เป็นอีกหนึ่งหนุ่มคนบันเทิงที่สร้างรอยยิ้มให้กับแฟนๆตลอดเวลาทั้งในจอและนอกจอเลยทีเดียว สำหรับ ตั้ม วราวุธ เมื่อได้มาแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เจ้าตัวก็ได้เล่าย้อนถึงเรื่องราวที่น่าฟังว่าก่อนเข้าวงการตัวเองเฟี้ยวฟ้าวใช่เล่น และยังเปิดเส้นทางกว่าจะเข้ามายืนอยู่บนเวที The Star ที่พลิกชีวิตของตัวเองทุกวันนี้นั้นไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเลย พร้อมเล่าเรื่องชวนขนหัวลุกเคยโดนทำของใส่ทำให้เป็นอันต้องตกหลุมรัก
ตั้ม วราวุธ : คือ ช่วงหนึ่งพ่อผมส่งไปเรียนโรงเรียนวัดตรงนั้นมีทุกอย่างเลยครับ มีเด็กส่งยา แถมบ้านผมเด็กป.2 นี่เก็บฟอยล์ ไปฝากแม่แล้วนะ เก็บฟอยล์เพื่อนบอกว่าเดี๋ยวแม่ให้ขาหนึ่ง ขอโทษนะครับ ดูดบ้องเลยเด็กป.2 นะ คือ เพราะตรงนั้นมีทุกอย่างให้ผมเห็นเลยทำให้ผมรู้ทุกอย่างเลยแล้วคือ ผมไม่เอาด้วยนะครับ เพราะว่าผมไม่ชอบเอง
ถาม ไม่ติดอะไรสักอย่างแต่ดันไปติดการเป็นเด็กแว้น ซึ่งคุณลักษณะของการเป็นเด็กแว้น คือ
ตั้ม วราวุธ : ท่อต้องดังก่อนครับ เพราะว่าท่อสำคัญแล้วก็การแต่งตัวก็สำคัญครับ สมัยนั้นเข็มขัดจะเป็นเหล็กแล้วเป็นหมุดๆครับ ส่วนกางเกงเขาให้ใส่ตรงเอวเราจะใส่ตรงขอบก้น แล้วกางเกงข้างในสีต้องแบบสีส้ม สีแดงต้องเห็นครับ ซึ่งรถเราก็ต้องเร็วด้วยนะครับ แต่ว่าเราเร็วได้แค่นั้นเพราะเมื่อเก่ารถของพ่อเราเป็นรถเก่าๆมอเตอร์ไซส์เราต้องขี่ไปโรงเรียนเราก็เลยให้เพื่อนแต่งให้เสร็จปั๊บ !! เสียงท่อดังป้องๆป้องๆป้องๆ เวลาสตาร์ต แล้วเวลาขับคือ เสียงดังมาก ดังแต่ท่อล้อไม่หมุนเพราะว่ารถของผมคือเก่ามากล้อรถเลยหมุนได้ไม่เท่าไหร่ แต่ขอให้อยู่ในกลุ่มได้แค่เสียงดังพอแล้ว แล้วพอผ่านหน้าโรงเรียนอื่นปาดก่อนเลย คือ มี 2 อย่าง คือ ไม่ได้หญิงก็ได้เท้าครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นเราไม่ได้มีความรู้สึกว่าภูมิใจนะครับ แต่เรารู้สึกว่าเราเท่เพราะว่าเพื่อนว่าเท่ แต่พ้นจากตรงนั้นมาผมรำคาญเหมือนกันนะ เหมือนเราขับรถอยู่แล้วเจอแบบแว่วมาเนี่ย เรายังรู้สึกว่าเอ๊ะ !! ทำไมต้องขนาดนั้น แต่ก็นึกในใจว่า เหมือนเราส่องกระจก เหมือนเห็นตัวเองอะไรอย่างนี้
ถาม ตอนแรกมีความตั้งใจอยากที่จะเป็นคือ เป็นทนายความ
ตั้ม วราวุธ : คุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้คาดหวัง พ่อไม่ได้บังคับผมให้ผมต้องเป็นทนายความ พ่อสอนผมว่าไม่ต้องเรียนเก่ง เรียนให้จบ อยากใหเก่งเรื่องชีวิตมากกว่า แล้วพ่อเคยพูดกับผมคำหนึ่งผมจำแม่นมากตอนเด็กๆเขาบอกว่าภูมิใจไหมที่แบบว่ามีพ่อเป็นพ่อดีใจหรือเปล่า ดีใจไหม พ่อคือ ฮีโร่สำหรับเราผมภูมิใจมาก พ่อบอกโอเค งั้นเราก็ทำให้พ่อภูมิใจบ้างว่าเราเป็นลูกว่ามีเราเป็นลูก คำนั้นผมจำแม่นมากเลย
ถาม ซึ่งความตั้งใจของ ตั้ม จริงๆคือ รักในการร้องเพลง
ตั้ม วราวุธ : จริงๆผมร้องเพลงอยู่ที่โรงเรียนมาพอสมควรแล้วก็ ขั้นแรกที่ได้รู้สึกว่าแตะวงการบันเทิงเลยคือ ผมได้ไปประกวด TO BE NUMBER ONE IDOL ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนไปครับตอนนั้น คือ ผมอยากเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ผมอยู่ม.ต้นแล้ว ผมขับรถผ่านศาลหนึ่งของแถวบ้านผม ผมก็บอกว่าขอให้ผมผอมขาวหน้าใสไร้สิวผมขอให้ผมเข้าไปอยู่ในวงการบันเทิงแบบนี้ทุกวัน เพราะตอนเด็กๆผมอ้วนเกือบหนึ่งร้อยกิโล แล้วก็สิวครับ แล้วอยากเข้าวงการบันเทิงซึ่งผมท่องแบบนี้ทุกวันเลย ซึ่งมันห่างจากตัวผมมากข้อสุดท้ายรวมกัน ผมขอทุกวัน
ถาม และก็ได้เข้ามาประกวดเวทีที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ นั่นคือ เวที The Star จุดเริ่มต้นมาประกวดก็เพราะ ???
ตั้ม วราวุธ : แล้วพอวันหนึ่งพร้อมที่จะไปประกวด The Star ก็จับมือกันไปเขาก็บอกว่าเราไปสมัคร เดอะสตาร์ กันไหม ก็จับมือกันไปครับ จับมือกันไปประกวดที่ภูเก็ต ผมติดแต่เขาไม่ติด ตอนนั้นผมคิดว่าเขาติดด้วยนะ เพราะตอนนั้นกรรมการดูไม่สนใจผมเลยครับ เพราะผมร้องเสร็จเขาไม่ถามอะไรผมต่อเลย โอเคค่ะ แล้วผมไปเลย แต่กับแฟนผมเขาถาม เขาคุยต่อ เขาให้ร้องเพลงอื่นๆอะไรอย่างนี้ แต่ผมได้เข้ารอบมา ซึ่งตอนที่ไปประกวดที่ภูเก็ตตอนนั้นลำบากมากครับ คือ ผมไม่ได้บอกพ่อแม่ ที่ไม่ได้บอกเพราะหนึ่งไม่อยากให้พ่อแม่คาดหวัง สองถ้าเกิดว่าได้อย่างนี้ แม่ต้องดีใจมาก (ตอนนั้นเราคิดแบบเด็กๆนะครับ) แล้วเราก็รู้สึกว่าเราภาคภูมิใจที่เราจะเอาเงินของเราเองไปแข่งเอง ไปทำเอง ไปเดินทางเองอะไรอย่างนี้ครับ ก็เลยไม่ได้บอกพ่อแม่ เราก็นั่งรถทัวร์ไปครับ คิดว่าภูเก็ตคนน้อย ถ้าเราไปกรุงเทพฯหน้าบ้านแบบเรา แค่ก้าวเข้าไปต้องไม่ได้แน่เลย ภูเก็ตคนน้อยเราไปภูเก็ตดีกว่า ก็นั่งรถทัวร์ไป 12 ชั่วโมง อาเจียนตลอดทางเมารถมาก พอไปถึงผมไปพักบ้านน้อง ซึ่งอยู่ห่างจากที่แข่งขันครับ จังซีลอนประมาณเกือบ 40 กิโล ไกลมากแล้วน้องก็ไม่มีรถยนต์ ต้องขี่มอเตอร์ไซค์กันไป วันแข่งผมคิดเลยเราต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเลย เราต้องไปคิวแรกๆเพราะเราไม่อยากไปรอนาน ฝนตกแบบพายุเข้าผมก็ขับฝ่าฝนไปเซเว่นอยู่ตรงนั้นเอง ไปซื้อเสื้อกันฝนแล้วก็เอาเสื้อผ้ายัดใส่ใต้เบาะรถกันไปพังหมดทุกอย่างที่เตรียมมาบวกกับตอนนั้นฟันหลอด้วย เพราะว่าผมปวดฟันก่อนหน้านั้นประมาณ 2 อาทิตย์ ไปหาหมอ ซึ่งเป็นฟันด้านหน้าเลยครับ คือ เวลายิ้มแล้วคือเห็นเลย ซึ่งหมอเลือกที่จะรักษารากฟัน 50,000 บาท แต่ผมมีเงินอยู่ในบัญชี 3,000 บาท ผมเลยบอกว่าหมอถอนเลยได้ไหมเพราะว่าผมปวดมาหลายวันแล้ว หมอบอกว่าถ้าปวดคือ ถอนไม่ได้นะ ต้องหายปวดก่อนค่อยมาถอน ผมเลยกลับบ้านไปกินยาแก้ปวดเลยแล้วเย็นผมมาใหม่แล้วถอนเลย แล้วผมก็ถามคุณหมอว่าถอนแล้วต้องยังไงต่อ คุณหมอก็บอกว่าถอนแล้วต้องใส่ฟันปลอม 3,000 กว่าบาท เราก็โอเค เพราะว่าราคานี้เราสู้ไหว ก็เลยตัดสินใจถอนลืมวางแผนไปว่า เดี๋ยวจะไปประกวดเดอะสตาร์แล้ว คือ ซี่ที่ผมถอนคือ เป็นซี่ที่ออกสื่อด้วยคลิปผมสัมภาษณ์พี่แฟรงค์ผมจะยืนเอียงอีกฝั่งที่ไม่ได้ถอนสู้ก่อน แล้วผมจะ …สวัสดีครับ ผมตั้ม วราวุธ (แล้วทำปากเล็กๆ) คือยืนๆอยู่อย่างนี้ แล้วทุกอย่างคือแบบจากที่ว่าจะพร้อมแล้วดูเหมือนไม่พร้อมไปหมด อีกวันหนึ่งต้องมาฟังผลก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาใหม่ รถล้ม ตอนนั้นผมนึกในใจไม่ต้องไปฟังแล้วมั้งเหมือนมันมีลาง แต่ว่าไม่ได้เพราะว่าแฟนก็แข่งด้วย แล้วเขาดูสนใจแฟนเราด้วยก็อาจจะติดก็ได้ ก็ขับไป จังหวะนั้นคิดแล้วว่าเออ…ไปดูเป็นเพื่อนแฟนแล้ว ปรากฏตัวเราติด แฟนไม่ติด แต่แฟนแบบเขาดีมากเลยนะครับ ตอนนั้นเขาให้กำลังใจ เขาไม่โชว์ความนอยด์ให้เราเห็น เราก็ปลอบใจเขาว่าโอเคไม่เป็นไรนะ นี่เราเป็นตัวแทนให้ ณ วันนั้นเราเด็กอ่ะครับ เดี๋ยวเป็นตัวแทน เดี๋ยวทำให้เต็มที่เลยอะไรอย่างนี้ เขาก็เหมือนแบบว่าฝากความฝันไว้ที่เราว่าไปสู้ให้หน่อย ตอนนั้นมันบวกมากมันใสๆ
ถาม แต่เมื่อเรามาถึงจุดที่ทำให้ฝันสำเร็จ แต่ก็ต้องเสียความรักไป เกิดอะไรขึ้น
ตั้ม วราวุธ : วันนั้นมันยังไม่เห็นครับ ผ่านหลังจากนั้นไป 4-5 เดือน แล้วเขาเริ่มคุยกับคนใหม่วันนั้นแหละครับใจของผมสลายเลยครับ เพิ่งรู้ว่ามันโคตรเจ็บ ผมร้องไห้ในวันที่ต้องเสียเขาไปจริงๆ ผมร้องไห้หนักมาก แล้วเขาผมพูดกับเขาขึ้นมาคำหนึ่งก่อนหน้านั้น เขาบอกว่าถ้ารู้อย่างนี้ เขาจะไม่ชวนผมมาประกวดเดอะสตาร์มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนเวลาผมดู la la land หรือพวก Begin Again อะไรอย่างนี้ ผมรู้สึกเซนซิทีฟกับเรื่องนี้มากเพราะตอนนั้นเราก็รักความฝันของเราที่เราพยายามมาตลอด แต่เราแค่วางตัวไม่ถูก แต่ถ้าเป็นตอนนี้ ถ้าเป็นผมที่มี Mindset ตอนนี้ ในเวลานั้นน่ะไม่เลิกแน่นอนครับ
ถาม เขารู้ไหมในวันที่เราร้องไห้หนักมาก
ตั้ม วราวุธ : ไม่รู้ครับ เขาไม่เคยรู้ วันที่เขาโทรมาเล่าให้ฟังผมเข้มแข็งมากเลย ผมแบบบีบมือตัวเอง เออ…คุยกับคนนี้อยู่อะไรอย่างนี้ เราก็บอกเขาว่าโอเคถ้าเขาดูแลก็ดีแล้ว แล้วเขาเป็นอย่างไร แล้วคุยกันเจอกันที่ไหน แต่ระหว่างที่คุยกันเขาผมบีบมือตัวเองแน่นแบบ .. ไม่ไหวแล้วแต่เราไปพูดกับเขาอย่างนั้นแล้วไงว่าโอเค ออกตัวว่าเธอจะให้ใครมาดูแลก็ได้ ซึ่งในระหว่างช่วงที่เขาหายไป 4 เดือน เพราะเราทำงานทุกวันครับ แล้วออกหลังจากที่ผมออกมาผมมีคอนเสิร์ต 4 โพดำเลยด้วยคอนเสิร์ตแรก แล้วผมก็ต้องไปเดินสายโปรโมตวิทยุแล้วก็ต้องจำสคริปต์ จำเนื้อเพลง จำท่าเต้นขึ้นคอนเสิร์ต ช่วงนั้นมันเป็นแบบนั้นหมดเลย แล้วผมทำอัลบั้มด้วย ก็เลยไม่มีเวลาที่จะคิดถึงเขาแต่มารู้ตัวอีกครั้งคือ วันที่เขาโทรมา วันนั้นผมร้องไห้โลกแตกเลยร้องไห้จนหลับ
ถาม ซึ่งจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ เขาคนนั้นไม่เคยได้รู้เลยว่า ตั้ม รู้สึกอย่างไร ถ้าสมมติเขาดูอยู่ตอนนี้มีอะไรอยากจะบอกเขาบ้าง
ตั้ม วราวุธ : ไม่เคยครับ ผมเพิ่งพูดวันนี้ที่แรกไม่เคยพูดที่ไหน ก็อยากให้รู้ว่าผมเองก็เสียใจ ก็เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้นจริงๆมันสามารถควบคู่ไปด้วยกันได้ สำหรับยุคนี้ในความรักกับความฝัน ณ วันนั้นผมก็ต้องยอมรับว่าผมตัดสินใจพลาดครับผม แต่ว่าผมก็เชื่อว่าเขาเป็นคนดีแหละ ณ วันนี้เขาก็มีแฟนของเขาผมก็คิดว่าเขาน่าจะเจอคนที่ดีและเขาก็รักกันนานมากแล้ว ผมก็ยินดีด้วยจริงๆที่เขาเจอคนที่เขารักมากจริงๆแล้วก็ดูแลเขาได้จริงๆ อันนี้ยินดีด้วยมากๆครับผม ถ้าเกิดว่า เขามีเรื่องอะไรจะปรึกษาหรือวันหนึ่งเขาแต่งงาน ผมจะไปยินดีกับความรักของเขาและก็ยังหวังดี และก็ยังเป็นห่วง และยังนึกย้อนกลับไปไม่ลืมว่าเรื่องราวความรักของเรา มันเป็นจุดเริ่มต้นอะไรหลายๆอย่างในชีวิตผมแล้วมันสอนให้ผมมาเป็น ตั้ม วันนี้ มีวิธีคิดแบบนี้ ขอบคุณมากๆสำหรับความรักครั้งนั้นที่เราเคยมีให้กัน (ทุกคนตบมือ)
ถาม เมื่อเข้ามาในวงการบันเทิงอย่างที่ได้ตั้งใจแล้ว และในช่วงที่ฮอตมากๆ ตั้ม คิดว่าน่าจะโดนทำของใส่ ???
ตั้ม วราวุธ : สันนิษฐานว่าโดนทำของ เพื่อนๆบอกเลย เพราะผมมารู้ทีหลังว่าเพื่อนของผมเคยโดนกับคนนี้จากคนเดียวกัน แต่ผมหุนหันพลันแล่นมาก ตอนนั้นผมไวมากพี่ฉอด ผมเจอคืนนั้นปั๊บ!! นอนคุยกันรู้สึกเข้าอกเข้าใจในคืนเดียว เข้าอกเข้าใจรู้สึกว่ารักมากๆพอเขากลับราชบุรีไปเจอพ่อแม่เลยเช้าอีกวันหนึ่ง รู้สึกว่ารักผู้หญิงคนนี้ รู้สึกว่าชีวิตเขาเจออะไรมาเยอะเข้าใจเขา สงสารเขา เพราะเขาเล่าเขาร้องไห้ร้องไห้อยู่บนอกเราอย่างนี้ มันเป็นความรู้สึกแบบสุภาพบุรุษจริงๆขับไปต่างจังหวัดพาขี่มอเตอร์ไซค์ชมป่าชมเขา ชมนกชมไม้ พ่อแม่นี่งงไปเลย ว่าเขาเป็นใคร แม่คนนี้แฟนชอบรัก แม่ก็ช็อกๆ แล้วเพื่อนก็เริ่มรู้เพราะว่าคืนนั้นไปเที่ยวกันแล้วผู้หญิงคนนี้มากับผม เรื่องมันคืออย่างนี้ ผู้หญิงคนนี้จริงๆมากับเพื่อนผมอีกคนหนึ่งก่อนแต่อยู่ชั้นบน เสร็จปั๊บโทรหาผม ลงมาหาผมข้างล่างแล้วร้องห่มร้องไห้เล่าถึงเรื่องชีวิตแล้วก็เหมือนแบบก็ไม่ได้เล่าเรื่อง ผมก็ไม่ได้ถามอยู่แล้วไงว่าข้างบนกับเพื่อนคืออะไร แต่สงสารเขาแล้วเขาร้องไห้มา เขาต้องกินยา เขาเหมือนเป็นซึมเศร้าอะไรอย่างนี้ด้วย ผมก็รู้สึกเข้าอกเข้าใจ ช่วงนั้นมันเป็นช่วงสงกรานต์พอดีครับ คือ ก่อนหน้าที่ผมจะเจอผู้หญิงคนนี้ ผมเพิ่งเลิกกับคนที่ผมคุยอยู่(ซึ่งคนนั้นเหมือนคบแล้วแหละแต่คบได้ 2-3 เดือน) ก็เหมือนจะจริงจังนะครับ แต่ทะเลาะกันแล้วเขาบอกเลิกผม แล้วผมก็มาเจอคนนี้ใช่ไหมครับ เจอคนนี้ก็พากลับบ้านแล้วรู้สึกหลงเขามากคนนี้ ลืมคนนั้นไปเลยที่เพิ่งกำลังเฮิร์ตอยู่ เสร็จปั๊บ !! ก็พากลับมาเขาบอกว่าเขาขออยู่ห้องนะคืนนี้ไม่ออกไปสงกรานต์ ผมออกไปเจอแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกได้เมื่อ 3 วัน เขาบอกว่า มีคนบอกว่าพาผู้หญิงมาห้องแล้วเหรอ ผมก็แบบใคร รู้ได้ไง ไม่มี แบบตอนนั้นโดนตบกลางอาร์ซีเอเลยครับ เขาก็บอกว่าแค่วันสองวันเนี่ยนะ ก็เธอเลิกกันเราแล้ว เธอเป็นคนบอกเลิกเราอะไรอย่างนี้ ก็เธอว่าจบแล้วไง เลิกคุยแล้วอะไรอย่างนี้ ไม่เลือกเลย !! เลือกเลย เขาก็ให้เราเลือก คือ แค่งอนเข้าใจไหม ให้มาง้อ แต่ผมไม่ง้อไงถ้าเกิดว่าจะเลือกนี่ กลับไปแล้วบอกผู้หญิงคนนั้นให้ออกจากห้องไปเลือกครับ ตอนนั้นเพื่อนโทรมาบอกผมแล้วว่าโดนของ (เพื่อนคนหนึ่งโทรมาบอกว่า ถ้าจะเอาผู้หญิงคนนี้ คบผู้หญิงคนนี้) เพื่อนจะเลิกคบเรา เพราะเขาบอกว่ามันเคยโดนทำของมาแล้ว ปรากฏกลับไปผมเจอด้วย
ถาม แต่ความรักใดๆก็ไม่เท่ากับความรักของครอบครัว แต่ก็แอบแปลกนิดทำไมไม่ค่อยแสดงออกความรักซึ่งกันและกันเหรอ
ตั้ม วราวุธ : ใช่ครับ วิธีการแสดงความรักครอบครัวผมไม่ได้กอดกัน หอมแก้มกันบ่อยๆบอกรักไหมไม่บอกเพราะว่าเราเห็นว่าแม่ก็ไม่ได้ทำกับยาย พ่อก็ไม่ได้ทำกับปู่กับย่า แต่เราเห็นวิธีการปฏิบัติเทคแคร์ว่าเขาทำแบบไหนครอบครัวผมเลยเป็นแบบทื่อๆแบบนั้น แล้วมันมีงานวันแม่อยู่ปีหนึ่งตอนผมอยู่ม. 3 ผมไม่ได้กอดแม่นานมากแล้วอยู่ๆแม่ก็ดึงไปกอด แล้วก็หอมแก้ม ผมแบบอบอุ่น ผมจะร้องไห้นะ ตอนที่ผมกอดเขามันเป็นความรู้สึกอะไรไม่รู้ครับ แต่ผมก็ไม่กล้าร้องไห้ เพราะความแข็งทื่อของเรา ไม่อยากเอ่อออกมาให้แม่เห็นว่าเรากำลังน้ำตาคลอเพราะได้กอดแม่อะไรอย่างนี้ครับ ไม่รู้ทำไหม แต่เดี๋ยวครั้งหน้าที่ผมกลับไปเจอแม่แล้วผมจะกอดเลยแล้วจะแท็ก พี่ฉอด พี่อ้อย พี่อั๋น ว่าผมกอดแม่ก่อนเลย
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี