วันที่ 10 ธันวาคม 2567 นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางสาวชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัด แถลงข่าวเล่าลำดับเหตุการณ์ และสาเหตุถูกมิจฉาชีพหลอกเอาเงิน 4 ล้านบาท ยอมรับเสียใจที่ตัวเองถูกหลอก ด้านตำรวจไซเบอร์เดินทางเข้ารับข้อมูลเตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า
คลิปวีดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้ ในช่วงเช้าวันที่ 8 ธันวาคม นางสาวชาล๊อค ได้พูดคุยกับมิจฉาชีพนานกว่า 16 ชั่วโมง วิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพจะใช้ระบบ AI แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อ้างว่านางสาวชาล๊อต เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดี ฟอกเงินหุ้นบริษัท STARK และได้รับเงินค่าจ้างเปิดบัญชีเป็นรายเดือน เดือนละ 800,000 บาท จึงขอตรวจสอบบัญชี โดยให้วิดีโอคอลผ่านแอบลิเคชั่นไลน์ และบังคับกดลิงค์ เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ โดยคาดว่าลิงค์ดังกล่าวทำให้โทรศัพท์ถูกบล็อคเบอร์จากบุคคลอื่น ไม่สามารถโทรติดต่อสื่อสารได้ พร้อมแสดงหลักฐานเป็นเอกสารทางราชการ ที่ปลอมแปลงขึ้นมาสร้างความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ นางสาวชาล๊อคหลงเชื่อจึงโอนเงินไปให้ตรวจสอบตามเลขบัญชีที่ส่งมาให้ ซึ่งเป็นชื่อบัญชีของนางสาวปาริชาติ เป็นบัญชีม้า โดยโอนเงินเป็นจำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรกในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 7 ธันวาคม โอนเงินเป็นจำนวน 2 ล้านบาท มิจฉาชีพพยายามยื้อเวลาในการพยายามให้วีดีโอคอลตลอดบังคับไม่ให้ติดต่อผู้อื่นอ้างว่าจะถูกดำเนินคดีไปด้วย บังคับให้โอนเงินอีกจำนวน 500,000 บาท เมื่อการพูดคุยสอบถามพบว่ามีเงินในบัญชีเหลือ จึงบังคับให้โอนเงินรอบที่ 3 อีกจำนวน 1,500,000 บาท รวมความเสียหายทั้งหมดเกือบ 4 ล้านบาท แต่มิจฉาชีพยังไม่ลดละความพยายาม พยายามสอบถามเงินจากบัญชีอื่นเพื่อให้โอนเงินไปตรวจสอบ จนกระทั่งเจ้าตัวรู้ตัวในเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม จึงได้ตัดสินใจโทรทำการอายัดบัญชีชั่วคราวและบันทึกภาพวิดีโอไว้เป็นหลักฐานพร้อมเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดยอมรับว่าตนรู้สึกเสียใจที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
ด้านนายณวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่เชื่อว่าไม่สามารถติดตามเงินคืนได้แล้ว จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ ต่อสังคม อย่าหลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบด้วยวิธีใดก็ตาม เนื่องจากหน่วยงานทางภาครัฐของประเทศ ไทยไม่มีมาตรการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทางออนไลน์ หรือเรียกตรวจสอบเงินจากบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ใดๆทั้งสิ้น หากสงสัยให้ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องโดยตรง ส่วนกรณีของนางสาวชาล๊อต ซึ่งเป็นนางงามในต้นสังกัด ตัวเองพร้อมที่จะดูแลเป็นเรื่องของการทำงานและเป็นกำลังใจให้ต่อไป
ภายหลังการแถลงข่าว พลตำรวจตรีวิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชา การตำรวจสืบสวนสอบสวนมหาชนชาวเทคโนโลยี และพลตำรวจตรีชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสอบสวน ได้เดินทางเข้ามารับข้อมูล
โดยพลตำรวจตรีวิวัฒน์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นทราบว่าทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร และทางพนักงานสอบสวนได้อายัดบัญชีไว้เบื้องต้นแล้ว ทราบเป็นการโอนเข้าบัญชีม้า และถูกโอนออกไปยังบัญชีอื่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยจะโอนย้ายคดี ที่อยู่ในความรับผิดชอบ สน.สุทธิสาร มาอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เป็นผู้รับผิดชอบ เร่งติดตามสืบสวนขยายผลให้เร็วที่สุด คาดว่าจะมีความคืบหน้าภายในหนึ่งสัปดาห์
ส่วนหลักฐานที่เป็นคลิปบันทึกเอาไว้ขณะมีการพูดคุยกับมิจฉาชีพที่ใช้ระบบ AI เป็นลักษณะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่นั้น ยอมรับว่านวัตกรรมของมิจฉาชีพ ที่มีความก้าวหน้าไปมาก โดยจะใช้การเชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบดาวเทียวสตาร์เทค สุ่มผู้เสียหายหลอกเอาเงิน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะหลอกถามเอาข้อมูล ตามแผนการของมิจฉาชีพ โดยที่ผ่านมามีหลายคดีที่ตำรวจสามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้ ซึ่งจากหลักฐานเบื้องต้นคาดว่าคดีของคุณชาล๊อต ไม่ใช่คดีที่ซับซ้อน ถึงแม้ปลายทางจะมีการโอนเงินเปลี่ยนเป็นสกุลดิจิตอลแล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเส้นทางการเงินได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี