เป็นดาราชาย “ลายเจ้าชู้” จะมีให้เห็น-ให้รู้ อยู่ทุกตัวคน และ “ทุกยุค ทุกสมัย” ไม่ใช่ว่าจะเห็นได้ในสมัยนี้ เพียงแต่ว่าสมัยเมื่อกว่า 30 ปี ไม่มีใคร “กล้าออกลาย”
ว่ากันว่า คนที่เป็นเยี่ยง “งูเหลือม” เลื้อยไม่มีขอบเขต และมีสาเหตุมากมายที่สื่อในยุคนั้น มีการยืนยันว่า ถ้าไม่มี “หนิง”-นิรุตต์ ศิริจรรยา แล้ว น่าจะต้องยกตำแหน่ง “ขุนแผน”แสนสะท้านให้กับพระเอก หนังเรื่อง“ผมไม่อยากเป็นพันโท”
สายัณห์ จันทรวิบูลย์ พระเอกผิวสีแทน แฟนคนแรกของ ดวงดาว จารุจินดา ที่เวลานี้ ละครเรื่องไหน “ฟอร์มดี” ต้องมีเธอ
“ตุ๋ย”-สายัณห์ เล่นหนังเรื่องแรก ก็เริ่มประเดิมด้วยการเป็นคนที่รู้ใจ แบบดาราสมัยนี้ กับ “ดวงดาว” ลูกสาวคนสวยของ ผู้กำกับฯดังอย่าง สักกะ จารุจินดา
แต่ด้วยลายเจ้าชู้ อยู่กับสาวใด “เจ้าตุ๋ย”สายัณห์ จะต้องสรรหา “คารมที่เป็นต่อ” มาก้อร่อก้อติกกับสาว ทั้งในและนอกวงการเสมอ
แล้วด้วยความรัก อย่างตั้งใจ “เจ้าตุ๋ย” เผลอมีลูกชายกับ “ดวงดาว” ถึง 2 คน คือ “ตั้ม
“วิชยะ และ “เติ้ล”ตะวัน จารุจินดา ที่เวลานี้ ทั้งสองคนเดินบนถนนบันเทิงได้อย่างเริ่ดหรู
“เจ้าตุ๋ย” อยู่เพียงแค่มีลูก แต่ถูกสาวอื่นแย่งไปกก แบบไม่มีการตกแต่งอีกหลายคน จนคนสุดท้าย ( ในเมืองไทย ) ได้อยู่กันยาวนาน แม้งานหนังไม่มี งานละครยังไม่มา ก็สามารถหากินได้ด้วยการเปิดร้านอาหารทะเลขายริมหาดศรีราชา
มีเรื่องเล่าที่ลูกชาย “ขุดเอามาขาย”ให้ฟังว่า พ่อ น่าจะกลัวเมียคนใหม่ที่ชื่อ “แหม่ม”มาก ถึงขนาดว่า ตอนเล็กๆ ไม่เข้าใจ ทำไม่พ่อจึง “กลัวขนาดนั้น”
“เจ้าหนุ่มตั้ม”ลูกชายคนโต ยืนยันว่า อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ นั่งรถกะบะด้านหลัง ที่มีหลังคามากับพ่อ และน้องชาย ที่ยังไร้เดียงสาทั้งคู่
สมัยนั้น โทรศัพท์มือถือขนาดเล็กยังไม่มี แต่มีโทรเคลื่อนที่แล้ว ขนาดเล็กกว่า กระติกน้ำแข็ง เสียงโทรดังแข่งกับเสียงรถ
แต่ถึงอย่างไร “เจ้าตั้ม” ก็บอกว่า เสียงโทร.ดังได้ยินชัดเจน ข้างซ้ายเป็น “แหม่ม” เมียพ่อแต่ไม่ใช่แม่ และเพราะเสียงโทรดังทำให้ “เจ้าตุ๋ย” ต้องคว้าโทรที่ใหญ่เกือบเท่าสากกะเบือขึ้นมา
“โหล...!! ..โหล..!!” ส่งเสียงอยู่หลายโหล นัยน์ตาชำเลืองมอง “แม่แหม่ม” อย่างหวาดหวั่น
“ ยึ้ย ยย!” ออกเสียงเหมือนรำคาญ “ใครก็ไม่รู้ พูดไม่ได้ยิน” แล้ววางหูโทรศัพท์ทันที ...
แต่ทางออกที่ “คล้ายจะมี” เพราะนั่นคือโทรศัพท์ ที่คุณภาพการได้ยินต่ำ หากว่า “เจ้าตุ๋ย”เหมือนหนีไม่ออก เนื่องจากเสียงโทรศัพท์ ที่ดังขึ้นอีกหลายครั้ง และทุกครั้ง “เจ้าตุ๋ย” ต้องทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้าม
จนกระทั่ง “แม่แหม่ม” คงทนอาการที่เก็บไม่อยู่ของ “พ่อตุ๋ย” ไม่ไหว ถึงกับเอ่ยปากขอรับโทรศัพท์เอง ด้วยอาจจะเกรงว่า ถ้าต้องรับแบบนั้น มันน่า “อันตราย” ( กับการขับรถ )
เสียงกริ๊งสุดท้ายด้งขึ้นอีกครั้ง “เจ้าหนูตั้ม” ที่นั่งด้านหลัง มองดู พ่อของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ...
เพราะนอกจากจะไม่รับสายอย่างที่เคยทำมา 2-3 ครั้ง และ แม้รถเก๋งกำลังวิ่งลงมาจากเส้นทางลงพระราม 6 ยังไม่ถึงประชาชื่นดี
แทนที่ “พ่อตุ๋ย” จะส่งโทรศัพท์ให้ “คุณแหม่ม” อย่างที่เธอต้องการ กลับขว้างเจ้าโทรศัพท์เครื่องนั้น ออกนอกรถด้วยความหงุดหงิด เหมือนติดมาจากบทบู๊ในหนัง
วันนั้น “เจ้าหนูตั้ม” บอกไม่เข้าใจ “อารมณ์พ่อ”เหมือนกันว่า ...
กะอีแค่ “ไม่ได้ยินเสียง”คนในโทร. ถึงกับต้องโมโห “ขว้างโทรศัพท์” ที่วันนั้น ราคาหลายหมื่น....!!
แต่วันนี้ “เจ้าหนูตั้ม” ที่มีครอบครัว และ “เกลียมัว” เหมือนกัน เข้าใจแล้วว่า...
ขึ้นชื่อว่า “เมีย” เห็นแค่สายตา ยอมรับทุกคนว่า “โหดโคตรหิน” ได้ยินเสียงกระซิบ “ยังผวา...!!”
อาร์ม สีทอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี