8 พฤษภาคม 2568 หลังจากที่พระเอกชื่อดังค่าตัวแพงที่สุดในเกาหลีใต้ 'คิมซูฮยอน' พร้อมด้วยทนายความ 'คิมจองบก' ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวประเด็นระหว่างเขาและดาราสาวผู้ล่วงลับ 'คิมแซรน' ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมาย
ล่าสุดครอบครัวของ 'คิมแซรน' ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวครั้งที่ 2 โดยมีทนายความ 'บูจีซอก' ตัวแทนของครอบครัว และ 'คิมเซอึย' ยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง Garosero Research Institute ร่วมด้วย โดยภายในงานแถลงข่าว ได้มีการเปิดคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงการสนทนาระหว่าง 'คิมแซรน' กับคนรู้จัก ที่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ในอดีตกับ 'คิมซูฮยอน'
ภายในคลิปเสียงนี้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2025 ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนก่อนที่ คิมแซรน จะเสียชีวิต ซึ่งคลิปเสียงมีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และการบันทึกเสียงทั้งหมดได้รับความยินยอมจากเธอในขณะนั้น ในคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงของ 'คิมแซรน' ยืนยันว่า เธอเคยคบหากับ 'คิมซูฮยอน' มาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เลิกกันตอนเธอเข้ามหาวิทยาลัย และมีความสัมพันธ์ทางเพศครั้งแรกในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวตอนเธออยู่ชั้น ม.2 และ 'คิมแซรน' กล่าวด้วยว่า มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอคบกับ 'คิมซูฮยอน' ตั้งแต่ยังเด็ก และทุกคนที่รู้ต่างมีปฏิกิริยาในทำนองเดียวกัน มองว่าเธอเป็นฝ่ายผิดและสงสัยว่าทำไมถึงยอมให้เขารอดตัว
คนรู้จัก A "คุณมีเพศสัมพันธ์กับเขา หลังจากที่คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง"
'คิมแซรน' "ครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน คือตอนที่ฉันอยู่ ม.2 ช่วงปิดเทอมฤดูหนาว"
คนรู้จัก A "โอ้โห ม.2 เหรอ"
'คิมแซรน' "มาคิดดูตอนนี้ เหมือนว่าฉันโดนเอาเปรียบหรือเปล่า"
คนรู้จัก A "แน่นอนว่าคุณถูกเอาเปรียบ ฉันอยากจะฆ่ามันจริงๆ ไอ้เวรนั่น"
'คิมแซรน' "ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าเราเคยคบกันตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้น แต่พวกเขาก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน พวกเขามองว่าฉันเป็นคนบ้า และถามว่าทำไมฉันถึงปล่อยให้เขาทำแบบนั้น"
ซึ่งภายในคลิปเสียงนั้น 'คิมแซรน' ยังได้กล่าวอีกว่า 'คิมซูฮยอน' ได้นอนกับผู้หญิงคนอื่น และส่งรูปภาพของเขาตอนมีเพศสัมพันธ์กับไอดอลหญิงมาให้เธอดูด้วย และยังบอกอีกว่า เขาได้บันทึกชื่อของไอดอลหญิงที่เคยนอนด้วยว่า "สาหร่าย" เนื่องจากกลิ่นของเธอคนนั้นเหมือนกับสาหร่าย
จากประเด็นดังกล่าว ทนายบูจีซอก ตัวแทนทางกฎหมายของครอบครัวคิมแซรนประกาศว่า ทางครอบครัวได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีทางอาญาต่อ 'คิมซูฮยอน' ในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก โดยกระทำการลามกอนาจาร และล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ และทนายความยังได้เปิดเผยอีกว่า ผู้ให้เบาะแสคลิปเสียงสนทนานี้กับทางครอบครัว ได้รับข้อเสนอซื้อหลักฐานหลายพันล้านวอนแต่ปฏิเสธไป จึงถูกคุกคามความปลอดภัย และถูกทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา โดยถูกแทงที่คอ 9 ครั้งในสหรัฐฯ ซึ่งผู้ก่อเหตุมี 2 คน เป็นชาวเกาหลีและชาวจีน ทำให้ทางครอบครัวของ 'คิมแซรน' ตัดสินใจออกมาเปิดเผยคลิปเสียงดังกล่าวนี้ เนื่องจากกังวลว่า เหตุการณ์นี้อาจรุนแรงขึ้นได้อีก หากรอต่อไป
ล่าสุด GOLDMEDALIST ต้นสังกัดของ 'คิมซูฮยอน' ได้ออกมาแถลงการณ์ตอบโต้ โดยบอกว่าคลิปเสียงที่นำมาเผยแพร่นั้นเป็นของปลอม ที่สร้างขึ้นโดยใช้ AI โดยมีบุคคลลึกลับซึ่งอ้างว่าครอบครองไฟล์เสียงนี้ พยายามติดต่อบริษัทของคิมซูฮยอนเพื่อเรียกร้องเงิน แต่บริษัทไม่ยอมรับข้อเสนอและปฏิเสธไป บุคคลดังกล่าวจึงหันไปหากาเซยอนแทน และนำคลิปเสียงปลอมนี้ออกมาเผยแพร่ นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า ภาพที่อ้างว่าเป็นภาพหลักฐานการถูกทำร้ายร่างกายจากคนของ GOLD MEDALIST นั้นบริษัทเผยว่าภาพดังกล่าวสามารถหาได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
GOLD MEDALIST ต้นสังกัดของ 'คิมซูฮยอน' ได้ระบุว่า "การกระทำนี้เป็นการโกหกและการทำลายชื่อเสียงของคิมซูฮยอน พร้อมยืนยันจะดำเนินการตรวจสอบทางเทคนิคเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ว่าคลิปเสียงดังกล่าวถูกทำขึ้นมาโดย AIและทาง GOLDMEDALIST ยืนยันว่าจะดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่ปล่อยคลิปเสียง ในข้อหาหมิ่นประมาทและละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี