เรียกได้ว่าฮาได้อารมณ์จริงๆ สำหรับภาพยนตร์รากหญ้าเอาใจคนบ้านเฮา “แหยมยโสธร 3” หลายคนที่ได้ชมแล้วจะบอกได้ว่าม่วนแค่ไหน แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ยังไม่เก็ทมุขที่เล่นเพราะภาษาที่ใช้นั้นไม่ใช่ภาษากลางแต่ก็อยากให้ลองเปิดใจและชื่นชมกับ แหยม 3 ด้วยเนื้อหาภาษาสื่อถึงวิถีชีวิตของชาวอีสานโดยแท้ ซึ่งต้องบอกว่ามันมีเสน่ห์ในตัวมัน อีกอย่างได้พระเอกหน้าใหม่อย่าง “บิ๊กเอ็ม-ลิขิต บุตรพรม” ซึ่งก็มีสายเลือดอีสานแท้จาก จ.ขอนแก่น เราจะมาทำความรู้จักกับนายคนนี้เพิ่มจากที่เคยรู้
สวัสดีครับ ผม “บิ๊กเอ็ม-ลิขิต บุตรพรม” รับบทเป็น “คฑาเทพ” ใน “แหยม ยโสธร 3” ก่อนหน้านี้เรียนจบจาก มหาวิทยาลัยมหาสารคามครับ
เป็นไงมาไงถึงได้มาแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้
มีพี่ที่รู้จักติดต่อมาว่ามีภาพยนตร์เรื่อง “แหยม 3” กำลังหานักแสดงใหม่ ต้องการคาแร็กเตอร์ประมาณนี้ แล้วก็ต้องพูดภาษาอีสานได้ ก็ลองไปแคสดู ตอนนั้นก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ ได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร ถือเป็นประสบการณ์ จำได้ว่าวันไปแคสติ้งผมไปเป็นคนสุดท้ายเลย ก็ต้องทำอะไรหลายอย่าง ทั้งต้องพูดอีสานและแสดงให้พี่หม่ำดู ซึ่งพอรู้ตัวว่าได้เล่น ก็รู้สึกดีใจมากครับ
บทบาท-คาแร็กเตอร์
สำหรับคาแร็กเตอร์ของคฑาเทพก็เป็นหนึ่งในลูกของแหยม ก็จะเป็นคนนิ่งๆ สุขุมใจเย็นสไตล์นักเรียนนักกฎหมายครับ กลับมาบ้านช่วงปิดเทอม มาเยี่ยมพ่อ-แม่ แต่ระหว่างทางได้มาเจอกับ “รำพัน” (อิงฟ้า เกตุคำ) ก็เลยตกหลุมรักกัน แต่ไม่รู้เลยว่ากำลังจะนำปัญหามาสู่ตนเองและพ่อกับแม่ เพราะครอบครัวเราทั้งสองไม่ถูกกัน
ตอนที่ต้องเข้าฉากครั้งแรกในชีวิต รู้สึกอย่างไรบ้าง
ไปกองวันแรกเกร็งมากครับ พะวงหลายอย่าง ก็เป็นฉากที่ต้องเข้ากับ “มิกซ์” (เพทาย วงษ์คำเหลา) ที่เล่นเป็น “คำผาน” น้องเราในเรื่อง เรื่องราวประมาณว่า คำผานมาปรึกษาผมเรื่องความรัก ต้องจีบยังไง วันแรกยอมรับว่าเกร็งเพราะไม่เคยแสดงมาก่อน พี่หม่ำก็จะคอยบอกว่าทำตัวสบายๆ ให้คิดว่าเรากำลังคุยกับน้องเรา ต้องคุยแบบไหน อารมณ์ไหน สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
แสดงหนังครั้งแรกแถมต้องมาเป็นพระเอกแบบเต็มตัวอีก รู้สึกอย่างไรบ้าง
จริงๆ กลัวและก็กดดันมาก เพราะเป็นการแสดงหนังเรื่องแรก และงานหนังมันก็มีความละเอียดสูงด้วย แต่ว่าพอมาเล่นจริงๆ แล้วมันไม่กดดันเลยครับ เพราะพี่หม่ำแกเป็นคนฮา เวลากำกับก็คลายเครียด หัวเราะอยู่ตลอด ก็เลยทำให้เราไม่เครียดครับ
มีฉากไหนที่รู้สึกว่าเล่นยากบ้าง
ฉากยากคงจะเป็นฉากที่นั่งอยู่ในบ้านกับพี่หม่ำกับพี่เขียว มิกซ์เดินเข้ามาแล้วก็โดนพ่อด่า แล้วผมก็จะต้องปลอบก็ไม่เชิงแบบว่าปลอบ แต่ต้องไล่น้องไปทำการบ้าน ต้องสื่ออารมณ์ทางสายตา ก็คือว่าเป็นห่วงน้องที่โดนพ่อด่าด้วย ฉากนี้ก็จะหลุดเยอะเหมือนกัน เพราะว่ามันยากที่ต้องเข้าฉากกับพี่หม่ำ และพี่หม่ำก็จะชอบปล่อยมุขสด ซึ่งผมก็ตั้งตัวตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน บางครั้งก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จริงๆ ครับ
พูดถึงผู้กำกับ หม่ำ จ๊กม๊ก
พี่หม่ำเป็นคนใจดีครับ ตอนแรกก็กลัวเหมือนกัน เพราะเคยเห็นแกอยู่ในทีวี. พอมาเจอก็เกร็งๆ แต่ตอนที่ทำงานด้วยกัน แกจะทำให้นักแสดงทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด คือเรื่องนี้นักแสดงใหม่เยอะมาก แกจะควบคุมบรรยากาศทุกอย่างเอาไว้ คอยปล่อยมุข ให้กำลังใจตลอดครับ อยากขอบคุณพี่หม่ำที่ให้โอกาสครับ
พูดถึงสีสันและความสนุกแบบยกกำลังสามของแหยม ยโสธรในครั้งนี้
เสน่ห์ของหนังแหยมตั้งแต่ภาคหนึ่งถึงภาคล่าสุดนี้ ผมว่าเสน่ห์มันอยู่ที่ความฮาที่เป็นเอกลักษณ์เลย แล้วก็เป็นเรื่องสีสันของเสื้อผ้าหน้าผม อันนี้เราจะเห็นเลยตั้งแต่ภาคแรกยันภาคนี้ โดยเฉพาะภาคนี้สีสันจะยิ่งจัดจ้านมากขึ้นกว่าเดิม แล้วก็มีเรื่องวัฒนธรรม ภาษาอีสาน ความฮาก็จะยิ่งคูณสามเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ
ก็ขอฝากงานหนังเรื่องแรกของผมใน “แหยม ยโสธร 3” ไว้ด้วยนะครับ ใครที่เคยดูมาตั้งแต่สองภาคแรก บอกได้เลยว่าภาคนี้ห้ามพลาด เพราะความสนุกความฮาความมันส์คูณสามได้เลยครับ แล้วคุณจะหลงรักคนอีสานและหนังอีสานเรื่องนี้แน่นอนครับ
เจฟฟ์ มารา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี