หากย้อนกลับไปสมัยยุค 90 คงไม่มีใครไม่รู้จักนักแสดงสาวฟันเขี้ยว แก้มป่อง ที่ถูดจัดอยู่ในอันดับนางเอกหน้าหวานแถวหน้า ณ ขณะนั้น เรากำลังพูดถึง “โอ๋ ญดา รัญเสวะ”หรือที่รู้จักกันในวงการบันเทิงในชื่อ “โอ๋ ญดาโชติชูตระกูล”เรามักจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอจากประสบการณ์กว่า 10 ปีที่เธอคร่ำหวอดอยู่ในฐานะผู้ประกาศข่าวรายการ“คุยข่าว 10 โมง” ทางช่อง 5และผลงานล่าสุดการเป็นพิธีกรดำเนินรายการ และการพลิกตัวเองหันมาทำงานเบื้องหลังกับช่วง“เรื่องบ้านน่าอยู่”พูดคุยเกี่ยวกับศาสตร์ฮวงจุ้ย เช่นการตกแต่งบ้านเล็กๆน้อยๆ อยู่ในรายการ “The People Show”ทางช่อง 5 เช่นกัน เรียกได้ว่าแม้เธอจะหายหน้าหายตาจากงานแสดงไปนานหลายปี แต่ยังมีผลงานพิธีกรออกมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงอยู่ตลอด วันนี้ได้คิวร้อนจี๋ของเธอ มานั่งพูดคุยอัปเดทชีวิตกันซะหน่อย…
ช่วงนี้ทำงานอะไรบ้าง?
“จริงๆ งานหลักของโอ๋ ก็ยังคงทำงานในวงการบันเทิง รับงานพิธีกรมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ประกาศข่าวให้สาระความรู้ผ่านรายการ “คุยข่าว 10 โมง” ของทางช่อง 5 แต่งานด้านการแสดงละครหลายคนจะเห็นว่าโอ๋เฟดตัวเองจากตรงนั้นไปพักใหญ่ๆ เลย”
เห็นว่าล่าสุดพลิกบทบาทหันมาทำงานเบื้องหลังเกี่ยวกับ “ฮวงจุ้ย” ด้วย ที่มาที่ไปคือยังไง?
“จุดเริ่มต้นจริงๆ คือตัวโอ๋เองเป็นคนมีความเชื่อในเรื่อง “ฮวงจุ้ย” อยู่แล้ว คือเราเชื่อนะ แต่เราไม่ได้งมงาย เราเลยคิดว่าถ้าเราได้รับพลังงานดีๆ ในด้านบวก มันจะส่งผลให้เรามีพละกำลังในการออกไปทำสิ่งดีๆ นอกบ้าน และเราเองก็อยากนำเสนอข้อมูล วิธีการแก้ปัญหาของคนที่กำลังจะซื้อบ้าน ซื้อคอนโด หรือมีบ้านอยู่แล้ว แต่อยากปรับเปลี่ยนมุม หรือฮวงจุ้ยของบ้านให้ดีขึ้นสว่างขึ้น ก็เลยทำให้เราคิดคอนเทนต์ช่วง “เรื่องบ้านน่าอยู่” นี้ขึ้นมา ซึ่งอยู่ในรายการ “The People Show” พูดถึงศาสตร์ของฮวงจุ้ยโดยเฉพาะ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ได้ให้แง่คิด ความรู้ และข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆ กับคนทางบ้านด้วย บางคนคิดว่าบ้านอยู่ตรงทางสามแพร่งมันไม่ดีนะ มันเป็นกาลกิณีนะ แต่จริงๆ มันมีวิธีการแก้ไขได้ค่ะ”
ได้ทำงานร่วมกันกับอาจารย์คฑา ชินบัญชร ด้วยเป็นอย่างไรบ้าง?
“ใช่ค่ะ คือโดยส่วนตัวโอ๋กับอาจารย์ เรามีโอกาสได้เจอกัน และทำงานด้วยกันตั้งแต่เป็นผู้ประกาศข่าวของ “คุยข่าว 10 โมง” อยู่แล้ว และมีครั้งหนึ่งสมัยที่โอ๋ยังไม่ได้แต่งงาน และเคยมีโอกาสให้อาจารย์คฑาดูดวงให้ แล้วอาจารย์ก็บอกโอ๋ว่าจะเจอเนื้อคู่หลังวันเกิดนะ ให้เตรียมนั่น จัดนี่ แบบนี้นะ โอ๋ก็ทำตามที่อาจารย์แนะนำในตอนนั้น แล้วโอ๋ก็เจอสามีคนนี้จริงๆ แล้วก็แต่งงานกัน แถมอาจารย์ยังบอกโอ๋ตอนนั้นอีกว่าเนื้อคู่ของโอ๋จะเป็นลูกคนเล็ก หรือไม่ก็ลูกคนโต แล้วซึ่งก็จริงสามีเป็นลูกคนเล็ก ตอนนั้นโอ๋คือศรัทธาในตัวอาจารย์มาก เพราะอาจารย์แนะนำโอ๋ในตอนนี้เพิ่มอีกว่าถ้ายังไม่มีลูกนะ ให้จัดมุมบ้านแบบนี้ วางอันนี้ตรงนี้ ทิศนี้ โอ๋เชื่อและทำมาโดยตลอด และมันเห็นผลจริงๆ ส่วนตัวไม่รู้นะว่าเพราะอะไร มันก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคลไป แต่พอหลังจากเราทำตามทริคเล็กที่อาจารย์แนะนำ มันเห็นผลกับเรา มันเลยยิ่งทำให้เราเชื่อ และเราก็เลยอยากทำช่วง “ฮวงจุ้ย” ขึ้นมา และก็ชวนอาจารย์มาทำด้วยกันค่ะ”
แล้วปกติส่วนตัวเชื่อเรื่อง “ฮวงจุ้ย” ของบ้านมากน้อยแค่ไหน?
“ปกติที่บ้านโอ๋เลี้ยงปลาที่บ้าน เป็นปลาคาร์ฟประมาณ 8 ตัว และช่วงนั้นโอ๋ก็รู้สึกแบบเอ๊ะ ทำไมบ้านเรามันดูมืดๆ อึมครึมอยู่ตลอดเวลา และตัวโอ๋เองไม่เคยสังเกตเลยว่าปลาคาร์ฟในบ่อของเราตายไป เหลือประมาณ 4 ตัว เราไม่เคยมอง ไม่เคยสังเกตเลย จนกระทั่งตัดสินใจบอกสามีว่าไปหาซื้อปลามาลงเพิ่มดีกว่า เชื่อไหมคะว่าพอโอ่เอาปลาคาร์ฟมาลงอีกรอบ คือบรรยากาศบ้านมันเปลี่ยนไปจนเราสัมผัสได้ มันดูสว่างมากขึ้น ดูสดใส มีพลังมากขึ้น อารมณ์ดีขึ้นจริงๆ มีกำลังใจในการออกไปทำงานนอกบ้าน”
ทิศทางในการทำคอนเทนต์ช่วง “ฮวงจุ้ย” ยากง่ายมากน้อยแค่ไหน?
“ถ้าถามว่ายากง่ายแค่ไหน โอ๋ก็บอกตามตรงว่าตัวโอ๋เองก็ค่อยๆ ปรับและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เริ่มจากการที่เราอ่านให้เยอะ หาข้อมูลให้เยอะ โอ๋ก็ใช้เวลานั่งรีเสิร์ชหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตให้ได้มากที่สุด จดลิสต์แต่ละหัวข้อเอาไว้ว่า สิ่งไหนที่มันดูเป็นรอยรั่ว หรือเป็นปัญหาของคนที่มีบ้าน เช่นการซื้อต้นไม้ ซื้อต้นอะไรดี ต้นนั้นมีคนบอกไม่ดี อย่าเอาเข้าบ้านนะ รวมไปถึงหาข้อมูลในคำถามที่ใครหลายคนทางบ้านสงสัย จุดนี้โอ๋ก็เอามาเป็นโจทย์ให้กับช่วงของตัวเอง เพื่อให้เราเป็นสื่อกลางในการบอกข้อมูล และวิธีแก้ให้แก่ทุกคน”
ทำงานทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังพร้อมๆ กัน แบ่งเวลาให้ครอบครัวยังไงบ้าง?
“เวลาให้ครอบครัวจะเป็นช่วงเวลากลับบ้าน ที่เราจะให้เวลากับลูก ได้สอนการบ้านเขา รวมไปถึงเวลาที่เขาไปเรียนพิเศษ โอ๋จะหาเวลาไปรับเขาด้วยตัวเอง เพราะโอ๋ก็มีความเชื่อว่าแม้เราจะมีพี่เลี้ยงที่คอยดูลูกให้เราจริง แต่สุดท้ายเราคือแม่ยังไง ไม่มีใครดูแลลูกของเราได้ดีที่สุด เท่ากับตัวของเราเอง มันมีรายละเอียดยิบย่อยไปหมด ซึ่งในฐานะคนเป็นพ่อเป็นพ่อควรใส่ใจลูก หมั่นสังเกตว่าเขาชอบไม่ชอบอะไร อยากเรียนรู้อะไร เพราะอะไร แต่โอ๋ก็เบาลงไปเยอะเพราะน้องเรโกะตอนนี้ก็อายุ 6 ขวบแล้ว อาจจะมีบ้างที่บางทีเขาอยกวาดรูปเขาก็ไปเกาะอยู่ตามร้านวาดรูปเวลาไปข้างนอก อยากเรียนภาษาอังกฤษโอ๋ก็จะเช็คว่าจริงไหมนะที่ลูกอยากเรียนก็ให้เขาฝึกพูด ฝึกคุยประมาณ 4-5 รอบ แต่จริง ๆ ก็ตามวัยของเขาที่จะมีความอยากรู้อยากเห็น ใจร้อนบ้างตามประสาของเด็กแล้วก็เรื่องอาหารการกินโอ๋ก็ค่อนข้างเลือกเอง ไปจ่ายตลาดเอง มาทำกับข้าว ปอกผลไม้ให้ลูกกินบ้าง แล้วแต่จังหวะไปค่ะ”
จะมีโอกาสได้เห็นบทบาททางการแสดงละครบ้างไหม?
จริง ๆ ก็ถ้ามีโอกาส ตัวโอ๋เองก็ยินดี เพราะว่าเราก็หายไปนานจากตรงนั้น และโอ๋เชื่อว่าใครที่เคยทำงานตรงนี้ เคยใช้ชีวิตในกองถ่ายลึก ๆ ต้องคิดถึงฟีลเก่า ๆกันบ้าง ทั้งเพื่อน ทั้งทีมงาน มาเจอกัน พูดคุยกัน จริง ๆ มีบทละครที่โอ๋อยากเล่นเยอะแยะเลย แต่ยังไม่เคยได้มีโอกาสเล่นสมัยวัยรุ่น คือแบบร้ายลึก ใส่อินเนอร์เข้าไปทางแววตา เป็นคนบ้า เพ้อ ๆ แบบโรคจิตหน่อย ๆ รู้สึกว่าเราได้ปล่อยของจากตัวเราออกไปอย่างเต็มที่”
ฝากผลงานนิดนึง
“ค่ะ โอ๋ก็ขอฝากช่วง “เรื่องบ้านน่าอยู่” ที่จะมาบอกเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับบ้าน การแก้ปัญหา หรือการปรับเปลี่ยนมุมของบ้าน และสาระความรู้อื่นๆแฟนรายการสามารถพิมพ์คำถามเกี่ยวกับฮวงจุ้ย หรือสิ่งอยากรู้มาได้ที่อินสตาแกรมส่วนตัวของโอ๋ @yadaoh เดี๋ยวโอ๋จะสุ่มคำถามเอาไปตอบในช่วงบ้านน่าอยู่ให้นะคะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี