คำถาม:เมื่อนึกย้อนกลับไป คุณจำได้ไหมว่ารู้สึกอย่างไรตอนที่ได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่อง Furiosa เป็นครั้งแรก
อันยา เทย์เลอร์-จอย:ฉันเชื่อมาตลอดว่าตัวละครบางตัวก็เหมาะกับนักแสดงบางคนเท่านั้น และถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คุณ คุณก็ต้องมีความรับผิดชอบในการปล่อยตัวละครนั้นให้กลับไปเจอเจ้าของที่เหมาะสม ตอนที่อ่านFuriosaฉันคิดว่า“อื้ม ฉันสัมผัสตัวละครตัวนี้ได้แล้วล่ะ ฉันรู้เลยว่าการรับบทนี้จะต้องเป็นประสบการณ์ที่หนักหน่วงแน่นอน” มันดูใช่เลยสำหรับฉันค่ะ
คำถาม:เราทราบมาว่าบทหนังเรื่องนี้มีรายละเอียดน่าทึ่งมาก จอร์จมิลเลอร์ ใส่ทั้งภาพประกอบและข้อความบรรยายคล้ายในหนังสือลงไปแต่การเปลี่ยนถ้อยคำให้กลายเป็นตัวละครที่มีชีวิตก็ต้องอาศัยการร่ายเวทมนตร์ คุณใช้อะไรเป็นกุญแจหลักในการค้นหาตัวละครฟูริโอซ่าครับ
อันยา เทย์เลอร์-จอย:มันน่าหลงใหลมากค่ะ เพราะถ้าเทียบกับการทำงานโปรเจกต์อื่นๆ เวลาทำงานกับบทของจอร์จมิลเลอร์ เราจะต้องเจาะลึกเหมือนทำงานวิชาการเลยในช่วงสองสัปดาห์แรกถึงหนึ่งเดือนก่อนที่จะได้เข้าไปเหยียบกองถ่ายซะอีก เราพูดคุยปรึกษากันทุกเรื่อง และเราก็เริ่มต้นจากบรรทัดฐานที่ว่า... น่าจะเป็นตอนที่ฉันคุยกับจอร์จเป็นครั้งที่สองมั้งคะ จอร์จบอกกับฉันว่า “เอาล่ะ ทำไมเราถึงทำหนังเรื่องนี้ ลองพิทช์งานให้ผมฟังหน่อยซิ ทำไมเราถึงต้องทำหนังเรื่องนี้ออกมา” ซึ่งฉันมองว่าหนัง Mad Max เนี่ย ถึงจะเน้นความบันเทิงแบบสุดขั้ว แต่ก็เป็นเรื่องราวสอนใจด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนเราถูกผลักดันไปจนสุดขีดคลั่งแบบนั้น
คำถาม:จอร์จชื่นชมคุณในแง่การมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดและสิ่งที่คุณนำเสนอผ่านตัวละคร การเดินทางร่วมกันของคุณทั้งสองส่งผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
อันยา เทย์เลอร์-จอย:ฉันรู้สึกว่าถ้าคุณโชคดีพอที่จะได้ทำงานกับผู้กำกับออเตอร์ คุณต้องเรียนรู้วิธีที่จะพูดภาษาเดียวกันกับพวกเขา และฉันสนุกมากที่ได้ฝึกพูดภาษาของจอร์จมิลเลอร์ สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือมีองค์ประกอบบางอย่างที่ฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันควรจะอยู่ในหนังเรื่องนี้ ฉันรู้สึกจริงๆ ว่ามีที่ทางให้มันอยู่และมันสมควรที่จะอยู่ตรงนั้น สิ่งที่น่าสนใจในการทำงานกับจอร์จก็คือคุณอาจจะหว่านเมล็ดพันธุ์เอาไว้หลายเดือนก่อนถึงฉากนั้น คุณคอยเฝ้าดูการเติบโตของมันอยู่ทุกๆ วัน บางครั้งก็ปล่อยทิ้งมันไว้ บางครั้งก็รดน้ำให้ชุ่ม และถ้าสุดท้ายมันได้ขึ้นไปอยู่บนจอ คุณก็จะรู้สึกว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เพราะเหตุผลที่คุณเสนอไปว่าทำไมสิ่งนี้ควรอยู่ในหนังได้ผ่านการคิดรอบด้านมากเพียงพอจนสุดท้ายอาจารย์ก็บอกว่า “ใช่ เธอคิดถูกแล้ว มันควรอยู่ในนี้จริงๆ”
คำถาม:คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้มาเดินอยู่ในโลกที่จอร์จมิลเลอร์ สร้างสรรค์มานานกว่าสี่ทศวรรษ
อันยา เทย์เลอร์-จอย:น่าเหลือเชื่อเลยค่ะ ฉันคิดว่าถึงจะตั้งสมาธิเต็มที่ แต่ทุกๆ วันมีหลายช่วงเลยที่ฉันจะหลุดออกจากการรับบทเป็นฟูริโอซ่า มองไปรอบๆ แล้วคิดว่า “นี่แหละคือทุกอย่างที่ฉันอยากได้ตอนเป็นเด็ก” ฉันอยากเดินทางย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองตอนอายุแปดขวบเลยว่า “นี่แหละคืองานที่เธอใช้หาเลี้ยงชีพ นี่แหละคือสิ่งที่คนอื่นจะขอให้เธอทำ นี่แหละคืองานประจำของเธอ” ทั้งหมดนี้คือความฝันของฉันเลยค่ะ และฉันคิดว่ารายละเอียดอันสมบูรณ์ของโลกใบนี้และสิ่งก่อสร้างอันน่าเหลือเชื่อ รถสารพัดแบบที่เรามี ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันไม่ได้เดินอยู่ในกองถ่ายในฐานะนักแสดงเท่านั้น แต่ในฐานะที่เป็นแฟนหนังด้วย ฉันพกกล้องฟิล์มติดตัวตลอดเวลาและถ่ายรูปสวยๆ เอาไว้มากมาย ฉันแอบตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าดตลอดเลย
คำถาม:ฟูริโอซ่าเป็นตัวละครขาลุย และคุณก็ได้เพิ่มมิติของรายละเอียดและการตัดสินใจต่างๆ ที่ทำให้ตัวละครตัวนี้น่าค้นหายิ่งขึ้นไปอีก มีทั้งฉากแอ็กชันยิ่งใหญ่ตระการตา แล้วก็มีช่วงเวลานิ่งๆด้วย คุณสร้างสมดุลระหว่างทั้งสองส่วนนี้ผ่านตัวละครได้อย่างไร
อันยา เทย์เลอร์-จอย:ฉันคิดว่าความท้าทายสำคัญที่สุดในการรับบทเป็นเธอคือจอร์จมีภาพที่ชัดเจนมากๆ ว่าฟูริโอซ่าควรมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้ฉันในฐานะนักแสดงจะต้องถ่ายทอดทุกสิ่งออกมาผ่านสายตาเป็นส่วนใหญ่ สำหรับนักแสดง มันเป็นเรื่องท้าทายมากค่ะ เพราะคุณได้แต่หวังว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดออกมาผ่านสายตาให้ได้ แต่วิธีนี้ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ช่วงเวลาที่ฟูริโอซ่าต้องปลดปล่อยอารมณ์ที่รุนแรงออกมา จอร์จมองได้เป๊ะมากในจุดนี้ค่ะ ฉันคิดว่าสถานที่อย่างเวสต์แลนด์ไม่ยอมรับความอ่อนแอหรือการแสดงอารมณ์อย่างฟูมฟายหรอกซึ่งก็แปลว่าช่วงเวลาแบบนั้นยิ่งเกิดขึ้นได้ยากและหนักแน่นเต็มอารมณ์เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ
คำถาม:คริส เฮมสเวิร์ธ สร้างตัวละครเดเมนทัสออกมาเป็นอย่างไรบ้างคุณรู้สึกอย่างไรในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างขุนพลจอมกลับกลอกกับตัวละครอย่างฟูริโอซ่าที่กำลังจะกลายมาเป็นนักรบ
อันยา เทย์เลอร์-จอย:โชคดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคริสไม่ได้เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเดเมนทัสกับฟูริโอซ่าค่ะ เราเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันและเคารพซึ่งกันและกัน ฉันตื่นเต้นมากที่เขาพลิกบทบาทครั้งใหญ่กับตัวละครตัวนี้ ฉันคิดว่าบทนี้สื่อตรงถึงตัวเขาในฐานะนักแสดงและการได้ดูเขาเล่นก็สนุกมาก ฉันไม่รู้ว่าเขาสนุกมั้ยที่ต้องอยู่บนเก้าอี้แต่งหน้านานสี่ชั่วโมงทุกๆ เช้า แต่เขาก็อดทนมากและไม่บ่นสักคำเลย ฉันรู้สึกถึงความเข้ากันได้ระหว่างเราในเรื่องนี้นะฉันว่าเราทั้งคู่ไม่ใช่นักแสดงที่วางตัวสูงส่ง และฉันก็ชอบทำงานกับนักแสดงที่ไม่วางตัวแบบนั้น ฉันชอบคนที่ยกเรื่องงานเป็นอันดับแรกก่อนทุกสิ่ง
คำถาม:คุณพูดถึงการที่ไม่มีที่ว่างให้ความอ่อนแอในเวสต์แลนด์แต่ว่าทอม เบิร์ค ในบทพรีทอเรียน แจ็ค ดูเหมือนจะเป็นแหล่งพักพิงทางอารมณ์ให้กับฟูริโอซ่า การทำงานกับเขาในบทนั้นเป็นอย่างไรครับ
อันยา เทย์เลอร์-จอย:ฉันชื่นชมผู้ชายคนนี้มากๆ แทบเรียกได้ว่าซาบซึ้งเลยค่ะ เพราะฉันรู้สึกเหมือนเขาเป็นดอกไม้หายากที่บานอยู่ในเวสต์แลนด์ เพราะว่าเขาเป็นคนดี พรีทอเรียน แจ็ค มีความดีงามและมีเกียรติ รวมถึงจิตใจที่บริสุทธิ์ด้วย ฉันคิดว่าเมื่อฟูริโอซ่าได้สัมผัสอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก เธอแทบจะไม่เชื่อเลย…แต่คุณก็ต้องการสิ่งนี้ในเวสต์แลนด์ คุณต้องการมันท่ามกลางเหล่าคนบ้าคลั่งพวกนี้ คุณต้องการเศษเสี้ยวของเกียรติยศและความดีงามเพื่อช่วยให้คุณฝ่าฟันโลกใบนี้ไปได้
คำถาม:คุณน่าจะทำใบขับขี่แล้วใช่ไหม ผมไม่แน่ใจ…
อันยา เทย์เลอร์-จอย:ยังเลยค่ะ ฉันไม่เคยอยู่ที่ไหนนานๆ โดยไม่ได้ทำงาน เลยยังไม่ได้ไปทำใบขับขี่ซะที!
คำถาม:อยากเห็นตอนคุณไปทำใบขับขี่ที่กรมขนส่งเลยนะ ถ้าคุณทำรถหมุน 180 องศา ผมว่าเขาต้องให้ใบขับขี่คุณทันทีเลย
อันยา เทย์เลอร์-จอย:แน่นอน สอบจอดขนานเส้นอะไรเนี่ยไม่ต้องแล้ว!
คำถาม:แต่คุณใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหนครับ แล้วเป็นยังไงบ้าง
อันยา เทย์เลอร์-จอย:น่าตื่นเต้นมากเลยค่ะ คำถามหนึ่งที่จอร์จถามฉันก็คือ“คุณอยากเล่นฉากบู๊เองมากแค่ไหน” แล้วฉันก็ตอบว่า “ได้ทุกอย่างที่คุณยอมให้ฉันทำเลย ฉันอยากเล่นทั้งนั้น” นั่นหมายความว่าสิ่งแรกที่ฉันต้องฝึกทำในการขับรถคือการหมุนแบบ 180 องศาแล้วการได้ฝึกทั้งมอเตอร์ไซค์และรถในเวลาเดียวกันก็เป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมากค่ะ เพราะหมายความว่าอะไรก็ตามที่ฉันฝึกในการขี่มอเตอร์ไซค์ พออยู่ในรถมันจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเลยประมาณว่า“เอาล่ะ ฉันทำได้!ไม่มีปัญหา คราวนี้ฉันมีเหล็กหุ้มแล้ว”
คำถาม:คุณช่วยพูดถึงพัฒนาการด้านรูปลักษณ์ของเธอได้ไหมครับ และทำไมลุคนี้ถึงได้ฝังลงเป็นส่วนหนึ่งของตัวละคร
อันยา เทย์เลอร์-จอย:ฉันตื่นเต้นมากเลยนะที่จะได้โกนหัวเพื่อเล่นเรื่องนี้ ฉันพร้อมโกนหัวเต็มที่เลยค่ะ แล้วตามสไตล์ของจอร์จ เขาเห็นตอนฉันเอามือลูบผม แล้วเขาก็บอกว่า “ผมคุณสวยมากเลย เราทำไม่ได้หรอก” ฉันก็แบบว่า “อ๊ะ อะไรนะ” แต่เขามีเหตุผลนะคะ เราเล่าเรื่องราวที่ใช้เวลานาน 15 ปี และวิธีง่ายๆ ที่จะแสดงให้เห็นว่าเวลาผ่านไปก็คือการที่ผมหายไปหรือผมงอกขึ้นมาใหม่ และสิ่งที่ฉันได้รู้จากเรื่องนี้ก็คือ ฉันคิดว่ามีบางส่วนในตัวฟูริโอซ่าที่เชื่อตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ในหนังว่าเธอยังคงสามารถกลับไปยังพื้นที่สีเขียวในแบบที่เธอเป็นได้ และโลกนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงตัวตนของเธอไม่ว่าในแง่ใดๆ ฉันคิดว่าพอถึงจุดที่เราได้เห็นเธอเปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวละครที่เรารู้จักและหลงรัก เราก็จะได้เห็นการสูญเสียความไร้เดียงสาและสูญเสียความหวัง ตอนนั้นเองที่เธอตระหนักได้ว่า ไม่อีกแล้ว เธอจะไม่สามารถกลับบ้านโดยยังคงเป็นเด็กผู้หญิงแบบที่เคยเป็นหรือเป็นคนที่ยึดมั่นในตัวตนแบบเดิมได้อีกแล้ว นี่จึงเป็นความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ฉันมองว่าสัมพันธ์กับเส้นผมของเธอ
คำถาม:คำถามสุดท้าย คุณอยากให้ผู้ชมได้รับอะไรกลับไปจากมหากาพย์การเดินทางอันน่าทึ่งครั้งนี้ครับ
อันยา เทย์เลอร์-จอย:ฉันคิดว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมในบรรดาหนัง Mad Max คือมันมอบความบันเทิงแบบสุดขั้ว แต่ก็เป็นเรื่องราวสอนใจด้วย หนังแสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่เป็นหนังเกี่ยวกับผู้คนที่ถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุด และฉันคิดว่าหนังMad Max นำเสนอการเดินทางทางอารมณ์ภายในโลกที่บ้าคลั่ง และฉันหวังว่าผู้ชมจะได้สัมผัสทุกอารมณ์ภายใต้แสงอาทิตย์นั้นค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี