ศิลปินและนักแสดงมากความสามารถที่เดินหน้าสานฝันของตัวเองบิวกิ้น-พุฒิพงศ์อัสสรัตนกุลจากนักแสดงซีรีส์วายสู่บทบาทผู้บริหารBillkin Entertainment ในวัย23ปีล่าสุดเปิดใจเล่าถึงรักครั้งแรกกับมิติความรักที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันยอมรับเป็นคนคลั่งรักตอบชัดความสัมพันธ์แบบพีพีมีแค่คนเดียวในรายการ WOODY FM
เรื่องไหนที่คิดว่าอยากจะคุยแต่ยังไม่เคยได้มีโอกาสคุย?
บิวกิ้น :ส่วนใหญ่เวลาผมอยู่คนเดียวผมจะเป็นคนที่หยุดคิดไม่ได้ยิ่งมีเวลาเยอะเราจะยิ่งคิดไปไกลขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลาที่เราอยู่คนเดียวก็จะเริ่มคิดว่าพรุ่งนี้เราจะต้องไปทำอะไรจะต้องแพลนยังไงถ้ามีเวลาว่างวันหนึ่งก็จะเริ่มแพลนไปถึง3 - 5ปีมองเป็นไอเดียว่าเราอยากจะทำอะไรบ้างช่วงนี้ผมมีแพลนจะไปเรียนต่ออะไรแบบนี้ครับก็นั่งคิดว่าช่วงที่ไปเรียนต่อจะจัดการเรื่องทำงานของเราตรงนี้ยังไง
จะไปเรียนที่ไหนครับ?
บิวกิ้น :เรียนปริญญาโทที่อังกฤษครับผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องการจะไปเรียนแต่ผมอยากไปใช้ชีวิตมากกว่า
นโยบายCEO ของBillkin Entertainment อนุญาติให้ศิลปินพูดถึงเรื่องความรักมากน้อยขนาดไหน?
บิวกิ้น : (หัวเราะ) ผมไม่บังคับดีกว่าแต่ละคนเขาก็มีสิทธิ์ที่อยากจะเป็นอยากจะทำหรืออยากจะพูดหรือไม่อยากจะพูดผมรู้สึกว่าถ้าเขาอยากจะพูดเราไม่ได้มีสิทธิ์จะไปห้ามครับ
อยากรู้ว่ามิติความรักของบิวกิ้นเป็นยังไง?
บิวกิ้น :ความรักสำหรับผมรู้สึกว่ามันคือความสุขการที่เราจะรักใครสักคนเราต้องมีความสุขที่จะได้ทำแล้วมันก็ส่งความสุขกลับมาให้เราผมไม่ค่อยเชื่อในเรื่องของรักที่มันทุกข์ผมรู้สึกว่าถ้ามันเป็นแบบนั้นเราอย่ามีดีกว่าความรักทุกรูปแบบครอบครัวเพื่อนหรือคนรักเราต้องหาจุดที่สุดท้ายแล้วเราต่างมีความสุขแล้วก็สบายใจในการที่จะอยู่กับความสัมพันธ์นั้นๆ
เวลาที่เป็นทุกข์มันเป็นยังไง?
บิวกิ้น :ผมว่าเหมือนกับการที่มันไม่เข้ากันทุกๆคนจะมีวิธีการมีแนวคิดมีมุมมองของตัวเองที่มันไม่เหมือนกันความรักของผมมันคือการซัพพอร์ตทุกๆคนโดยไม่ได้เอาทัศนคติของเราไปวางอยู่บนตัวเขาให้เขาทำในแบบของเขาแล้วเขาจะได้ภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็นสิ่งที่เขาทำจริงๆ
รักครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่?
บิวกิ้น :ม.3ครับอายุประมาณ15ครับตอนเราเด็กๆก็จะรู้สึกว่าความรักคือการครอบครองเธอเป็นของฉันฉันเป็นของเธอเราต่างครอบครองกันและกันแล้วก็จะยึดติดกับค่านิยมบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าอันนี้ดีอันนี้ไม่ดี
ตอนเด็กๆหึงไหมครับ?
บิวกิ้น :สุดๆครับช่วงนั้นมันอาจจะเป็นPuppy Love ด้วยเป็นครั้งแรกเรื่องของการคุยไปไหนมีเพื่อนผู้ชายเราก็จะบล็อกทุกทางควบคุมสุดๆแต่เขาก็ควบคุมเราเหมือนกันนะ (หัวเราะ) สุดท้ายแล้วมันก็จะเดินไปถึงจุดที่บีบมากๆสุดท้ายมันก็จะแตกหักต้องแยกออกจากกัน
แต่ในวันนี้รูปแบบนั้นมันไม่มีแล้ว?
บิวกิ้น :ผมว่ามันเป็นเส้นของการให้เกียรติมากว่าถ้ามันเป็นคนที่ใช่และเป็นคนที่พอดีกับเราสุดท้ายแล้วเราต่างคนต่างจะตีกรอบของตัวเองเพื่ออีกคนหนึ่งโดยที่ใช้เซ้นส์หรือวิจารณญาณของตัวเราเองอยู่แล้วมันผ่านการให้เกียรติหรือการระลึกถึงคนอีกคนหนึ่งอยู่
คุณคลั่งรักไหมหรือเป็นLevel ไหน?
บิวกิ้น :ก็น่าจะคลั่งอยู่นะครับ (ยิ้ม) เรารู้สึกว่าความรักมันผลักดันความใกล้ชิดหมายถึงว่าไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในความสัมพันธ์นะกับที่บ้านของผมก่อนนอนกลับไปหาที่บ้านก็ต้องไปกอดปะป๊าหม่าม้าหอมแก้มกู้ดไนท์กันตลอดโดยที่ทุกคนก็จะทำมันด้วยความเอนจอยเป็นปกติ
คุณดังมาจาก "ซีรี่ส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ซึ่งมิตินั้นก็จะเป็นLGBTQ เฉดสีของความรักมันไม่ได้จำกัดเพศบิวกิ้นมองเรื่องนี้ยังไงบ้าง?
บิวกิ้น :ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้คนเรา100คนก็ไม่เหมือนกันสักคนทั้งเรื่องของตัวตนความชอบสิ่งที่เราเป็นทุกวันนี้มันไม่มีเส้นของคำว่าถูกผิดหรือว่าค่านิยมแล้วมันอาจจะมีเส้นของการให้เกียรติผู้อื่นหรือว่าเส้นของกฎหมายต่างๆที่เราอาจจะต้องใช้อยู่ร่วมกันแต่หมายถึงเรื่องของเทสความชอบหรืออะไรต่างๆผมรู้สึกว่าทุกวันนี้ฟรีด้อมมากในการที่เราจะชอบอะไรไม่ชอบอะไรทำอะไรไม่ทำอะไรแค่ระลึกไว้ว่าเราทำสิ่งนี้โดยที่ไม่ได้ไปล้ำเส้นของคนอื่นก็พอหมายถึงว่าเราจะชอบอะไรทำอะไรเราจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราภูมิใจที่จะเป็นแล้วมีความสุขที่จะทำจริงๆมันหมดเวลาที่จะมาบอกว่าอันนั้นถูกอันนี้ผิดความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกันเราจะมาตีเส้นให้กับสังคมทำไมปล่อยให้ทุกๆคนได้เป็นตัวเองได้ทำในสิ่งที่รัก
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและพีพีในตอนนี้เป็นแบบไหน?
บิวกิ้น :ในความสัมพันธ์แบบพีพีสำหรับผมผมมีพีพีคนเดียวคนที่เข้าใจเราและผ่านการเดินทางที่มันพิเศษมากขนาดนี้ผมรู้จักพีพีตั้งแต่ผมอายุ16เจอกันในที่เรียนพิเศษแปลกมากผมกับพีพีสนิทกันเร็วมากในระยะเวลาเดือนเดียวเราสนิทกันเหมือนเป็นเพื่อนสนิทเรามีโอกาสได้เข้านาดาวได้เข้ามาเล่นซีรี่ส์หรือช่วงที่เขาทำArtist Development เราก็จะเป็นคนที่อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกันมีโอกาสได้ทำอะไรไปพร้อมๆกันตลอดมันเลยทำให้เหมือนกับว่าสำหรับผมทั้งตัวเราในพาร์ทของคนๆหนึ่งกับในพาร์ทของการทำงานตรงนี้บวกกับตัวเราฐานะของคนมากกว่าเป็นแค่เพื่อนหมายถึงเขาเข้าใจสิ่งที่เราคิดเข้าใจมุมมองของเราเหมือนเพื่อนคู่คิดของเราเขาสนิทกับที่บ้านผมมากๆจนปะป๊าผมบอกว่าเขาเป็นเหมือนลูกอีกคนหนึ่งความสัมพันธ์แบบนี้มีเขาคนเดียวที่ดูบังเอิญไปหมดอยู่ใกล้กันมากสนิทกันมากเข้าใจเราไปหมดแล้วเราก็ร่วมเดินทางเติบโตมาตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ทำงานร่วมกันมีอะไรเราก็ปรึกษากันคิดถึงกันคิดเผื่อกันตลอด
เวลาคู่กันแฟนคลับชอบมากจิ้นมากๆแต่ถ้าวันหนึ่งคุณต้องมีแฟนขึ้นมาเคยคิดไหมว่าความรู้สึกของคนที่เขาจับคู่ให้ไปแล้วจะยังไง?
บิวกิ้น :ในแฟนคลับแต่ละคนผมว่าเขาก็จะมีความคาดหวังที่แตกต่างกันออกไปมีทั้งแฟนคลับที่เขาชอบเราที่เขาชอบพีพีแล้วก็จะมีแฟนคลับที่ชอบ2คนอยู่ด้วยกันแยกกันไม่ได้หรือชอบเรากับพีพีทั้งคู่แต่เคารพเราในฐานะของการเป็นแต่ละคนของทั้งคู่แยกกันก็ไม่เป็นไรยังซัพพอร์ตทั้งคู่อยู่มันมีหลายมิติมากๆเลยครับผมว่าเราทุกวันนี้ไม่ว่าจะทำอะไรในทุกการเดินทางของเราจะมีคนที่สมหวังและผิดหวังเสมอเพราะความคาดหวังมันหลากหลายมากเราเคยเป็นคนที่เสพฟีดแบคมากๆรู้สึกว่าจะทำยังไงดีให้คนที่รักเราซัพพอร์ตเราไม่ผิดหวังไม่ชอบทำให้ใครเสียใจหรือผิดหวังพอเดินทางไปถึงจุดๆหนึ่งที่เราเป็นวันนี้เราถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้วมองภาพกว้างรู้สึกว่าการเป็นบุคคลสาธารณะในวันนี้เวลามีคนคาดหวังไม่ว่าเราจะทำอะไรจะมีคนที่ใช่เลยกับคนที่ผิดหวังจังอยู่เสมอผมเลยรู้สึกว่าเราถอยกลับมาดูตัวเราเองดีกว่าความรู้สึกของเราเองจริงๆจะใช้ชีวิตอยู่กับการคาดหวังกับคนอื่นไปได้อีกเท่าไหร่รู้สึกว่าในวันนี้เราก็จะทำความเข้าใจตัวเองให้มากขึ้นชัดเจนกับตัวเองมากขึ้นว่าสุดท้ายแล้วการที่เราจะเลือกทำอะไรเพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราเลือกและเป็นสิ่งที่เราเป็นจริงๆลดความคาดหวังลงทำทุกอย่างให้มันง่ายขึ้นทำตามหัวใจมากขึ้นครับ
คอมเมนต์หรือว่าโพสต์แบบไหนที่มันเศร้าใจสำหรับคุณ?
บิวกิ้น :ก็จะมีมาเรื่อยๆตลอดบางคนจะเรียกว่าAnti-fan จะเห็นทุกความเคลื่อนไหวของเราเลยคอยปล่อยข่าวปลอมมองหาช่องโจมตีอยู่ตลอดเวลาผมว่ามันบั่นทอนมากกว่าบางครั้งการที่เราเลือกทำอะไรแล้วทำให้คนกลุ่มหนึ่งผิดหวังสุดท้ายผมรู้สึกว่าถ้าเราเคารพกันถ้าไม่ชอบคุณโอเคก็จะเดินจากไปแต่ก็จะมีคนบางกลุ่มที่พอไม่ถูกใจเขาเลือกที่จะด่าเราโจมตีเราถึงบอกว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา3-4ปีของผมสิ่งที่มันเจ็บปวดที่สุดคือการที่เราทำให้เขามีความคาดหวังต่อเราแล้วเราไปทำให้เขาผิดหวังสิ่งที่เสียใจที่สุดไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดคือการที่ทำให้คนอื่นเสียใจผมไม่ค่อยชอบความรู้สึกนี้เท่าไหร่
ร้องไห้ล่าสุดเมื่อไหร่?
บิวกิ้น :เดือนที่แล้วตอนนั้นไปทำงานในงานหนึ่งครับเราตั้งใจมากๆเป็นงานที่เราไม่เคยทำมาก่อนแล้วเป็นความฝันของเราอยากจะทำมันให้ได้มากๆพอเข้าไปทำแล้วเดินออกมาจากห้องเรารู้สึกว่าเฟลมากเพราะรู้สึกว่าทำมันไม่ได้ไม่เข้าใจว่าทำไมเราทำมันไม่ได้กลับบ้านไปร้องไห้เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในหัวตลอดเวลา2 อาทิตย์ตั้งแต่ตื่นยันนอนจะคิดถึงแต่เรื่องนี้แต่โชคดีมากที่เราได้มีโอกาสกลับไปทำมันอีกครั้งหนึ่งพอทำออกมาก็ดีใจที่เราได้ทำอย่างเต็มที่ผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันได้ไหมนะแต่ถ้าถามใจเราในวันนั้นที่ได้กลับไปทำอีกครั้งรู้สึกว่าไม่คาใจแล้ว
สามารถติดตาม Woody FMได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธเวลา 19.00 น.
คลิกชมย้อนหลัง :https://www.youtube.com/watch?v=O0BCXMFDzzw&t=586s
#WoodFM#วู้ดดี้เอฟเอ็ม
สามารถติดตามและอัปเดตข่าวสาร รายการ WOODY FM
Facebook: Woody - Instagram: Woodytalk - YouTube: Woody - Twitter: @Woodytalk
TikTok: woodywoody- LINE: @woodytalk
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี