบันเทิงได้เพราะว่า อาแอ๊ด สมบัติ เมทะนี มาชวนแต่เริ่มแรกจริงๆคือเราไปถ่ายโฆษณาตั้งแต่อายุ 16 เป็นนางแบบโฆษณาผลงานชิ้นแรกคือ น้ำยาล้างตา (ตอนแรกที่เราไปถ่ายเรานึกว่ายากแน่ๆแต่เบื้องหลังคือ ยิ้ม ตาห้ามหยี ปากห้ามยิ้ม) ถ่ายตั้งแต่เช้าถึงสามโมงเย็น คือ ตอนนั้นเราอยากกลับบ้านมากเพราะเราทำไม่ได้เขาอยากให้เรามีแต่อินเนอร์ปากไม่ต้องยิ้มเอาแต่ตายิ้มแล้วคิดดูเด็กอายุ16 จะทำได้ไหม เขาบอกว่าไม่ได้ยกกองมาขนาดนี้เสียหาย แต่สุดท้ายเขาก็ทำจนได้กองเขาเก่งมาก ซึ่งช่วงแรกก็ถ่ายโฆษณาอยู่เยอะมากเพราะช่วงที่เรามาเข้าวงการบันเทิงคือ 19
เป็นความใฝ่ฝันของเราหรือเปล่าในการเข้าสู่ในวงการ
ต่อง สาวิตรี :ไม่เลยค่ะ เพราะว่าเราเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ไม่มั่นใจในตัวเองแล้วพี่เป็นเด็กหลังห้อง แต่ที่เข้ามาในวงการเพราะคำนี้คำเดียวเลยค่ะ จน พอเราเข้ามาทำงานตรงนี้แล้วเราได้เงินแล้วช่วงนั้นคุณพ่อเกษียณ ด้วยแล้วคุณแม่เป็นแม่ค้าแล้วตอนนั้นเราเรียนแค่มัธยมปลายเองค่ะ แล้วเรามีพี่น้องเยอะไงค่ะ การถ่ายโฆษณาก็ไม่เลวร้ายแล้วได้เงินเยอะ เราก็แบ่งเงินตรงนั้นให้คุณพ่อคุณแม่ ให้ตัวเอง ส่งน้องเรียนด้วยเราก็ทำมาเรื่อยๆ แต่พอเข้าวงการเรารู้สึกว่าไม่ใช่เลย คือ การแสดงละครเหมือนละครเวทีถ้าไม่โดนบังคับจริงๆเราไม่ขึ้นไปแสดงแน่นอน อย่างแสดงรำ แสดงเต้น ทุกงานที่เราขึ้นไปแสดงหน้าเราจะคว่ำมาก ไม่มีรูปยิ้มเลย (เพราะว่ามันอาย) ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราคือ คนที่ทำตามได้เวลาครูสอนให้เต้นเท้าซ้าย เท้าขวา เราทำตามได้หมดแต่หน้าเราไม่ยิ้มนะ แล้วเราตัวเตี้ยต้องยืนอยู่แถวหน้า แล้วเวลาเราถ่ายรูปคือ หน้าเราไม่ยิ้มเลย
แต่สุดท้ายคนที่ไม่ชอบการแสดง คนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่มาอยู่หน้าจอเลย
ต่อง สาวิตรี :เพราะว่าไม่ชอบตั้งแต่แบบร้องไห้ หัวเราะทำได้ยังไง เราไม่มีทางทำได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือ พ่อของเราไม่ชอบเพราะเขารู้สึกว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน (ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกของคนสมัยก่อนนะคะ) พอมาทำเราก็คิดว่าคงเล่นเรื่องเดียวนะคะ เพราะที่เล่นเรื่องนี้เพราะว่าเราปลื้มอาแอ๊ด สมบัติ เมทะนี เขาเป็นนักกีฬาเราเลยยอมเล่น เขาเป็นไอดอล เขามีกล้ามเนื้อ เพราะเราเป็นผู้หญิงยุคนั้นที่มีกล้ามเนื้อแต่ไม่มีคนชอบ (ให้เราหยุดออกกำลังกาย เล่นกีฬาทุกอย่างเพราะทำให้ไม่สวยตัวดำ แล้วมีกล้ามเป็นมัดๆเขาไม่ชอบ) พอเราได้เข้ามาเล่นเรื่องแรกคือ เป็นนางเอกและเป็นฝาแฝดเลยค่ะ เรื่อง รักจักกะจั๊กจี้ เป็นสาวแก่นๆทอมๆขี่มอเตอร์ไซค์ อีกคนหนึ่งก็ม้วนผมเป็นคุณครู ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนัง (พอเราเข้าไปแสดงวันแรกเราก็มีความรู้สึกว่าผ่านด้วยเหรอ) แล้วพอเรามาถ่ายวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ทำไมเหมือนกับวันที่แรกถ่ายวันแรก (คือ เข้าเอาวันแรกมาถ่ายใหม่ ) เพราะว่าวันแรกถ้าเขาบอกว่าไม่ได้เราคงไม่เล่นเขาเลยบ่อยให้ผ่านไปเหมือนเป็นการซ้อม ผู้ใหญ่ทั้งหมดก็ต้องมาถ่ายกับเราใหม่หมดเลย (เป็นเทคนิคที่ดีนะคะ ทำให้เรามีความมั่นใจว่าเราทำได้) ซึ่งพอเวลาที่เราทำไม่ได้เวลาแสดงมองค้อนก็ไม่เป็นมี๊ พิศมัย วิไลศักดิ์ ต้องสอนเรามองแบบสามร้อยหกสิบองศาเลย คือ เราจะไปหาผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ในกองให้เขาสอน ซึ่งเราเติบโตและมีประสบการณ์ คือ เราได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่ทั้งหมดเลยเราถามทุกคน
แต่ที่สำคัญนะบทบาทที่ทำให้ทุกคนได้รู้จัก ต่อง สาวิตรี คือ จำเลยรัก
ต่อง สาวิตรี :เรื่องนี้ตั้งแต่ คาแรคเตอร์เลยนะคะ เรื่องนี้ถ่ายที่ลาดหลุดแก้ว ตอนนั้นมีกระท่อมแค่หลังเดียว เรื่องนี้เราต้องเดินให้เป็นผู้หญิงเรียบร้อยและทำให้ดูตัวเล็กน่ารังแก เพราะว่าเรามีรูปร่างที่แข็งแรงกว่าพี่สาว ต้องคัดตั้งแต่ท่าเดิน วิธีการเดินให้ดูน่ารังแก เป็นเรื่องแรกที่เรียบร้อยในชีวิตการแสดงเลยค่ะ เรื่องนั้น
ถาม แล้วบทร้องไห้ทำยังไง
ต่อง สาวิตรี :ตอนแรกก็ยังร้องไห้ไม่ได้ แต่บังเอิญคนที่เล่นเป็นแม่เรา ต้องกราบขอบพระคุณเลย คุณรัชนีจันทรังษี เรารู้จักเขาเสียงเขาทั้งแต่ยายเราฟังนิยาย คือ เขาเข้ามาพูดเขาเล่นเป็นแม่ของเราในเรื่องเสียงของเขาทำให้เราร้องไห้ เสียงเขาทำให้เราเศร้ามาก แต่ที่ทำให้เราร้องไห้จริงๆเลย คือ เราเหมือนเข้าไปห้องหนึ่งเหมือนเป็นห้องเชือดเพราะจะถูกถ่ายเป็นเจาะๆเป็นห้องที่ทำให้ร้องไห้ (แล้วสมัยก่อนคือเขาวิ่งถ่ายกันหลายเรื่อง) แล้วในเรื่องนี้มีฉากร้องไห้เยอะมาก แล้วคือ ผู้ใหญ่ทุกคนก็มานั่งรอเราให้เราร้องไห้ เราก็รู้สึกเสียใจที่ทำให้ทุกคนรอเรา เราก็เลยเริ่มร้องไห้ได้ จากเรื่องนั้น
จากคนที่แสดงอะไรไม่เป็นเลย ตอนนี้กลับกลายมาเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท เพราะการพลิกบทบาทหลายเรื่อง จนมาเป็น นางร้าย แม่ร้ายๆ
ต่อง สาวิตรี :คือ อย่างเราเริ่มเรื่องแรก จำเลยรัก ดราม่าเรื่องแรกคนชอบเลย แล้วเราหยุดไป 12 ปี ไปเป็นพิธีกรแล้วกลับมาเล่นละครอีกครั้ง ก็คุยกันอยู่นานจะเล่นได้ไหมพอมาเล่น แรงเงา เป็น นพนภา ร้ายมากแล้วคือ เราไม่เคยเล่นมากก่อนเลย แล้วคนก็ชอบมาก เราก็เล่นตามที่เขาบอกคนเขียนบทเขียนได้แซ่บมาก แล้วผู้กำกับก็ทอนลงด้วยเพราะว่าคำสมัยก่อนคือ มันแรงมากในบทที่เขาเขียนมา แล้วคือบทมันมาก เราก็เล่นตามที่เขากำกับค่ะ (เรายังบอกเขาเลยว่าถ้าเล่นไม่ดี ไม่ได้เปลี่ยนตัวได้นะ เพราะว่าเราหยุดไปนานมาก เรากลัวท่องบทไม่ได้ ร้องไห้ไม่ได้ เรากลัวทำอะไรไม่ได้เลย) แต่พอได้เล่นแล้วคนชอบ เล่นร้ายแล้วดี (หัวเราะ) เราคิดว่าที่เราทำได้ดีเพราะเป็นสิ่งที่ในชีวิตจริงของเราไม่ได้ทำ ไม่มีโอกาสทำด้วย เพราะเราไม่ชอบทะเลาะกับคน โกรธคือเงียบ แต่ในละครโกรธคือใส่
คนจำบทบาทไม่ใช่แค่คนดูเท่านั้นนะคะ แต่เด็กในกอง นักแสดงในกองคือกลัว พี่ต่อง กันหมด
ต่อง สาวิตรี :คือ บางคนเขาน่าจะเห็นเราจากละคร คือ เราจะเปิดตัวกับทุกคนเลยนะคะว่า อย่าไปกลัวพี่เพราะพี่นั่งเฉยๆหน้าพี่อาจจะดุ แต่จริงๆแล้วพี่เป็นคนตลกนะคะ น้องบางคนไม่ค่อยเชื่ออยู่ไปสักพักถึงจะรู้ ตัวจริงของเราเป็นคนเฮฮา สนุก แต่ต้องสนิทไง (แต่เพราะเราเป็นคนหน้าเข้มๆแบบนี้เลยเหมือนพร้อม ดุ) แต่จริงๆพี่เป็นคน ตลก ค่ะ
แต่เห็นเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ของวงการ แต่ พี่ต่อง คือ เป็นคนที่ไฮเทค มากๆทันสมัยมีทุกโซเชียล จนต้องเรียกว่า ต่อง 5G
ต่อง สาวิตรี :จุดเริ่มต้นคือ ความขี้เกียจ แล้วเราเป็นสาวกของ สตีฟ จ็อบส์ รุ่นแรกเราเห็นคู่มือเยอะมากจัง เราเลยเข้าไปดูทุกแอฟเล่นทุกแอฟง่ายกว่า มันก็เริ่มจากการได้ลองเล่นเพราะเราเล่นทุกแอฟที่มากับเครื่องเพราะเราจะได้ไม่ต้องอ่านหนังสือ แล้วคือที่ดีมากเพราะมี Google ที่สามารถบอกเราได้หมดเลย พิมพ์ อะไรไปก็เจอ
และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ พี่ต่อง คือ สาวสายวายตัวยง
ต่อง สาวิตรี :คือจริงๆรู้จักซีรีส์วายมาตั้งแต่เรื่องแรก คือ เรื่อง Love Sick ช่วงแรกเราก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากมาย จนเมื่อปีที่แล้วเรามาติดซีรีส์วายเรื่อง SOTUS เราก็ติดมากจนเข้าไปดูใน Google แล้วเจอ 10 ซีรีส์วายที่ทุกคนต้องดู เราก็ไล่ดูทั้งหมดเลยช่วงโควิด ตอนนี้ชอบ ไบร์ท วิน มากที่สุด เพราะว่าเขาเล่นเข้ากันดีแล้ว แล้วน้องไบร์ท เข้ามีประสบการอยู่ในวงการ 7 ปี แล้วน้องที่เป็นนายเอกเขาเพิ่งเล่นเรื่องแรก เราก็รู้สึกว่าถ้าน้องจะเล่นเรื่องแรกได้ดีขนาดนี้พี่ก็ต้องตบมือให้น้อง เรารู้สึกว่าการดูซีรีส์วายเราดูแล้วอมยิ้ม
อินทุกอย่างในวงการบันเทิงแบบนี้ แล้วมองตัวเองในวงการบันเทิงอย่างไรต่อไป
ต่อง สาวิตรี :คือ จริงๆเราก็ไม่ได้คิดว่าดราจะอยู่ได้ถึงทุกวันนี้เลยนะคะ ตอนแรกที่เราเข้ามาเราก็มองว่าศักยภาพอย่างตัวเราไม่น่ารอด น่าจะอยู่ได้ไม่นาน ตอนถ่ายโฆษณาก็ไม่ได้คิดว่าจะมีงานนะคะ พอเข้ามาในวงการแล้วมันจากที่เราไม่ชอบ ตอนนี้คือสิ่งที่เรารัก และเราก็รักทุกงานที่เราทำ มาถึงทุกวันนี้ต้องขอบคุณวงการนี้มากๆอาชีพนี้ทำให้เรามีทุกวันนี้ ทำให้ครอบครัวของเรารอดและยังสามารถทำงานมาถึงทุกวันนี้ เรากำหนดไม่ได้ว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไงเพราะคนที่กำหนด คือ คนที่จ้างเราไม่ใช่คนเลือก แต่เราคือคนที่ถูกเลือก ถ้าเขาคิดว่าเราเหมาะกับบทละครของเขา เขาก็จะเลือกเราไปเล่น ถ้าเขาไม่เลือกเราแล้วก็คือว่าที่เราต้องยุติหน้าที่ของการเป็นนักแสดง
สามารถชมรายการต้มยำอมรินทร์ย้อนหลังได้ทางยูทูป : https://youtu.be/LbsGRsLKBfM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี