เรียกได้ว่ายังคงเป็นหนุ่มฮอตและเนื้อหอมไม่จางสำหรับ แชมป์เดอะวอยซ์ ซีซั่น 2 สงกรานต์ รังสรรค์ ปัญญาเรือน ที่วันนี้ถึงแม้ว่าชีวิตจะประสบผลสำเร็จโด่งดังเป็นซุฟตาร์ แต่หนุ่มคนนี้ก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะอะไรนั้น .. ก็ต้องไปติดตามอ่านกัน แต่ที่แน่ๆ จากที่ได้สัมผัสพูดคุย รู้สึกได้ว่าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ด้วยคาแร็คเตอร์ แววตา สีหน้า และ การแสดงออก สื่อถึงความจริงใจ รวมถึงอริยบททุกอย่าง จะเป็นอีกคนที่โลดแล่นในวงการได้นานแน่นอน
แต่วันนี้จะพามาล่วงลึกถึงความเป็นมาจากพ่อค้าขายลูกชิ้น กลับกลายเป็นศิลปินดัง เพียงข้ามคืน
สวัสดีครับ สงกรานต์ The Voice ครับ ก่อนนี้ภูมิลำเนาเดิมผมอยู่ท่า จ. ลำปาง แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่ โคราชเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นครับ (หัวเราะ .. ) นี้เป็นคาแร็คเตอร์ผมที่ทุกคนจำได้ ผมว่ามันเท่สุดๆ เลยแหละ (ยิ้ม)
เข้ามาประกวด The voice ได้อย่างไร
วันนั้นผมจำได้ว่ากำลังถอดลูกชิ้นอยู่ แล้วจู่ๆ เพื่อนเป็นคนเอาใบสมัครมาให้ เป็นใบสมัครที่กรอกข้อมูลแล้วนะครับ ครบเชียว (หัวเราะ) เอามาโยนให้แล้วบอกให้ผมไปออดิชั่นด้วย แล้วผมก็ไปครับ ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย คือไปเพราะโดนบังคับและผมไม่เคยคิดเลย ไม่มีเวลาท่าจะไปสมัครไปร้องด้วย เพราะเราก็ขายของ กลางคืนก็ร้องเพลงเล่นดนตรี
ก่อนหน้านี้ทำอะไรบ้าง
ผมเล่นดนตรีอยู่ตามร้านอาหารครับ แต่ก่อนหน้านี้เคยเป็นคนตัดหญ้า พนักงานขายรองเท้า คนยกโต๊ะเป็นม้าเร็ว เป็นเด็กเสิร์ฟ พ่อค้าขายขนม และก็มาเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้น แต่ทุกอย่างผมทำคู่กับการเล่นดนตรีตลอดนะ คือต้องบอกว่าชีวิตผมทำอะไรมาเยอะ ลำบากมาก็เยอะมีงานอะไรผมจะตั้งใจทำทุกอย่าง
ตั้งใจจะเอาดีทางด้านดนตรีไหม
ตั้งใจเอาดีด้านดนตรีอยู่แล้วครับ ผมเป็นคนไม่ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว ถ้าผมไม่ได้ดีทางด้านดนตรีผมก็จะไปทำกับข้าวขายครับ คาแร็คเตอร์ผมเหมือนพ่อค้าไหม (หัวเราะ .. ) สมัยก่อนไม่ค่อยตั้งใจเรียน เกเร แต่ผมก็ได้สร้สางความเดือดร้อนให้คนรอบข้างนะ ตามวัย
แล้วอาชีพเก่าละ
ผมรักมันนะเพราะมันทำให้ผม มีชีวิตอย่าต่อได้ ค้าขาย มีตังจนได้เดินทางมาประกวดเดอะว๊อยซ์นี้แหละครับ แต่ตอนที่มาอยู่ กรุวเทพฯ ก็มีขัดสนบ้างเพราะผมไม่ใช่คนรวยแต่ผมชอบร้องเพลง แก้ปัญหาอย่างไรในช่วงไม่มีเงิน นี้เลยครับ ยืมพี่ สแตมป์ (หัวเราะ .. ) มันมีอยู่ช่วงนึงที่ผมไม่มีเงินเลยซึ่งก็เป็นช่วงอยู่ในระหว่างการแข่งขัน เพราะว่าเราไม่มีเงินของก็ไม่ได้ขาย ผมต้องไปกลับกรุงเทพฯ ต้องไปขายลูกชิ้น หาเงิน 1000 บาท นั่งรถไป-กลับ 500 บาท เก็บไว้กิน 500 บาท ประมานนี้ผมจะพยายามทำทุกอย่างให้ถึงที่สุด คือเรามุ่งมั่นอย่างเดียวกับเวทีนี้ แต่มันก็ไม่พอใช้อยู่ดี ตัดสิ้นใจไปยืมพี่ แสตมป์ เลยครับ (หัวเราะ .. )
มาถึงขั้นนี้แล้ว เคยลุ่มหลงในชื่อเสียงบางไหม
ผมไม่ได้ขาดหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ เลยไม่มีคำว่าลุ่มหลง โดนเฉพาะวันนั้นแล้ว 4 คนสุดท้ายจะเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผมที่ได้ จะใครได้ก็ไม่มีข้อกังขาอะไรอยู่แล้วครับ เรารักกันเหมือนพี่น้องนะภาพอาจจะออกมาแบบการแข่งขัน แต่หลังเวทีนั้นพี่ๆ น้องๆ พวกเราให้กำลังใจกันตลอดไม่มีคำว่าแข่งขัน
ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
ตอนนี้ไม่ได้ขายลูกชิ้นแล้ว ร้องเพลงอย่างเดียวครับ เคยมีหมอทักว่า ถ้าจะขายลูกชิ้นให้เลิกร้องเพลง ถ้าจะร้องเพลงก็เลิกขายลูกชิ้น ก็รู้สึกเสียดายนะครับ แต่มันคือบันได 1 ขั้น ทุกอย่างเหมือนเป็นบันไดให้เราเดินขึ้นมาถึงจุดนี้ครับ
เพื่อนๆ ในวงเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนี้ก็มาเล่นให้กับผมครับ เราพยายามขอให้ได้เล่นด้วยกัน เพราะเราโตมาด้วยกันถึงแม้วันนี้ผมจะมีชื่อเสียงที่โด่งดัง ผมจะพยายามดึงเพื่อนๆ ทุกคนในวงมาอยู่ด้วยกันทำงานด้วยกันครับ และซิงเกิ้ลใหม่ของกับเพลง “คงไม่ทัน” เพื่อนก็มาเล่นและเป็นแบล็คอัพให้ด้วย
กลับไปตลาดที่เดิมบ้างไหม
ผมอยากไปนะ แต่ผมไม่มีเวลาไปจริงๆ ถ้ามีเวลาผมไปอยู่แล้ว อยากไปหาทุกคนที่นั้นเขาคงดีใจและยินดีกับผมมากๆ
ได้อะไรจากการประกวด The Voice บ้าง
ผมได้ทุกอย่างเลยครับ สังคม ประสบการณ์ ทำให้เราโตมากกว่าเดิม เพราะได้เจอสังคมใหม่ๆ ผู้ใหญ่ การวางตัว ราวมไปถึงด้านอื่นๆ ด้วย
คิดว่าจะไปถึงในจุดไหนในวงการ
ผมไม่ได้คิดว่าผมจะต้องยิ่งใหญ่กว่าใคร แต่ผมคิดว่าผมจะทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมชอบร้องเพลง คือ จริงๆ ผมมีวงร่วมกับเพื่อนอยู่แล้ว พวกผมก็ทำเพลงกันเอง คือตอนแรกนะที่เพื่อนให้มาประกวด คืออยากให้คนรู้จักวงของพวกเรามากขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ให้คนได้ยินชื่อ The Bantam อยากให้วงของผมเพื่อนของผมมีชื่อเสียงโด่งดังไปกับผมด้วย
คติในการใช้ชีวิต
ผมมีทุกอย่างเป็นแรงผลักดันครับ ถ้าผมมีความสุขผมก็จะมีแรงผลักดัน เพื่อพรุ่งนี้ผมจะได้มีความสุขกว่าเดิม เช่นผู้ฟัง ฟังเพลงของผมแล้วมีความสุข ผมก็มีความสุขและมีแรงผลักดันต่อ ทุกคนต้องมีคนชอบและคนไม่ชอบ ต้องมีคำสบประมาท แต่มันขึ้นอยู่ที่ว่า ผมจะเหยียบคำสบประมาทนั้นได้หรือเปล่า
ชีวิตกับคุณแม่เป้นอย่างไรบ้าง
คุณแม่ก็ดีใจมากครับ ภูมิใจที่ผมได้ทำงานที่รัก ได้เลี้ยงคนที่รักด้วยงานที่รัก พยามยามทำทุกอย่างให้แม่ ผมคิดว่าตอนนี้ผมคงทำอะไรไม่ทันหรอก เพราะเวลามันเดินไปเร็วมาก ผมก็ได้แต่เอาเงินให้แม่ ออกรถให้แม่ และถ้าเป็นไปได้จะซื้อบ้าน พยายามตอบแทนผู้มีพระคุณกับเราให้มากๆ นะ มันจะเป็นสิ่งที่พลักดันให้ชีวิตเราดีขึ้นๆ เรื่อยๆ ความกตัญญู ความซื้อสัตย์ และ อดทน ครับ
ฝากอะไรถึงน้องๆที่อยากเดินตามฝัน
ใครที่อยากทำอะไรตามความฝัน ให้รีบทำเลย ยิ่งตอนนี้เราไม่ต้องรอใครแล้ว เรามีสื่อช่วยมากมาย เช่น YouTube อะไรต่างๆมากมาย บางคนดังข้ามคืนโดนไม่ต้องทำอะไรมากเลย เพราะฉะนั้นอยากทำอะไรทำเลย ดีกว่าแก่ไปมาคิดว่า ทำไมตอนนั้นถึงไม่ทำ บางคนมีความสามารถ แต่ถ้าไม่ลงมือทำแล้วใครจะเห็น มันจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที และสุดท้ายก็ฝากติดตาม ซิงเกิ้ลแรกของผมด้วยนะครับ กับเพลง “คงไม่ทัน” หวังว่าทุกคนจะชอบและติดตามผมไปเรื่อยๆ ขอบคุณครับ
เจฟฟ์ มารา
@jeffmarajeff
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี