Tuck Talk สัปดาห์นี้พบกับความรู้เรื่องการ หยุดไตเสื่อมก่อนสาย ฟื้นฟูไตได้จริง! ไม่ต้องฟอก ไม่ต้องผ่าตัด? เปิดเทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกในไทย ความหวังใหม่ของผู้ป่วยโรคไต ช่วยชะลอความเสื่อม ฟื้นฟูการทำงานของไต กับ “หมอบุศรา เหล่าพัทรเกษม” แพทย์ผู้ชำนาญการใช้เครื่อง Shockwave ในการฟื้นฟูไต พร้อมไขทุกประเด็นที่คนเป็นโรคไตควรรู้ เพราะโรคไต ไม่ใช่จุดจบของชีวิต
โรคไตเรื้อรังไตเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้จริงไหม ต้องเรียนรู้กับการที่จะอยู่กับโรคไตอย่างไร ?
หมอบุศรา : จริงค่ะ ในเรื่องของอาหารการกินก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญอย่างมากในการดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง หลักๆเลยไตก็คือมีหน้าที่สำคัญในการที่คัดกรองของเสียออกจากเลือดทั้งในรูปแบบของยูเลียตินีนแล้วก็กรดยูริก รวมไปถึงควบคุมสมดุลของเกลือแร่แล้วก็น้ำในร่างกาย เพราะฉะนั้นอาหารการกินมันก็คือเป็นที่มาของตัวเกลือแร่ต่างๆเหล่านี้เลยทำให้เป็นสิ่งสำคัญที่คนที่เป็นโรคไตจะต้องควบคุมดูแลเป็นอย่างมากเลย
ต้องควบคุมมากที่สุดคือเรื่องความเค็ม ปริมาณโซเดียมต่อวัน ?
หมอบุศรา : ใช่ค่ะ ไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน หรือแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น ซึ่งตัวโซเดียมก็คือที่เราพูดถึงอาหารรสเค็มมันก็คือตัวโซเดียมคลอไรด์ ซึ่งเป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งที่เราต้องจำกัด เพราะว่าลดการกินเค็ม ลดการปรุงรสโดยใช้แบบพวกซอสปรุงรสต่างๆ รวมไปถึงที่เราอาจจะไม่รู้ก็คือในพวกอาหารแปรรูป หรือว่าอาหารหมักดองอาหารเหล่านี้ก็คือมีพวกโซเดียมเพื่อช่วยให้คงสภาพของอาหารไว้ได้
ในการปรุงอาหาร เขาบอกว่าเกลือเค็มสุดจริงไหม ?
หมอบุศรา : จริงค่ะ ตัวเกลือก็คือเค็มสุดแล้วก็ตัวอื่นก็ลดหลั่น แต่ว่าถามว่าโซเดียมเยอะไหมก็คือเยอะเหมือนกันทั้งหมดเลยค่ะ
แล้วมีอะไรน้อยที่สุด ?
หมอบุศรา : อาจจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบพวกโซเดียมน้อย หรือว่าถ้าเกิดว่าเราไม่อยากใส่พวกซอสปรุงรสก็อาจจะหาเป็นสมุนไพรไทยอย่างเช่นแบบขิงข่าตะไคร้หอมใหญ่หอมแดงหรือว่ามะนาวพริกไทยดำ เอามาปรุงรสในอาหารแทนเพื่อให้แบบรสชาติอร่อยนิดหนึ่งโดยที่ไม่ต้องพึ่งโซเดียม
สมมุติว่าทานเค็มปกติแต่เราดื่มน้ำเยอะ วันหนึ่ง 2 ลิตรครึ่งขึ้นไป มันช่วยเดรนออกไปไหม ?
หมอบุศรา : ช่วยเลยค่ะ ซึ่งจริงๆที่บอกว่า 2 ลิตรครึ่ง ไม่ได้ถือว่าเยอะยังอยู่ในเกณฑ์ปกติที่เราควรจะกินให้ถึงต่อวันค่ะ ยิ่งถ้าเกิดว่าวันไหนที่เราไปกินชาบูหรือว่ากินเค็มมาก ก็ยิ่งควรจะต้องแบบดื่มน้ำตามเยอะๆ เพื่อจะได้ช่วยขับออกไปทางปัสสาวะ
โซเดียมมีหลายชนิดหลายประเภท นอกจากเกลือ นอกจากซอสปรุงรส อยู่ตรงที่อื่นอีกบ้างไหม ?
หมอบุศรา : มีอีกค่ะ โซเดียมแฝงเลยที่เป็นปัจจัยสำคัญที่เราอาจจะไม่รู้ตัวว่ากินโซเดียมเข้าไปก็คือรูปแบบของโซเดียมไบคาร์บอเนตที่อยู่ในผงฟู ที่เราเอามาใช้ในการทำเบเกอรี่ขนมปัง บางคนอาจจะคิดว่าฉันกินเบเกอรี่ กินขนมปัง ฉันไม่ได้กินเค็มแต่จริงๆ แล้วมันก็มีโซเดียมเยอะเหมือนกัน กับอีกอันหนึ่งด้วยก็คือนมไข่มุก
นอกจากโซเดียม โพแทสเซียมก็มีเหมือนกันที่เราต้องระวัง ?
หมอบุศรา : อย่างที่บอกไปว่าไตเราเหมือนกับต้องคัดกรองหรือว่าควบคุมสมดุลพวกเกลือแร่ รวมไปถึงทั้งแบบโปแทสเซียมแล้วก็ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียมที่ว่าจะอยู่ในผักผลไม้ ผักผลไม้ไรบ้างที่ควรไม่ควรสำหรับคนเป็นโรคไต ?
หมอบุศรา : จะมีหลายอย่างแต่ว่าก็อยากจะให้จำง่ายๆ โปแทสเซียมก็คือเหมือนเวลาที่เราปลูกผักต่างๆ เราต้องใส่ปุ๋ยที่มันเร่งใบเร่งดอกที่มีโพแทสเซียม จำง่ายๆ คือผักกลุ่มที่มีใบสีเขียวเข้ม หรือว่าพวกผักหัว เช่น ผักโขม ผักคะน้า มันฝรั่ง แครอท อาโวคาโด ซึ่งผักกลุ่มนี้จะมีโพแทสเซียมที่สูง ถ้าเกิดว่าในกลุ่มคนที่ยังไม่ได้เป็นโรคไตก็ยังทำงานกรองโพแทสเซียมออกไปทางปัสสาวะได้ก็ยังทานได้ปกติ แต่ว่าถ้าเกิดว่าเราเริ่มแบบเป็นไตเสื่อมระยะ 2 ระยะ 3 ก็อาจจะต้องระมัดระวัง ถ้าพูดถึงผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วยสุก มะละกอสุก ทุเรียน น้ำส้ม แต่อย่างที่บอกไปคือไม่ใช่ว่าห้าม กินได้แต่ในปริมาณที่น้อย
ผักผลไม้อะไรที่มีโพแทสเซียมต่ำ ที่พอจะทานได้ ?
หมอบุศรา : แตงกวา ผักกาดขาว อันนี้ในกลุ่มของผัก ถ้าพูดถึงผลไม้ที่โปแทคสเซียมต่ำ เช่น แอปเปิ้ล องุ่น สับปะรด แตงโม ลิ้นจี่ แก้วมังกร สามารถทานได้
มีโพแทสเซียม มีโซเดียม แล้วฟอสฟอรัส ?
หมอบุศรา : คนเป็นโรคไตต้องระมัดระวังเรื่องฟอสฟอรัส เพราะว่าไตไม่สามารถที่จะขับฟอสฟอรัสออกไปทางปัสสาวะได้ อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูงเป็นสิ่งที่เรากินกันบ่อยๆเลย คือ นมวัว ชีส โยเกิร์ต ธัญพืช ข้าวกล้อง ควรกินเป็นข้าวขาวธรรมดา
โปรตีนเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนกังวลโดยเฉพาะคนเป็นโรคไตเขาบอกว่าให้เลี่ยงเนื้อแดงจริงไหม ?
หมอบุศรา : สำหรับคนที่ที่เป็นโรคไตนะคะจริงๆ ก็แนะนำให้ทานโปรตีน 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ต่อวัน ถ้าน้ำหนัก 50 ก็อาจจะกินได้สัก 30-40 กรัมต่อวัน ส่วนเนื้อแดงก็อาจจะต้องแบบหลีกเลี่ยง ต้องกินเป็นพวกปลาทะเล ปลาทูน่า ปลาซาบะ ปลาโอ หรือว่าจะเป็น เนื้อไก่ อกไก่
เดี๋ยวนี้คนจะเน้นกิน Plant-Based โปรตีนจากพืช คนเป็นโรคไตถ้าให้แนะนำโปรตีนจากพืชหรือโปรตีนจากสัตว์ ?
หมอบุศรา : ตอนนี้ Plant-Based ก็มาแรงนะคะ ถ้าเกิดว่าคนไข้ที่เป็นโรคไตยังไม่ได้ฟอกไตก็อาจจะแนะนำเป็นโปรตีนจากพืชมากกว่า เพราะว่าโปรตีนจากพืชก็คือมีกากใยแล้วพอย่อยเป็นของเสีย อาจจะมีตัวพวกยูเรียน้อยกว่าโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งโปรตีนจากสัตว์มีกรดอะมิโนที่ครบถ้วนแต่ว่าพอเวลาที่ย่อยไปแล้วมันก็จะมีของเสียพวกยูเรียเยอะก็เลยอาจจะทำให้ต้องระวังมากกว่าตัวโปรตีนจากพืช แต่ถ้าเกิดว่าคนไข้ที่ฟอกไตไปแล้วก็ยิ่งต้องการโปรตีนเยอะกว่าคนที่ยังไม่ได้ฟอกอย่างที่บอกไปก็อาจจะเน้นเป็นโปรตีนจากสัตว์ เพราะว่าให้พลังงานแล้วก็ให้กรดอะมิโนที่ครบถ้วนกว่า แล้วก็พอไปฟอกไตก็จะได้ยังมีพลังงาน
การดื่มน้ำคนปกติเราดื่มน้ำเต็มที่อยู่แล้ว แต่คนเป็นโรคไตต้องจำกัดปริมาณน้ำแค่ไหน ?
หมอบุศรา : ถ้าเกิดว่าคนปกติหรือว่าคนเป็นโรคไตระยะต้นๆ ระยะ 2 ระยะ 3 ที่ยังสามารถขับออกมาเป็นปัสสาวะไปได้ ก็แนะนำว่าให้ทานน้ำในปริมาณที่เหมือนกับคนปกติเลย ก็คือ 2ลิตร 2.5ลิตร เพราะว่าน้ำที่เรากินก็เหมือนกับมันก็ต้องส่งไปกรองเลือดที่ไตเพื่อขับออกมาเป็นปัสสาวะ ถ้าเกิดว่าเรากินน้ำน้อยบางคนไปออกกำลังกายเสียเหงื่ออีก ก็จะยิ่งทำให้อาจจะเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันขึ้นมาได้ ถ้าเกิดว่าในคนที่เริ่มเป็นโรคไตระยะท้ายที่ไตไม่สามารถกรองออกมาเป็นปัสสาวะได้ก็จะต้องจำกัดปริมาณน้ำ บางคนอาจจะไม่เกิน 1 ลิตรต่อวัน เพราะเขาไม่สามารถที่จะขับน้ำออกไปได้ ก็อาจจะทำให้เกิดเป็นภาวะน้ำท่วมปอดกันได้
คนเป็นโรคไตเหมาะกับการออกกำลังกายแบบไหน ?
หมอบุศรา : ถ้ายังอายุน้อยๆ แนะนำให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ จ๊อกกิ้ง อย่างน้อยสัก30-50 นาทีต่อวัน หรืออย่างน้อยให้รวมๆ 150 นาทีต่อสัปดาห์
นอกจากปรับอาหารแล้ว เรื่องของไลฟ์สไตล์แล้ว ตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเป็นการช่วยฟื้นฟูไตด้วย ?
หมอบุศรา : ตอนนี้ก็มีเทคโนโลยีใหม่ก็คือ Shockwave ที่ช่วยในการฟื้นฟูไต ซึ่งจริงๆตัว Shockwave ไม่ได้เป็นเทตโนโลยี่ที่ใหม่มีการใช้มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ใช้ในการสลายนิ่วแต่อันนั้น Shockwave จะเป็นที่พลังงานสูงมากซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อไตบางส่วนเสียหายได้ ในปัจจุบันก็จะมีการนำ Shockwave พลังงานต่ำมาใช้ในการรักษาในการปวดเหมื่อยกล้ามเนื้อ รักษาการปวดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ รวมถึงการรักษาคนที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศชาย
ซึ่งตอนนี้ก็มาช่วยในการฟื้นฟูไตได้ ใช้วิธีการยังไง ?
หมอบุศรา : Shockwave ถ้าเราเรียกภาษาไทยก็เป็นคลื่นกระแทกที่จะให้พลังงานผ่านตัวหัวของ Shockwave โดยที่รักษาแต่ละจุดของร่างกาย จะมีตัวหัวของ Shockwave ที่ต่างกันเพื่อมุ่งไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายที่แตกต่างกัน ซึ่งปัจจุบันนำมาใช้ในการรักษาฟื้นฟูไตจะมุ่งเป้าไปยังไตโดยเฉพาะ โดยการที่ใช้เหมือนเครื่องอัลตร้าซาวด์ตรงช่องท้อง หาตำแหน่งของไตก่อน เพื่อที่จะได้ยิง Shockwave ไปยังไตได้อย่างแม่นยำ แล้วก็จะมีการมาร์คจุดตรงบริเวณเนื้อไต รวมไปถึงเส้นเลือดแล้วก็เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงไต ทั้งหมด 8 จุด ซึ่งตัว Shockwave จะช่วยชะลอความเสื่อมของไต โดยการที่ไปกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ แล้วก็ทำให้เส้นเลือดบริเวณใกล้เคียงขยายตัว จะทำให้มีเลือดมาไหลเวียนบริเวณตรงนั้นได้ดีขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยรองรับนะคะ ที่เขาทำงานวิจัยร่วมกับเมโยสถาบันที่ทำการทดลองของอเมริกาทำการวิจัยในคนแล้วก็คือได้ผลการรักษาที่ดี นอกจากนี้ก็คือยังได้รับการอนุญาตให้ใช้ในประเทศชั้นนำในยุโรป เช่นเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ มีใบอนุญาตที่ให้สามารถใช้เครื่องนี้ได้
คนเป็นโรคไตระยะไหนถึงจะให้ใช้เครื่อง Shockwave ?
หมอบุศรา : ในงานวิจัยที่เค้าทำก็จะแนะนำในคนที่เป็นระยะ 3 ระยะ 4 ที่ยังไม่ฟอก เพราะเราต้องการที่จะชะลอความเสื่อมแล้ว ก็ฟื้นฟูไตเพื่อไม่ให้เข้าสู่ระยะฟอกไต แต่ถ้าบางคนที่เป็นระยะ 5 แต่ยังไม่ได้ฟอกไตจริงๆ ก็สามารถทำได้อยู่คือชะลอให้เข้าสู่การฟอกไตให้ช้าที่สุด Shockwave ไม่ได้เป็นแบบทดแทนการฟอกไตเพราะฉะนั้นถ้าใครที่ฟอกไตไปแล้วก็ยังต้องฟอกไตตามนัดตามปกติ ตัว Shockwave แนะนำให้ทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งทำ 6 ครั้งสามารถที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของไตไปได้ 1 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี