วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เปิดใจ ครูเงาะ รสสุคนธ์ กับปมในวัยเด็ก คบแฟน 10 ปี แต่ไม่คิดแต่งงาน-มีลูก!
เปิดใจ ครูเงาะ รสสุคนธ์ ครูสอนการแสดงและแอคติ้งโค้ชระดับประเทศ ที่วันนี้จะมาย้อนเล่าปมวัยเด็ก คิดว่าครั้งนึงพ่อไม่รักจนทำให้กลายเป็นคนกลัวการถูกปฏิเสธ ดึงดูดอดีตความรักพังจนต้องพึ่งสายมู แต่วันนี้ชีวิตครูเงาะแฮปปี้มาก เพราะเจอรักแท้ที่เกื้อหนุนจากสายธรรม แถมเจ้าตัวเตรียมวางแผนเกษียณจริงไหม ทั้งหมดนี้ในรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
บางกลุ่มจะดราม่าไลฟ โค้ช ส่วนใหญ่เจอเรื่องอะไร?
ครูเงาะ : ครูว่าเค้ายังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าไลฟ์โค้ชคืออะไร ครูเข้าใจเค้านะ ตอนแรกครูไปเรียนแอคติ้งที่อเมริกา แล้วไปเจอเพื่อนที่เป็นครูสอนการแสดงด้วยกันเป็นไลฟ์โค้ช คือเราคิดว่าทำไมเราต้องให้คนอื่นมาโค้ชชีวิตเราด้วย มันไม่ใช่ ตอนนั้นครูไม่อินเลย ครูเข้าใจว่าไลฟ์โค้ช คือคนที่มาสอนเรา บอกเราว่าใช้ชีวิตอะไรยังไง แต่ไลฟ์โค้ชจริงๆ ถ้าเราไปสอบแล้วได้ประกาศนียบัตร 1. ห้ามสอนด้วยนะไลฟ์โค้ชอะ ไลฟ์โค้ชมีหน้าที่ตั้งคำถามอย่างเดียว ใครที่ไปสอบเป็นไลฟ์โค้ชแล้วสอนคือตกหมดเลยนะ ดังนั้นใครที่เห็นเค้าออกมาสอน มาแชร์ อันนั้นเค้าไม่ได้อยู่ในโหมดไลฟ์โค้ช เค้าอาจจะเป็นหมวดวิทยากร หมวดสร้างแรงบันดาลใจ นักพูดหรืออะไรก็แล้วแต่ เราต้องแยกตรงนี้ก่อน ที่นี้ครูตั้งแต่เด็กเวลาเห็นคนผ่านไป ผ่านมา เราจะตั้งคำถามว่าชีวิตเค้าเป็นอะไร เดินผ่านเราแล้วหลังจากนี้เค้าจะไปเจออะไร มันเลยทำให้ครูรักศาสตร์การแสดง อยากเข้าใจมนุษย์ พอถึงจุดนึงไปศึกษาจิตวิทยา เพื่อที่จะเข้าใจ กลับไปที่คอมเมนต์เค้าแค่ไม่รู้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนครูใจร้อนพิมพ์ด่ากลับเลย แต่พอมาวันนี้ที่เราทำงานกับตัวเองมาพอสมควร เราก็จะดู 1.เค้าไม่รู้ เค้าพูดแบบนี้ 1.มาจากความกลัว เพราะเคยได้ยินข่าวไลฟ์โค้ชที่ไม่ดี จนทำให้เค้าคิดว่าจะมาหลอกฉันหรือเปล่า จะชวนฉันลงทุนอะไรหรือเปล่า เค้าก็พูดบนความกลัว
.jpg)
ที่บอกว่าชอบสังเกตคน แล้วตัวครูเงาะเองในช่วงวัยเด็กมีปมอะไรไหม?
ครูเงาะ : โตมากับความรู้สึกว่าครอบครัวอบอุ่น ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีปมเลย คุณพ่อเสีย คุณพ่อก็ไม่ได้ไปมีชู้อะไร เราไม่ได้รู้สึกว่าเราบ้านแตก แค่พ่อเสียแล้วแม่ก็เลี้ยงมาด้วยความรักอย่างดีก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีปม และเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาตั้งแต่เด็ก จนวันนึงครูสอนนักแสดง แล้วเห็นนักแสดงของครูคนนึงดังด้วย มันมีความกลัว คือตอนอยู่ในห้องเวิร์กช้อปมันเก่ง แต่พอมันไปแสดง ออกกองมันมีความกลัวอะไรก็ไม่รู้ เราเลยอยากรู้ว่าความกลัวนี้มันเกิดจากอะไรก็เลยไปเรียนจิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องสะกดจิตบำบัด เรียนเพื่อตั้งใจจะช่วยนักเรียน แต่กลายเป็นว่าโดนเต็มๆ คือมนุษย์เราทุกคนมันจะมี โดยเฉพาะ 7 ขวบ 10 ขวบ เป็นช่วงสำคัญมากๆ คำว่ามีปมไม่ใช่ว่าพ่อต้องตบ แม่ตี โดนทำร้าย ไม่ใช่ ปมหมายความว่า บางสิ่ง บางอย่างที่เราตีความพ่อ แม่ ของเราผิดจากความกลัวบางอย่าง เพราะเด็ก 7 ขวบแรก สมองผิด ชอบชั่วดียังไม่ถูกสร้าง ฉะนั้นเค้าจะใช้สมองของความกลัวเป็นสัญชาตญาณในการขับเคลื่อน ทีนี้อะไรที่ทำให้เค้ารู้สึกอันตราย เช่น ความไม่แน่นอน ความเจ็บปวด ความอับอาย สิ่งเหล่านี้จะถูกสอนจิตเลยว่าอย่าทำอีก ถ้าเธอทำอีก เธอจะเจ็บปวดแบบนี้ ตอนที่ครูไปทำมันมีการสะกดจิตบำบัด
เค้าให้เราทำยังไง?
ครูเงาะ : เค้าให้เราเหมือนนั่งสมาธิ แล้วให้จิตของเราไปอยู่ในคลื่นที่ชื่อว่าอัลฟ่า คลื่นนี้ถ้าเด็กเรียนเก่งนั่งตั้งใจเรียนมันก็เข้าคลื่นนี้ได้ เราจะมีสติรู้ตัวทุกอย่าง นิ่งสงบ พอจิตมันสงบมันจะเปิดจิตใต้สำนึก สิ่งที่มันเคยเก็บ เคยซ่อนไว้มันจะไม่มีทางเอาออกได้เลยถ้าจิตเราไม่สงบ แต่พอจิตเราสงบปุ๊บมันจะถูกฟุ้งและดันขึ้นมา ปรากฏว่าครูไปเรียนเพื่อจะไปสอนคนอื่น ฉันคิดว่าไม่มีหรอก ฉันไม่มีปม ครอบครัวฉันอบอุ่น ตอนนั้นครูอยู่ในท่านั่งด้วย ครูเรียนที่อเมริกา เขาบอกให้เรานึกถึงเรื่องที่เรามีเกาะในการใช้ชีวิต คือไม่กล้ารัก ไม่กล้าเป็นที่รัก รู้สึกว่าลึกๆ เราดีไม่พอ ซึ่งทุกคนจะมีความรู้สึกนี้อยู่ในตัวเอง ปรากฏว่ามันโชว์ภาพนึงเป็นภาพที่ครูนั่งบนตักแม่แล้วพ่อขับรถอยู่ พ่อครู่กินเหล้าตั้งแต่ครูเกิดมา เนื่องจากพี่สาวครูตายก่อนที่ครูจะเกิดด้วยอุบัติเหตุ แล้วพ่อเสียใจมาก ครูโตมากับการได้ยินมาตลอดว่า พ่อเค้าเสียใจที่พี่น้องเสีย พี่น้องเค้าน่ารักมากเลยนะไม่เหมือนเราเลย แต่เค้าจะพูดทีเล่น ทีจริง เราก็ไม่ได้คิดว่าเราเป็นปมด้วยนะ พี่สาวครูตายก่อนครูเกิดครูก็ยิ่งไม่รํ้สึกเป็นปมอะไร เค้าบอกพี่น้องเค้าเรียบร้อย เราเถียงคำไม่ตกฟาก ปรากฏว่าครูเห็นภาพครูนั่งบนตักแม่แล้วหันไปพูดกับพ่อตอน 5 ขวบ ซึ่งภาพนี้มันลืมไปแล้ว แต่อยู่ดีๆ มันจำแบบชัดมากในจิตตอนนั้นว่าเราคุยกับพ่อว่า พ่อค่าพ่อรักเงาะไหม พ่อก็บอกว่ารักสิลูก พ่อรักเงาะ พ่อเลิกกินเหล้าได้ไหม สิ่งที่เกิดขึ้นคือพ่อเงียบ ครูจำความรู้สึกของเด็กคนนั้นได้ว่ามันอาย มันเกิดการตีความในจิตของเด็กเองว่า พ่อรักแหละแต่แค่ไม่ได้รักขนาดนั้น ถ้าพี่น้องขอพ่อคงเลิกให้ เชื่อไหมว่าครูไม่เคยคิดเรื่องนี้ในจิตของครูแม้แต่น้อย ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีปมกับพ่อ กับพี่เลย แล้วมันโชว์ขึ้นมาเองเลยว่าวันนี้เงาะตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีให้พ่อเห็น แต่สุดท้ายพ่อก็ตายตามพี่น้องอยู่ดี แล้วจิตตัวนี้มันเลยทำให้ครูกลายเป็นคนที่โตมาไม่เคยขออะไรใครเลย ไม่เคยกล้าแสดงความรักกับใครเลย เพราะกลัวการถูกปฏิเสธ ธรรมชาติของคนมันจะใช้หน้ากากมาใส่ สมมติคาแรคเตอร์เรามันจะเป็นเหมือนเหรียญสองหน้า อะไรที่เราได้รับคำชมเราจะเอามาไว้ด้านหน้า อะไรที่ถูกด่าเราจะซ่อน แต่เหรียญสองหน้าเนี่ยมีคาแรคเตอร์ สมมติพ่อบอกเงาะเก่ง ครูต้องพรีเซนให้โลกเห็นว่าฉันเก่งนะ คำว่าเก่งเกินไป เหรียญอีกฝั่งนึงคือคำว่าอีโก้ ครูจะมาพร้อมกับสิ่งนี้ตลอดเลยตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าพ่อเงียบ พ่อปฏิเสธ อ่อการที่ฉันขอร้อง ฉันจะเจ็บปวด ฉะนั้นฉันจะทิ้งการขอร้อง แต่คำว่าขอร้องมันมีอีกหน้านึงคือจริงกับความรู้สึกของตัวเอง คนที่กล้าขอร้องเค้าจริงกับความรู้สึกของตัวเอง ครูก็เลยทิ้งอันนี้ไปด้วย ทำให้ครูไม่เคยจริงกับตัวเองเลย เวลาครูน้อยใจแฟนเก่าครูจะใช้ความโกรธเข้ามากลบแทนจริงๆ เราเสียใจ แทนที่จะบอกว่าเงาะเสียใจ แต่เราบอกทำไมทำแบบนี้ เพราะคำว่าโกรธมันเทียบเท่ากับคำว่าเข้มแข็ง เราจึงใช้พฤติกรรมนี้มากลบความอ่อนแอทั้งหมด เพราะเราจำว่าถ้าเงาะอ่อนแอเงาะจะไม่เป็นที่รัก
.jpg)
มันได้เจอปมที่มันอยู่ลึกมากๆ ?
ครูเงาะ : พอวันที่ครูเจอปม แล้วพอเราแก้ปม การแก้ปมคือการเข้าไปทำความเข้าใจใหม่ ตอนนั้นเค้าให้ครูเข้าไปเป็นพ่อ นั่งอยู่แบบนี้แล้วพ่ออยากพูดอะไรกับเราในวันนั้น แล้วสิ่งที่พ่อพูดออกมาเป็นสิ่งที่ครูไม่เคยได้ยิน เช่น พ่อบอกว่าพ่อแค่รู้สึกผิดกับพี่น้อง ซึ่งครูก็ไม่ได้คิดว่าพ่อต้องรู้สึกผิดอะไร เพราะพี่น้องเกิดอุบัติเหตุ พ่อไม่เกี่ยว ครูก็กลับไปถามแม่ แม่บอกว่าเงาะรู้ไหมวันที่พี่น้องตายพ่อไปดึงศพลูกขึ้นมากอดแล้วบอกว่าพ่อขอโทษๆ พ่อผิดเอง กรรมที่พ่อเคยไปยิงนก ตกปลามาลงที่ลูกของพ่อ คือครูไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ตอนนั้นมันเป็นเรานี่แหละ แต่เป็นเสียฃพ่อพูดออกมาว่าพ่อรู้สึกผิด กรรมของพ่อไปตกที่ลูก พ่อรักเงาะ เค้าจะพูดมุมนี้ออกมา จนครูรู้สึกว่าฉันเป็นที่รักมาโดยตลอด ลืมตาขึ้นมาเชื่อไหมถ้าเราเป็นที่รัก แล้วเราดีพอ โลกทั้งหมดคือโอกาสของเราหมดเลย จากครูไม่กล้ากลัวการถูกปฏิเสธ ถ้าจะชอบใครต้องรอให้เค้าเข้ามาจีบ ถ้าอยากทำงานนี้ต้องแสดงจนเค้ามาชวน แต่พอวันนั้นฉันมีค่า ฉันสามารถเดินไปบอกคนนั้นได้ว่าฉันอยากทำอันนี้ ชีวิตเปลี่ยนเลย
ปมของครูเงาะคือกลัวการถูกปฏิเสธ วันนี้มันยังอยู่ไหม?
ครูเงาะ : ไม่มีเลย แต่ถามว่า ณ วันนั้นมันหายแบบ 100% ไหม ไม่ ทุกปมมันจะออกแบบ สมมตินี่คือก้อนที่เราเก็บไว้ ถ้าเราจิตสงบมากมันก็จะลงลึก จิตสงบน้อยก็จะออกไปนิดนึง แต่แน่นอนมันจะเหลือค้างอยู่ เหมือนเราเอาแผลออกไปแล้วมันจะเหลือช่องว่าง เราต้องเติมน้ำดีมหาศาลใส่เข้าไปทดแทน เราต้องฝืนกระบวนการเก่าของตัวเอง
ก่อนจะไปเรียนจิตวิทยา การกลัวการถูกปฏิเสธส่งผลกับการใช้ชีวิตในด้านไหนไหม ความรักเป็นไง?
ครูเงาะ : ความรักคือฉ่ำ คือเราไม่กล้าเลือก อย่างเราประมาณนี้ก็ดีแล้ว เพราะเราเห็นคุณค่าเราแค่นั้น ตอนที่เราเลือกคนคนนึงเนี่ย เราเลือกเพียงเพราะว่าเราไม่อยากให้เค้าปฏิเสธเราไปหาอีกคน แต่เราไม่ได้รักเค้านะ ครูเคยเลือกแบบนี้ด้วย สมมติคนนี้มาจีบเราแล้วเราไปรู้ว่าเค้าไปจีบอีกคนนึงด้วย เราไม่ได้ชอบเค้าเลย แต่ฉันจะแพ้ไม่ได้นะ กลัวการแพ้ กลัวการไม่ถูกเลือก แล้วไปดึงคนที่เราไม่ได้รักเข้ามาในชีวิต แล้วอยู่ด้วยกันก็โอ้ย..คนมันไม่ได้รักกันอะ คือเราดูกถูกตัวเองขนาดไหน คิดดูนะว่าเค้าเจ้าชู้ เรากลัวไม่เป็นที่รัก เราอยากเป็นสาวเก่ง เพราะพ่อชมว่าเก่ง เก่งก็เลยเป็นไพ่ที่เราแสดงให้โลกเห็นว่าฉันเก่ง ต้องแมนๆ คุยกับแฟนคนนึงบอกว่าถ้าอยากเที่ยวผู้หญิงเที่ยวได้เลยนะ เราพยายามเข้าใจโลก ผู้ชายมันเป็นเพศแพร่พันธุ์ ฉะนั้นเราจะไปห้ามสัญชาตญาณสัตว์ไม่ได้ ไปได้แต่อย่าไปมีเมียน้อย หรือกิ๊กจริงจัง พอเค้าไปจริงๆ มันไม่ได้ มันปลอม แต่เราดันใช้สมองคิดว่ามันควรได้สิ เราเป็นคนเท่ ความอยากเป็นคนเก่งที่ถูกชมมาตั้งแต่เด็กว่าลูกพ่อมันเก่ง ไม่เก่งหน้าตาแบบไหน ไม่เก่งคือเป็นผู้หญิงงี่เง้า อ่อนแอ ฉันจะไม่เป็นแบบนั้น ครูเลยดีดไปอีกฝั่ง แต่สุดท้ายมันไม่จริง อันนี้ผิดธรรมชาติ
.jpg)
มันยากนะที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง?
ครูเงาะ : ใช่ นี่แหละที่ทำให้ครูย้อนนึกถึงเพื่อนที่อเมริกาที่เค้าเป็นไลฟ์โค้ช เออ…ฉันเข้าใจเธอแล้ว เพราะมันมีกระบวนการที่เค้าทดสอบ ทดลองกันมาแล้วเพื่อให้เราได้ตั้งคำถามกับตัวเองแล้วค่อยๆ คายความจริงของตัวเองออกมา มันมีวิชาทั้งหมดนี้อยู่แล้ว จริงๆ วิชาที่ลึกซึ้งที่สุดคือวิชาของธรรมะ ธรรมะครูเคยไปเรียนที่ต่างประเทศจ่ายเงินไป 3 แสนนะ
ทำไมไปเรียนที่นู้น?
ครูเงาะ : เค้าไม่ได้บอกว่าสอนธรรมะ เค้าบอกสอนจิตวิทยา จ่ายไป 3 แสน เรียน 9 วัน
สุดท้ายคือธรรมะ?
ครูเงาะ : ธรรมะค่ะ แล้วสอนแบบผิวด้วย แบบจ่ายเงินแล้วไปนั่งเรียนขันธ์5 แล้วเรียนอยู่ 2 ขันธ์ มึงเอาอีก 3 ขันธ์กูคืนมา พอครูกลับมา ครูอธิฐานจิตเลยว่า ในเมื่อพระพุทธเจ้าเป็นบรมครูที่สุดยอด แต่ทำไมเราไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านสอนสักที เราเรียนมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยใช้ในชีวิตเลย ครูก็เลยตั้งใจศึกษาเรื่องนี้
.jpg)
พอชีวิตรักครูพัง ครูก็ไปทางสายมู?
ครูเงาะ : ใช่ ต้องเข้าใจว่าคนมันไม่มีปัญญา ครูไม่มีปัญญา ธรรมชาติมนุษย์เราต้องการความคงที่ ซึ่งมันปลอม ใครจะคงที่ แต่เราไม่รู้ เราต้องการให้คงที่ พอความรักมันออกไปปุ๊บ เราควบคุมอะไรไม่ได้ ฉะนั้นการออกไปมู ไปไหว้ เป็นการหลอกตัวเองให้หลงว่าเรากำลังควบคุมอะไรบางอย่างได้
เป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจ?
ครูเงาะ : เราเรียกอย่างนั้น แต่เป็นอะไรที่มายามาก เวลาเราไปมูก็บอกตัวเองว่ารู้แหละว่าต้องสร้างด้วยมือเรา แต่ก่อนจะบอกตัวเองแบบนี้ แต่เราก็ต้องมีตัวช่วย แปลว่าลึกๆ บอกตัวเองว่าเธอไม่มีศักยภาพให้ตัวเอง 100% เชื่อไหมว่าทุกครั้งที่ครูไปมู ครูกลัวไม่มีแฟน กลัวไม่มีความรัก กลัวงานไม่ประสบความสำเร็จ คนที่ไปมูจะเป็นแบบนั้น เรื่องงานตอนนั้นครูไม่ค่อยมีปัญหา แต่จะเป็นเรื่องความรัก เริ่มมาละ หินสี ไม่พอเค้าเอาหินไปบดเป็นน้ำยาทาเล็บซื้อด้วย หมอดูที่ไหนว่าดีเงาะก็ว่าดีไปหมดเลย ไปทุกที่ เนี่ยมันคือขาดความมั่นคงภายใน แล้วพอเราไปเค้าให้ไปทำนั่น ทำนี่ เราก็ต้องไปทำ จนวันที่เรามาเรียนเกี่ยวกับเรื่องรักตัวเอง ตอนนั้นยังไม่เจอธรรมะนะ คือเจอธรรมะตั้งแต่เด็ก แต่ยังไม่ได้เจอธรรมแท้ที่พระพุทธองค์ให้ไว้
บางทีคนที่ไปมูก็คิดว่ามันเป็นธรรมะส่วนนึง?
ครูเงาะ : ไปดูสิว่าข้อไหนที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่มีแม้แต่ข้อเดียวเลยนะ การกราบไหว้ ไปไหว้ ไปมูสิ่งนั้น สิ่งนี้ ถ้ามูแล้วมันดี มันต้องดีทุกคน ถ้าจะบอกว่าฉันมูแล้วดี แล้วทำไมเพื่อนที่ไปด้วยกันทำไมไม่เห็นดีเลย ที่มันดีเพราะอะไร เพราะขณะที่เรากำลังไหว้อยู่นั้นจิตของเรามันอยู่ในระดับสูง เช่น เราเบิกบาน เรามีความหวัง จิตที่มันตกแล้วถูกยกมันก็จะเป็นกรรม นี่คือการทำกรรมที่ดีต่อตัวเองจึงดึงสิ่งที่ดีในระดับเดียวกันเข้ามาหา ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยกรรมที่คุณทำมา คนที่บอกว่าวันนี้ไปมูมาแล้วรวย มึงไมมูมึงก็รวย เพราะมึงเก่ง เคยให้เครดิตตัวเองบ้างไหม ในวันนี้เราไปกราบไหว้ต่างๆ นานา ไปอ้อนวอน ร้องขอ พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า คนเมื่อมีความอะวิชาเข้าครอบงำ มีความไม่รู้ ความกลัวเข้าครอบงำ ไหว้ได้แม้กระทั่งจอมปลวก ไหว้ได้แม้กระทั่งภูเขา ไหว้ได้แม้กระทั่งเจดีย์ร้าง อะไรก็ได้เพื่อให้เราขัดความกลัวออก ซึ่งมันไม่เคยแก้ได้จริง เครื่องรางของขลังพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้สั่งให้ทำ ถ้าดีท่านคงสั่งให้ไปทำแล้ว

แล้วอะไรที่ทำให้ครูได้สติ เลิกมู?
ครูเงาะ : ตอนที่ได้เจอธรรมแท้ของพระพุทธองค์ ตอนนั้นครูไปเจอพระอาจารย์ต้น คือครูเคยเจอครูมาหลากหลายรูปแบบ หลังจากนั้นครูก็จะเริ่มมีความระแวง ระวังใครเป็นแบบไหน พระที่ไหนยังไง แล้วมีคนส่งธรรมท่านมาให้ครูฟัง ตอนนั้นนั่งถ่ายรายการอยู่ ครูนั่งฟังแล้วแบบ ใช่ มันเหมือนเจอจิกซอว์ที่มันหายไป เราทำทุกอย่างเลย แต่เราขาดคำว่าความเห็นตรง หรือ สัมมาทิฏฐิ บินไปหาท่าน ไปเจอท่านถามทุกอย่างเป็นชั่วโมง ท่านตอบได้หมด แล้วตอบด้วยการอิงพระไตรปิฎก
ความรักของครูเงาะในปัจจุบันคบกันมากี่ปีแล้ว?
ครูเงาะ : 10 ปีแล้วค่ะ
เมื่อไหร่จะมีข่าวดี แต่งงาน?
ครูเงาะ : คือครูคุยกันตั้งแต่วันแรกเลยที่ออกเดทเลยว่าเราไม่แต่งงานนะ คือครูไม่ค่อยเก้ทการแต่งงานเท่าไหร่ ในมุมของครูเราแยกพิธีแต่งงานกับชีวิตคู่มันคนละเรื่องกัน พิธีแต่งงานมันทำเพื่อคนอื่นหมดเลย แล้วคนที่เราต้องทำเพื่อเค้าจริงๆ คือใคร คือพ่อ แม่ เราเท่านั้นเอง ฉะนั้นครูเลยคุยกับโจอี้ว่า พอเราสร้างบ้านใหม่ด้วยกัน แล้วให้พ่อ แม่มารับรู้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแล้วนะ จบ แล้วเรารักษาชีวิตคู่ของเราดีกว่าด้วยการทำให้มันดี มันเปลือง เหนื่อย เสร็จแล้วต้องมานั่งนับซองลุ้นอีกว่าคุ้มไม่คุ้ม เป็นการลงทุนที่เสี่ยงไป
ไม่อยากจัดงานแต่ง แล้วจดทะเบียนไหม?
ครูเงาะ : เวลาเค้าจดทะเบียน เค้าจดกันเพื่ออะไรนะ
เบนซ์ : เรื่องถ้าป่วยใครจะเป็นคนเซ็น ถ้าไม่ใช่ญาติจะเซ็นไม่ได้ เรื่องทรัพย์สินเป็นเรื่องรอง
ครูเงาะ : อันนี้คุยกับคุณโจอี้ มันมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่มันจะมีผลว่าจะเซ็นไม่เซ็น คือครูแค่ขี้เกียจเซ็น ขี้เกียจเปลี่ยนนามสกุล ขี้เกียจไปทำเอกสารใหม่มันยุ่งยากมากเลย ฉันก็ไม่ได้อยากได้เงินเธอเธอก็ไม่ได้อยากได้เงินฉัน แต่มันมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องนี้เราทำยังไง เราก็ทำเป็นเอกสารแบบมอบอำนาจกันว่ายินยอมให้ใครเป็นคนตัดสินใจ หรือแม้กระทั่งถ้าเราตายไป มรดกพินัยกรรมแบ่งยังไง เราต้องวางแผนไว้ รวมไปถึงบ้าน สมมติตอนนั้นเรามีภาระอะไร ถ้าสมมติใครตายไปก่อนไม่อยากให้อีกคนต้องมารับภาระคนเดียว ครูจะวางแผนไว้ ครูทำประกัน แล้วประกันส่วนนี้เป็นส่วนโปะบ้านนะ คือเราจะไม่สร้างภาระต่อกัน เราถามตัวเองเสมอว่าเรามีคู่ครองเพื่ออะไร ครูอยากให้ทุกคนก่อนมีแฟนตอบตรงนี้ให้ได้ อย่ามีเพราะว่าถึงเวลา คือเราต้องรู้ว่าเราเอาเค้าเข้ามาเพื่ออะไร เราต้องการกัลยาณมิตร ต้องการเพื่อนเดินทางสู่ปลายทางด้วยกัน เกื้อกูลดูแลซึ่งกันและกันจนไปถึงปลายทาง ฉะนั้นถ้าเค้ามีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์คำนี้ของครูได้ แล้วครูตอบโจทย์เค้าได้ เราค่อยมาเดินด้วยกัน พอวันแรกเราก็บอกเลยไม่แต่งงาน ไม่มีลูก เราชัดเจนก่อนเจอเค้าแล้ว เราไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดแล้ว คือครูเห็นโทษของการเวียนว่ายตายเกิด พี่ครูตาย แม่ครูเสียใจขนาดไหน พ่อครูตาย ครูเสียใจขนาดไหน แค่คิดว่าถ้าครูมีลูกแล้วเราก็ไม่ใช่เด็กดีอะไรนักหนา สมัยเรียนเราก็เกเร ถ้าวิบากนี้ตกกับฉัน แล้วลูกไปปีนเหมือนฉันแบบนั้น ถ้าลูกฉันตายขึ้นมาทำยังไง ครูคิดว่าครูคงรับไม่ไหวกับความทุกข์ระดับนั้น ครูเลยรู้สึกว่าอิสระต่อความทุกข์ดีกว่านั่นคือเดินทางตามรอยพระพุทธองค์ ก็เลยบอกคุณโจอี้ตั้งแต่วันแรก ถ้าต้องการมีลูกอย่าเสียเวลากับเรา เค้าก็ไปคิด 2 วันแล้วตัดสินใจว่าเค้าก็ไม่ได้อยากมีเหมือนกัน
ตอนนี้จะเกษียณแล้วเหรอ?
ครูเงาะ : จริงๆปีนี้ครูเกษียณแล้ว คือเรามานิยามคำว่าเกษียณกันก่อน เกษียณคือเราสามารถทำงานที่ไม่จำเป็นต้องเพื่อเงินได้แล้ว อาจจะเกษียณไปเพื่อไปทำอะไรที่มีความหมายกับชีวิต อยู่กับครอบครัว ดูแลคนที่เรารัก ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หรือเดินทางเพื่อดับทุกข์ให้ตัวเอง มันอะไรก็ได้ ตัวครูวางแผนเกษียณเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ครูรู้ว่าครูต้องการเดินทางเพื่อดับทุกข์ให้ตัวเอง แล้วช่วยศาสนาด้วยการเผยแพร่สิ่งนี้ให้กับคน ฉะนั้นการที่ครูทำงานตอนนี้เพื่อวางแผนว่าปีนี้ครูจะเกษียณ แต่พอเกษียณปุ๊บครูยังทำงานอยู่ แต่เป็นงานที่ครูเลือก ไม่ใช่เลิกทำงาน แต่เลือกทำงาน
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow วันและเวลาใหม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-12.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี