เรียกได้ว่าเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นสำหรับ"เอม-สรรเพชญ์คุณากร"ลูกชายสุดหล่อของ "ดู๋สัญญา" ซึ่งมาเปิดใจแบบเจาะลึกในรายการWOODY FMถึงเรื่องราวชีวิตวัยเด็กและการเข้าสู่วงการบันเทิงพร้อมเล่าถึงความกดดันที่เป็นลูกของพ่อดู๋เผยอดีตเป็นเด็กเนิร์ดขี้อายไม่กล้าเข้าสังคมเผยเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะโฟกัสทุ่มเททุกอย่างทำให้ดีที่สุด
หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยที่ลอสแองเจลิสคุณคาดหวังว่าจะทำงานในด้านไหน?
เอมสรรเพชญ์ :ตอนแรกเล็งไว้ว่าจะเรียนต่ออีกปีแล้วก็ไปเรียนสัตวแพทย์พอผมเรียนจบแล้วก็Gap Yearไว้ก่อนเพราะทั้งชีวิตคือเรียนอย่างเดียวเลยไม่ได้ใช้ประสบการณ์ชีวิตไม่ได้เข้าสังคมไม่ได้อะไรผมก็เลยจะใช้ Gap Yearแล้วลองทดสอบว่าเรามีเส้นทางอะไรได้บ้างเราทำอะไรได้บ้างมีแพชชั่นอะไรที่เคยอยากลองแล้วมีโอกาสที่จะได้ลองก็ลองไปเลยครับเช่นการแสดง
ทำไมถึงอยากทำสายนี้คิดมาตลอดไหมย้อนกลับไปตอนเด็กๆเคยคิดจะเดินตามรอยคุณพ่อเข้าวงการไหม?
เอมสรรเพชญ์ :ไม่เคยเลยครับเพราะว่าผมเป็นเด็กที่ขี้อายมากไม่ค่อยชอบพูดไม่ค่อยชอบอยู่กับใครด้วยซ้ำชอบใช้เวลาอยู่คนเดียวแต่อาจเพราะมีคุณพ่อเป็นนักแสดงด้วยแหล่ะครับอีกส่วนใหญ่หนึ่งคือผมอยู่คนเดียวผมก็จะดูแต่หนังดูแต่ซีรีย์แล้วมันก็ติดใจครับเราก็จินตนาการนึกไว้ในหัวเลยบทคาแรคเตอร์ผมก็แอบชอบมาตั้งนานแล้วแต่ในฐานะที่เราเป็นเด็กขี้อายก็ไม่คิดว่าสักวันหนึ่งเราจะกล้าพอที่จะก้าวออกจากComfort Zone
แต่มันก็สะสมอยู่ในตัวมาตลอด?
เอมสรรเพชญ์ :ใช่มันมีความชอบอยู่ตลอดครับแต่ผมจะไม่ค่อยพูดกับพ่อแม่เรื่องนี้เลยเราเก็บตัวมากครับ
พ่อเคยถามไหมว่าเราสนใจลองไปเทสดูไหม?
เอมสรรเพชญ์ :ไม่ค่อยนะครับแต่ว่าตอนมีรายการอะไรเสนอมาเขาก็บอกว่ามีละครสนใจเรานะมีงานถ่ายแบบที่เขาสนใจนะแต่ว่าช่วงนั้นผมจะโฟกัสเรื่องการเรียนก่อนก็เลยปฎิเสธไปเยอะอยู่ครับ
อะไรที่จุดประกายอยากให้คุณเข้ามาในวงการ?
เอมสรรเพชญ์ :คือตอนที่ผมเรียนอยู่ที่LA เขามีฟรีคอร์สที่เราจะทำอะไรก็ได้แล้วมันดันมีคอร์สการแสดงผมก็เลยไปเรียนเพราะผมก็มีฝันไว้อยู่ว่าเราชอบแล้วกลายเป็นว่าตอนที่เราสามารถพูดภาษาอังกฤษได้มันก็เลยไม่กลัวก็เลยรู้ว่าสิ่งที่ผมติดจริงๆคือไม่ใช่การแสดงแต่มันคือภาษาผมก็เลยคิดว่าเรามีโอกาสขนาดนี้เราโชคดีขนาดนี้แล้วเราชอบด้วยแต่เราแค่กลัวเพราะว่าภาษาเราอาจจะยังไม่ถึงก็เลยไม่ได้แล้วต้องยอมรับแล้ว
หมายถึงว่ากลัวที่จะสื่อสารภาษาไทยไม่ได้?
เอมสรรเพชญ์ : ใช่ครับอ่านบทไม่ทันเขาอะไรแบบนี้ครับพูดติดขัด
คุณเริ่มเข้าวงการยังไง?
เอมสรรเพชญ์ :อย่างแรกเลยก็คือกลับมาแล้วพยายามฝึกซ้อมภาษาไทยเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมของผมให้เป็นภาษาไทยเยอะขึ้นเริ่มดูทีวีเริ่มฟังเพลงไทยทุกอย่างมันจะได้ติดหูครับ
ตอนนี้มีวงโปรดที่ชอบฟังไหมครับ?
เอมสรรเพชญ์ :รู้จักมาตั้งแต่เด็กแล้วครับผมชอบวงBodyslamครับ
แล้วบอกพ่อแม่ตอนไหน?
เอมสรรเพชญ์ :บอกตอนเรามีความมั่นใจเยอะขึ้นในภาษาพอเราอ่านหนังสืออ่านได้ในมาตรฐานที่พอใช้ได้ก็เริ่มบอกพ่อว่ามีละครอะไรที่เขาเสนอมาไหมครับพ่อเขาก็งงนึกว่าเราจะเป็นสัตวแพทย์ไปแล้ว นึกว่าจะเป็นอีกทางหนึ่งไปแล้วแต่พอผมได้อธิบายให้เขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่จริงๆเราชอบมานานแล้วเขาก็สนับสนุนเต็มที่ครับ
หน้าคุณพ่อเป็นยังไง?
เอมสรรเพชญ์ : เขางงจริงๆครับเพราะตอนแรกเขาก็เห็นภาพลักษณ์เราว่าเป็นเด็กเงียบๆแนวเนิร์ดๆหน่อยขี้อายสายวิทย์ไม่ได้ครีเอทีฟ แต่ว่าเขาก็แฮปปี้ครับ
ลองทำอะไรเป็นชิ้นงานแรก?
เอมสรรเพชญ์ :ตอนนี้กำลังเตรียมตัวเปิดกล้องอยู่เลยครับกำลังจะเริ่มครับพอลองไปทำเวิร์คช็อปผมก็ชอบตามที่คิดไว้เลยครับในฐานะที่เราเป็นคนเก็บตัว เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูด การที่เราได้เป็นคนอื่นมันถือว่าอาจจะเป็นการปลดปล่อยของเราก็ได้ ไม่ต้องเป็นตัวเอง ได้ใช้จินตนาการว่าเราเป็นคนโน้นคนนี้
พี่ดู๋สัญญาเลี้ยงลูกแบบไหน?
เอมสรรเพชญ์ :คุณพ่อเป็นคนที่เรียกว่าเลี้ยงโดยตรงไม่ได้ครับ เป็นคนที่ทำให้ดูเป็นแบบอย่างครับ เขาจะเป็นคนที่โชว์ตลอดไม่เคยบอกผม เพราะฉะนั้นตอนที่ผมได้เดินตามคุณพ่อผมก็เลยกลายเป็นคนที่คล้ายๆคุณพ่อมากในทางบุคลิกพอได้แบบนั้นแล้ว เขาเหมือนปล่อยเลยครับ ทั้งคุณพ่อคุณแม่จะปล่อยให้เราทำอะไรเองตัดสินใจเองให้มีความรับผิดชอบเองให้เราดูแลจัดการชีวิตด้วยตัวเองคุณพ่อเขาจะเน้นการได้ประสบการณ์
มีเป้าหมายในหัวไหมว่าจะแสดงถึงขั้นไหนยังไงจะกลับไปเรียนไหมหรือว่าหยุดไว้ก่อน?
เอมสรรเพชญ์ :ตอนนี้คือหยุดไว้ก่อนครับเพราะผมจะเด็ดเดี่ยวนิดหน่อยคือเวลาที่ผมทำอะไรจะโฟกัสแล้วทุ่มเททุกอย่างทำให้ดีที่สุดไม่งั้นก็ไม่ควรทำ
การที่เป็นลูกของคนดังสำหรับเราเองมันส่งผลทางด้านไหนไหม?
เอมสรรเพชญ์ :ผมอาจจะไม่รู้สึกกดดันขนาดนั้นเพราะว่าพ่อผมเป็นคนที่อิสระมากครับเขาปล่อยมากแต่ว่าผมดันรู้สึกแบบอาจจะมีความรู้สึกผิดนิดหนึ่งเลยครับ ว่าเราต้องทำให้ดีเพราะว่าผมไม่อยากเป็นแบบลูกคนดังเข้าวงการก็ได้แบบแนวนั้นไม่ใช่ Nepo Babyแบบนั้น คือเข้าใจแหล่ะว่าชื่อคุณพ่อก็ช่วยแต่ว่าการตัดสินใจแล้วการที่เราได้เล่นละครเราทำเองผมรู้สึกว่าเราต้องพิสูจน์ว่ามีฝีมือจริง ไม่ใช่แค่ว่าลูกพี่ดู๋สัญญาก็เล่นได้
นอกจากเป็นนักแสดงคุณพ่อก็เป็นพิธีกรด้วยคุณจะเดินตามเส้นทางนั้นด้วยไหม?
เอมสรรเพชญ์ :อันนี้ก็น่าสนใจครับแต่ว่าถ้าเกิดภาษาอังกฤษคือผมสะดวกในการทำแบบนี้แต่ถ้าเกิดเป็นภาษาไทยก็ต้องฝึกซ้อมครับเพราะว่าการเป็นพิธีกรยากมากครับ
พ่อของคุณเป็นนักถามที่ดีและได้ทำคอนเทนต์คุยกับผู้คนเยอะแยะมากมายคุณพ่อได้แบ่งปันที่เป็นบทเรียนชีวิตให้กับเราบ้างไหมเวลาที่มีโอกาสได้คุยกัน?
เอมสรรเพชญ์ :ตลอดเลยครับ แต่ว่าเสียดายเมื่อก่อนผมจะไม่ค่อยฟังในฐานะที่เป็นวัยรุ่นเนอะ เราจะแบบพ่อคุยมาก อะไรไม่รู้ เดี๋ยวนี้ก็เข้าใจแล้วว่าที่เขาแบ่งมาคือเขาได้คุยกับท็อปๆของทุกวงการเลย เหมือนพี่วู้ดดี้แหล่ะครับ คือพิธีกรจะกลายเป็นแบบฟองน้ำ เป้นสิ่งที่ดูดซึมทุกอย่างแล้วมันเป็นสิ่งที่ผมว่าเท่ห์มากเลย
คุณพ่อของคุณนั้นได้สร้างสิ่งเจ๋งๆ ไว้ให้กับวงการเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดง การจัดรายการ เขาเป็นไอดอลของหลายคน เป็นคนที่พี่มองเป็นต้นแบบมาโดยตลอด คุณโชคดีมากที่เกิดมาเป็นลูกของ ดู๋ สัญญา แล้วคุณมารู้ตัวตอนไหนว่าพ่อของฉันเจ๋งนะ ?
เอมสรรเพชญ์ :น่าจะช่วงโควิดครับคือตอนที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วได้แยกจากครอบครัวมาแล้วได้เปิดประสบการณ์กับคนใหม่ๆแล้วก็กลับมาได้อยู่กับพ่อแม่อีกทีก็รู้เลยว่าพ่อเราเป็นไม่ได้ว่าเขาเก่งแต่ว่าเขาเป็นคนที่รู้ตัวเองแล้วแบบรู้เยอะครับผมก็เข้าใจว่านี่เป็นคนที่ผมนับถือมากอยู่แล้วผมถือว่าโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกเขา
สามารถติดตาม Woody FMได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธเวลา 19.00 น.
คลิกชมย้อนหลัง :https://www.youtube.com/watch?v=PcaNieQf6ho&t=58s
#WoodFM#วู้ดดี้เอฟเอ็ม
สามารถติดตามและอัปเดตข่าวสาร รายการ WOODY FM
Facebook: Woody - Instagram: Woodytalk - YouTube: Woody - Twitter: @Woodytalk
TikTok: woodywoody- LINE: @woodytalk
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี