เตรียมปักหมุดพบกับมหากาพย์ศึกแห่งสายเลือดสุดเข้มข้นที่สร้างจากแรงบันดาลใจในการสถาปนากรุงสุโขทัยในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “พระร่วง..มหาศึกสุโขทัย” สนับสนุนโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  หลังจากปล่อยตัวอย่างให้ได้ชมไปไม่นาน ก็ได้รับความสนใจจากคนดูอย่างมาก โดยงานนี้ได้ผู้กำกับการแสดงฝีมือดี แน็ต-ชาติชาย เกษนัส ผนึกกำลังสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพร่วมกับโปรดิวเซอร์คนเก่ง  วิน-อนาวิล วิภาสวัสดิ์  แถมยังได้ทีมนักแสดงมากฝีมือ เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์, แก๊ป-ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล, สงกรานต์-รังสรรค์ ปัญญาเรือน, เน็ท-กานดา วิทยานุภาพยืนยง, ตั๊ก-นภัสรัญชน์ มิตรธีรโรจน์ และ สตรีเพชร เยม โคจรมาประชันบทบาทกันอย่างดุเดือดเข้มข้นครบทุกอรรถรสความสนุกที่พร้อมจัดเสิร์ฟให้ผู้ชมได้อินในทุกมิติอารมณ์!!

ผู้กำกับการแสดง “แน็ต-ชาติชาย” เผยว่า “เรื่องราวในหนังเรื่องนี้จะถูกนำเสนอผ่านยุคปัจจุบัน ที่ตัวละครต่างๆ กำลังเล่นละครเวทีเรื่อง 'พระร่วง' กันอยู่ แล้วเรื่องราวในละครเวทีนี่แหละจะถูกนำเสนอเป็นภาพของเรื่องราวในยุคอาณาจักรสุโขทัยอีกที โดยผมได้นำบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 มาใช้เป็นแรงบันดาลใจและหยิบเรื่องเล่าพระร่วง มาเทียบเคียงกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยเป็นการตีความใหม่ผ่านเรื่องเล่าและหลักฐานทางโบราณคดีต่างๆ”

“เรื่องราวเป็นเหตุการณ์ช่วงรอยต่อของการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินในสมัยของพ่อขุนศรีนาวนำถุม จากจุดตั้งต้นตรงนี้ผมก็เลยหยิบมาเล่าใหม่ โดยผนวกกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และจินตนาการ ผูกออกมาเป็นเรื่องราวการห้ำหั่นของสองพี่น้องต่างอุดมการณ์ระหว่าง “พรญาผาเมือง” (รับบทโดย เต้ย-พงศกร) และ “ขุนบางกลางหาว” (รับบทโดย แก๊ป-ธนเวทย์) ที่ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเหมาะสมจะขึ้นครองบัลลังก์แห่งอาณาจักรศรีสัชนาลัย สุโขทัย ซึ่งต้องบอกเลยว่าทั้งเต้ย และแก็ปมารับบทนำในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการทำงานที่ถือว่าเป็นโจทย์ยากมาก แต่เขาทั้งคู่ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างชัดเจน ในส่วนของพาร์ทที่ต้องฟาดฟันกันเขาก็ปล่อยพลังใส่กันได้อย่างเต็มที่ทุกอย่างดูมีความสมจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละ ที่จะทำให้คนดูรู้สึกอินและเพิ่มอรรถรสของหนังให้สนุกเข้มข้นขึ้นไปอีก สุดท้ายก็ขอฝากหนัง ‘พระร่วง..มหาศึกสุโขทัย’ ไว้ด้วยนะครับ ผมรับรองว่าคนดูจะได้รับทั้งความบันเทิงและแง่คิด  คติเตือนใจบางอย่างจากหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ”

ด้าน โปรดิวเซอร์ “วิน-อนาวิล” กล่าวเสริมว่า “โปรเจกต์หนักเรื่องนี้เป็นการต่อยอดมาจาก พระร่วง เดอะมิวสิคัล ซึ่งตอนนั้นก็ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมาก เราเลยคิดต่อยอดไปว่าแล้วถ้าเอาเรื่องราวของพระร่วง ซึ่งเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในสายเลือดคนไทยอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่คนไทยรู้จักและอินไปกับตำนานการเล่าขานต่อกันมา แล้วนำสิ่งเหล่านี้มาปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ โดยถ่ายทอดผ่านศิลปะภาพยนตร์ก็ถือว่าเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างได้มากกว่า และยังเป็นการถอดบทเรียนในอดีตมาใช้กับปัจจุบันและอนาคต เพราะเรามองว่าเมื่อคนดูหนังเรื่องนี้จนจบ นอกจากความสนุกที่ชวนให้ได้ลุ้นระทึก ยังเป็นการต่อยอดค้นคว้าความรู้เพิ่มเติม หรือเกิดเป็นประเด็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์และศิลปะ และที่สำคัญหนังเรื่องนี้ยังเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่เราจะสามารถส่งผ่านไปให้คนทั่วโลกได้เข้าใจและเรียนรู้ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมไทยได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ”