นอกจากจะมีผลงานที่ทำกับวงคาราบาวอัลบั้ม “40 ปี ฅนคาราบาว” งานวาระครบรอบ 40 ปี ที่ผ่านมา “ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว” ยังส่งสตูดิโออัลบั้มงานเดี่ยวชุดใหม่ “UFO” ที่ทำร่วมกับวง “ทัมมาเรา”(Tamaraw) ออกมาให้ฟัง

โดยชื่อของวง ทัมมาเรา เป็นภาษาตากาล็อกหมายถึงควายแคระ ซึ่งประกอบไปด้วย ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ (หมี คาราบาว), ธนะสิทธิ์ พันธุพงษ์ไทย (อ้วน คาราบาว), ชวลิต ฉลอมพงษ์ (โก๋ คาราบาว), ภูวกฤต นนท์ธนธาดา (อ๊อด อ่างทอง) และ สุเทพ ปานอำพัน (เอ็ดดี้ ซูซู) มาเป็นสมาชิกวงทัมมาเรา หรือควายน้อย ตามที่ แอ๊ด คาราบาว เรียกขาน

โดยเพลง “UFO” ที่เป็นชื่ออัลบั้มนี้ด้วย ได้แรงบันดาลใจจาก พีท ทองเจือ นักแสดงดาวค้างฟ้าของวงการ “ผมตามดูหลานชายที่มากด้วยความสามารถคือ คุณพีท ทองเจือนำเสนอเรื่องยูเอฟโอ ได้อย่างน่าสนใจมาก ผมสดุดีและชอบใจตรงที่เขาตีความว่า ยูเอฟโอน่าจะมาดี มาเตือน
ชาวโลกให้รับรู้ถึงอันตรายของระเบิดนิวเคลียร์…”

วันนี้อัลบั้ม “UFO” กลับมาอีกครั้งด้วยความสมบูรณ์แบบจากการบันทึกเสียงใหม่ทั้งหมด ใช้เครื่องดนตรีครบ ทำให้บทเพลงจากงานฉบับบูตเลกชุดแบบร่าง หรือเรียกว่า Demo ที่เคยออกวางขายเพื่อการกุศล ถูกเติมเต็มและแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็น “UFO” หรือ “กลับมารู้สึกตัว” ที่ตกผลึกจากธรรมะ งานสอนชีวิตความหมายดีงามไม่ต่างจากบทเพลง “ทะเลใจ” ที่ครองใจผู้ฟังมาอย่างยาวนาน,“หรี่ตา” ที่พูดถึงการมองเห็นปัญหาให้ชัดขึ้น, “อาจารย์ยอด” กับ“ครูโชคดี ลุงธงแจ่มศรี” ที่ว่าด้วยบุคคลที่น่าจดจํา เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม รวมถึงเพลงขยี้การบ้านขยำการเมือง “ไฟป่า”, “จดหมายจากทับลาน” งานสร้างจิตสํานึกคิดถึงผืนแผ่นดินพงไพรและเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า, “จนบุญ” เพลงที่เปรียบการทําบุญกับการซื้อใจผู้หญิง หรือ “แก่เกินแกง” เพลงสนุกๆพูดถึงชีวิตผู้คนที่ผกผันไม่แน่ไม่นอน

“อย่าเพิ่งตาย” เพลงที่แต่งขึ้นใหม่ งานสร้างกําลังใจให้ผู้ฟัง ให้คิดถึงตัวเองว่า ที่ผ่านมาใช้ชีวิตคุ้มค่าแค่ไหนซึ่งทำให้อัลบั้ม “UFO” เต็มไปด้วยแง่มุมทางศาสนาที่ “แอ๊ด คาราบาว” ศึกษาและสั่งสมประสบการณ์มาหลายสิบปีตอกย้ำว่าธรรมะไม่ใช่การท่องตําราหรือถกเถียง แต่มีได้เพราะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

โดยมีโบนัสพิเศษ 4 เพลงจากอัลบั้มฉบับ Demo บันทึกรวมในแผ่นด้วย ทั้งหมด 14 บทเพลงบรรจุอยู่ในซีดีแผ่นทองคุณภาพสูง เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด แพ็กเกจแบบบุ๊กเล็ตพิมพ์ 4 สี เนื้อเพลงครบสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยบันทึกถึงการทํางานชุดนี้ของ “ยืนยง โอภากุล”