นักแสดงหนุ่มดาวรุ่ง"เจมีไนน์ - นรวิชญ์ฐิติเจริญรักษ์"เปิดใจแบบ Deep Talkครั้งแรก! ย้อนเล่าชีวิตวัยเด็กกับความกดดันที่ต้องแบกไว้โดยไม่มีใครรู้เผยเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองจนเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเข้ามาในวงการบันเทิงแบบไม่ตั้งใจในรายการWOODY FM
ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วครับ?
เจมีไนน์ :อีกไม่กี่วันว่าอายุ20ปีแล้วครับ
รู้สึกว่าช่วงสองปีที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์เยอะขึ้น?
เจมีไนน์ :รู้สึกว่าโตขึ้นมาก (หัวเราะ) เร็วมากๆเพราะว่าด้วยความที่ทำงานด้วยครับแล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบเข้ามาเยอะขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆทุกวันครับก็เลยรู้สึกว่าจะโตกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน
ครอบครัวของคุณเป็นครอบครัวใหญ่ไหม?
เจมีไนน์ :ไม่ใหญ่ครับจะมีพ่อแม่แล้วก็ผมผมเป็นลูกคนเดียวตอนเด็กๆก็จะมีเหล่าม่าเป็นทวดมาอยู่ด้วยแต่ว่าตอนนี้เสียไปแล้วครับ
คุณทวดเสียตอนคุณอายุเท่าไหร่?
เจมีไนน์ :เด็กมากๆเลยครับน่าจะประมาณตอนผม10-11ขวบตอนนั้นเศร้ามากเพราะผมอยู่กับเขามาตั้งแต่เด็กแล้วเขาก็รักผมมากๆแต่ตอนนั้นผมดื้อมากเลยทำตัวไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่เค้าดูทีวีอยู่ผมก็เปลี่ยนไปดูการ์ตูนของผมจะแย่งรีโมททีวีกันจะทะเลาะกันอย่างนี้ตลอดแค่รู้สึกว่าตอนนั้นก็น่าจะให้เค้าดูทีวีไป
ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวก็อาจจะมีความคาดหวังประมาณหนึ่งจากพ่อแม่ใช่ไหม?
เจมีไนน์ :ใช่ครับด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวเขาก็จะมีความคาดหวังที่สูงมากๆในสิ่งที่เขาอยากให้เราเป็นเราเป็นความหวังเดียวของเขาซึ่งผมว่าพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกได้ดีที่สุดอยู่แล้วแต่ผมรู้สึกว่ามีความกดดันโดกดดันมาตั้งแต่เด็กว่าจะต้องเป็นคนที่ดีที่สุดในบางอย่างเช่นถ้าผมเล่นกีฬาก็ต้องเก่งที่สุดในทีมนี้ถ้าเรียนผมก็ต้องได้ดีที่สุดในห้องซึ่งแม่ของผมเป็นPerfectionist อยากให้ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟคตามที่เค้าต้องการซึ่งมันก็กดดันมากๆตั้งแต่ตอนผมเด็กๆก็รู้สึกว่าทำไมเราจะต้องทำขนาดนี้อายุแค่นี้ทำไมเราต้องกดดันตัวเองทำไมไม่เป็นแบบคนอื่นชิลล์ๆกลับมาบ้านเล่นกับเพื่อนอะไรแบบนี้แต่ผมช่วงกลับมาจากโรงเรียนก็ต้องไปเรียนพิเศษเรียนดนตรีเรียนร้องเพลงเรียนพิเศษในวิชาหลักเรียนตลอดครับ
เคยตั้งคำถามไหมว่าทำไมต้องมานั่งเรียนสิ่งนี้ที่เราไม่ชอบ?
เจมีไนน์ :เคยครับแล้วก็ถามพ่อแม่ด้วยว่าทำไมต้องทำขนาดนี้เพราะคนอื่นก็ไม่เห็นจะทำกันเลยทำไปแล้วได้อะไรมันเสียเวลาหรือเปล่าเพราะว่าผมเป็นคนขี้เกียจคนหนึ่งท่านก็บอกว่าทำไปเดี๋ยวก็รู้เองว่าได้อะไรซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันควรที่จะเรียนจริงๆคือตอนเรียนอะไรเด็กๆมันจะเก็บพื้นฐานได้แล้วตอนนี้ผมรู้สึกว่าทำอะไรผมเรียนรู้เร็วกว่าคนอื่นค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกันเพราะว่าเรามีพื้นฐานตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้วพอกลับมาทำมันก็เลยรู้สึกว่าง่ายขึ้น
ในตอนที่คุณไม่เข้าใจมันกดดันขนาดไหนแต่ก่อนคุณอยากเรียนเป็นอะไรนะ?
เจมีไนน์ :เป็นหมอครับซึ่งตอนแรกผมยังไม่รู้เลยว่าผมอยากเป็นอะไรไม่ใช่เรื่องผิดนะที่ยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไรตอนนี้เอาจริงๆผมก็ยังไม่รู้ว่าผมจะไปทางไหนดีถ้าไม่ใช่ทางวงการบันเทิงพ่อแม่ก็เลยให้ผมลองทำโน่นทำนี่ลองเข้าวงการดูลองเรียนหมอลองเรียนโน้นนี่ดูซึ่งในตอนแรกผมไม่เอาเลยกับวงการบันเทิงเพราะว่าผมเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเป็นคนที่กลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรามากๆในตอนนั้นผมไปประกวดเข้าGMM TV ซึ่งตอนนั้นผมปล่อยเลยผมไม่อยากเข้าผมร้องเพลงของพี่เบิร์ดชื่อว่าเพลงแฟนจ๋าแต่สรุปว่าได้เข้าแล้วก็ได้เซ็นต์สัญญาถึงวันที่ผมจะต้องเซ็นต์สัญญาเข้าออฟฟิศที่GMM TV แล้วผมอยู่ตรงลานจอดรถกับพ่อแม่เราก็บอกเขาว่าไม่เอาไม่อยากทำไม่เซ็นต์ก็ได้เพราะผมกลัวมากเราไม่รู้ในวงการบันเทิงไม่มั่นใจในตัวเองมากๆผมอยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น
พ่อแม่ก็เลยบอกว่าถ้าไม่ไปเซ็นต์ลงจากรถไปเลยแล้วหาทางกลับบ้านเองซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลยไม่มีเงินสักบาทติดตัวแล้วยังหาทางกลับบ้านเองไม่ได้ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ตรงไหนก็เลยต้องจำใจยอมไปเซ็นต์สัญญาแบบที่กล้าๆกลัวๆซึ่งเราไม่รู้ว่าข้างหน้ามันคืออะไรพ่อแม่ก็บอกว่าลองทำดูมันเป็นสิ่งที่ดีมีโอกาสเข้ามาก็ลองทำดูมันไม่ได้มีอะไรผิดแล้วเราก็ร้องเพลงที่โรงเรียนอยู่แล้วทางนี้ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เราจะได้มาร้องเพลงซึ่งเป็นที่ๆคนอื่นจะได้เห็นเราเยอะขึ้นจำได้ว่าร้องไห้เลยตอนที่อยู่ในรถ
หลังจากนั้นไม่กี่ปีก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีเป็นจุดเปลี่ยนตอนไหนที่คุณรู้สึกว่ามาถูกทางแล้ว?
เจมีไนน์ :น่าจะตอนหลังจากซีรีส์แฟนผมเป็นประธานนักเรียนจบซึ่งตอนนั้นก็เกือบจะไม่รับซีรีส์แฟนผมเป็นประธานนักเรียนเพราะรู้สึกไม่มั่นใจแอคติ้งตัวเองตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนผมตกคลาสแอคติ้งผมก็เลยไม่กล้าทำแอคติ้งมาหลังจากนั้นเลยไม่มั่นใจการแสดงเลยแล้วหลังจากนั้นพอเข้ามาที่นี่ก็ได้มีโอกาสได้แสดงซีรีส์เยอะมากขึ้นตอนนั้นก็คิดอยู่ว่าจะรับหรือไม่รับดีตอนนั้นเป็นช่วงม. 5ขึ้นม. 6พอดีก็เลยลองดูซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกมากๆตอนแรกทำไปก็เหนื่อยมากแต่พอผลตอบรับออกมาดีมากๆก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยเริ่มมีกระแสมากขึ้นแล้วก็รู้สึกว่าทางนี้เราก็ไปได้เหมือนกันนะ
วันไหนที่รู้สึกว่ามีความสุขที่สุดในการทำงานในวงการ?
เจมีไนน์ :น่าจะเป็นวันที่อยู่บนเวทีแฮปปี้ที่สุดน่าจะมีสองครั้งครั้งแรกที่มีคอนเสิร์ตที่ยูเนี่ยนมอลล์ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตหลังจากจบซีรี่ส์เป็นครั้งแรกที่ผมมีคอนเสิร์ตแล้วก็ร้องไห้บนคอนเสิร์ตเลยซึ่งผมเป็นคนที่ร้องไห้ยากมากๆจะไม่มีทางร้องไห้ให้ใครเห็นเด็ดขาดเพราะผมไม่อยากให้คนเห็นในมุมที่เศร้าแต่น้ำตานั้นเป็นน้ำตาของความสุขที่มันบรรยายออกมาไม่ถูกแล้วมันไม่เคยเกิดขึ้นกับผมน้ำตาที่อยู่ดีๆไหลออกมาด้วยความภูมิใจในตัวเองมีความสุขด้วยความที่เราถึงฝันแล้วรอบที่สองจะเป็นคอนเสิร์ตที่อิมแพ็คอารีน่ามันเป็นฝันของใครหลายๆคนมากๆที่จะได้ขึ้นไปเล่นบนอิมแพ็คผมเคยอยู่ในจุดที่ไปดูคนอื่นแต่ว่าคราวนี้เราได้มาแสดงให้คนอื่นดูมันเกินฝันไปมากๆเลยก็รู้สึกว่าภูมิใจในตัวเอง
ได้มีโอกาสกลับไปขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ไหม?
เจมีไนน์ : อาจจะไม่ได้ขอบคุณแบบต่อหน้าแต่ว่าขอบคุณผ่านรายการซึ่งผมขอบคุณบ่อยๆพูดขอบคุณในตอนจบคอนเสิร์ตก็บ่อยแต่ว่าไม่เคยกล้าพูดต่อหน้าเลยเพราะผมKeep Cool กับพ่อแม่มาตลอดผมไม่เคยให้เค้าเห็นในมุมที่ผมอ่อนไหวหรือว่าในมุมที่ผมบอกรักพ่อแม่น้อยมากๆซึ่งจริงๆอยากบอกมากๆนะผมแค่รู้สึกว่าผมไม่กล้าบอก
ความสัมพันธ์กับโฟร์ทณัฐวรรธน์ตอนนี้เป็นยังไง?
เจมีไนน์ :ดีครับเจอกันทุกวันเลยมีงานทุกวันก็จะเจอกันบ่อยแต่ว่าช่วงนี้เริ่มมีงานเดี่ยวด้วยน่าจะเป็นคนหนึ่งที่ผมเจอเยอะที่สุดในชีวิตแล้วเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกเหมือนกันนะเพราะเราแทบไม่ค่อยคุยกันในไลน์เลยโทรก็ไม่เคยอินสตาแกรมก็ไม่เคยDM หากันแต่ว่าทุกครั้งที่เรามาเจอกันในงานมันคลิกกันมันมีเคมีบางอย่างที่เชื่อมกันได้แบบที่มองตาก็รู้ใจซึ่งมันเป็นกับคนอื่นไม่ได้
มีความรักที่คุณคู่ควรหรือยัง?
เจมีไนน์ :ความรักที่ผมคู่ควรคือแฟนคลับเอาจริงๆนะในตอนแรกผมไม่รู้ว่าผมคู่ควรกับเขาหรือเปล่าด้วยซ้ำไปผมคู่ควรที่จะมาอยู่ตรงนี้หรือเปล่าคู่ควรกับการที่จะได้รับความรักมากมายขนาดนี้หรือเปล่าเพราะว่าแฟนคลับนี่แหล่ะที่ทำให้ผมรู้ว่าผมคู่ควรในการมีเขาและเขาก็คู่ควรในการมีผมเพราะว่าทุกอย่างที่ผมทำผลงานที่มันออกไปผมตั้งใจในทุกอย่างและก็อยากทำให้มันออกมาดีที่สุดอยากทำให้ทุกคนชอบอยากทำให้ทุกคนไม่ได้มองผลงานเราจากการที่เราหล่อเฉยๆแต่มองว่าผลงานนี้เป็นผลงานที่ดีอีกผลงานหนึ่งในวงการซึ่งแฟนคลับผมมองอย่างนั้นค่อนข้างเยอะผมเป็นเด็กหลอดแก้วครับพ่อแม่ผมมีลูกยากมากแต่เขาอยากมีลูกมากๆแล้วเก็บไข่อยู่ในช่องฟรีซประมาณ2 ปีถึงได้ออกมาเวลาใครชมว่าผมหล่อจะไม่รู้สึกแฮปปี้เท่าการที่คนชมว่าผมเก่งมีความสามารถเพราะคนหล่อมีเยอะแยะมากมายในโลกแต่คนที่มีความสามารถที่คนจะยอมรับว่าคู่ควรมาอยู่ตรงนี้มันมีน้อยมาก
สามารถติดตาม Woody FMได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธเวลา 19.00 น.
คลิกชมย้อนหลัง :https://www.youtube.com/watch?v=IULgnlnODTA&ab_channel=WOODY
#WoodFM#วู้ดดี้เอฟเอ็ม
สามารถติดตามและอัปเดตข่าวสาร รายการ WOODY FM
Facebook: Woody - Instagram: Woodytalk - YouTube: Woody - Twitter: @Woodytalk
TikTok: woodywoody- LINE: @woodytalk
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี