วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แพทย์จีนไม่ใช่เรื่องอภินิหาร? แต่คือการอ่านสัญญาณร่างกายที่ถูกบันทึกและทดสอบมากว่า 2,000 ปี เปิดมุมมองแพทย์จีนตามหลักวิทยาศาสตร์ กับ “หมอยู ธีรวัฒน์” แพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ อธิบายทุกข้อสงสัย ทั้งเรื่องการฝังเข็ม แมะชีพจร ยาจีน สมุนไพรจีน ที่หลายคนเข้าใจผิด ในรายการ On The Way With CHOM
ศาสตร์แพทย์แผนจีนแตกต่างจากแผนปัจจุบันยังไง เน้นให้การรักษาแนวไหน ?
หมอยู : จริง ๆ แล้วแพทย์แผนปัจจุบันเขาจะเน้นเรื่องยกตัวอย่าง เช่น ปวดศีรษะก็กินยาแก้ปวดศีรษะ แต่อย่างแพทย์แผนจีนจะมองอีกแบบหนึ่ง เขาจะมองเป็นองค์รวมมากกว่า อย่างปวดศีรษะเขาอาจจะแยกถึง 9 แบบเลยว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร เพราะฉะนั้นกว่าจะรักษาเรื่องปวดศีรษะ หาสาเหตุก่อนกว่าจะรักษาเรื่องปวดศีรษะหายบางทีกินยาแค่ปวดทีเดียวมันก็หายแล้ว มันคนละแบบกัน แต่อย่างแพทย์จริงก็จะไปดูที่ต้นเหตุ
แพทย์แผนปัจจุบันเริ่มที่เป็นแนวการรักษาแบบองค์รวม ซึ่งศาสตร์จีนเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ?
หมอยู : ใช่ เพราะว่าศาสตร์จีนเขาจะดูถึงเรื่องความสมดุลของร่างกายเป็นหลัก หยินหยางง่าย ๆ เลย พื้นฐานทุกคนเริ่มต้นเรียนแพทย์แผนจีนก็เริ่มต้นหยินหยางก่อน
ชีพจรสามารถบอกอะไรเราได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ เช่น คนนี้เพิ่งเสียเลือดมา เพิ่งไปผ่าตัดมาหรือไปแท้งมา รู้ได้ยังไง ?
หมอยู : เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยแล้วมันดูเหมือนอภินิหารมาก จริง ๆ แล้วเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง มันถูกจดบันทึกมาตั้งแต่สมัยหลายพันปีก่อน ยกตัวอย่างที่มันเห็นภาพง่าย ๆ อย่างเช่น คนนี้เสียเลือดอุบัติเหตุมา เรามองภาพหลอดเลือดของคนเรา ก็เปรียบเสมือนเป็นลูกโป่งอันหนึ่ง ถ้าลูกโป่งอันนี้มีเลือดเต็ม ๆ จับแล้วจะรู้สึกว่ามันแน่น เพราะมันมีปริมาณที่มันที่มันแน่น แต่ถ้าไปเจาะปล่อยน้ำในลูกโป่งออก มันก็จะเหี่ยว ๆ ลง ลักษณะของหลอดเลือดคนเรามันไม่ใช่เป็นหลอดเลือดที่เป็นเหมือนหลอดพลาสติก ที่มันมีไซส์มาตรฐานตลอดเวลา มันมีการยืดหดของหลอดเลือดด้วย เพื่อปรับสภาพให้เข้ากับร่างกาย เพราะฉะนั้นจังหวะที่คุณเสียเลือดมา ร่างกายมันปรับหลอดเลือดไม่ทันหรอก จับปุ๊บความแน่นมันหายไปแล้ว บางคนที่เสียเลือดมา เราก็รู้ได้ถ้าในระยะเวลาไม่นาน แต่ไม่ใช่มาบอกว่า 10 ปีก่อนคุณเสียเลือดมา อันนี้ผมว่ามันโอเวอร์ไป
เข็มสแตนเลสธรรมดา ไม่มียาไม่มีอะไรเลยรักษาโรคได้ยังไง ?
หมอยู : กระบวนการฝังเข็มมันมีหลายกระบวนการมาก Mechanism เพิ่งถูกค้นพบในแผนปัจจุบันไม่นานนี้เอง แต่มีประวัติศาสตร์มาหลายพันปีแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เป็นสิว เวลาฝังเข็มไปมันเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย มันเป็นสแตนเลส พอเข็มเข้าไปในร่างกายแล้วสิ่งที่จะวิ่งมาอันดับแรกก็เป็นพวกเลือด, Antigen (แอนติเจน), Antibody (แอนตีบอดี) จะวิ่งมาบริเวณนั้นเยอะมาก มันมีสิ่งแปลกปลอมขึ้นมาในร่างกาย ถ้าเอากล้องเทอร์โมสโคปที่วัดอุณหภูมิ มาวัดจะเห็นเลยว่าจากตอนแรกมันเป็นสีฟ้าไม่ได้มีอุณหภูมิร้อนอะไร พอฝังเข็มเข้าไปสักระยะหนึ่งบริเวณนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สิ่งที่มันจะวิ่งมามันทำอะไรกับสแตนเลสไม่ได้ มันก็กำจัดเชื้อโรคบริเวณรอบ ๆ บริเวณนั้นออก เรียกพวกมาเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองอย่างหนึ่ง มันยังมีอีกหลายกระบวนการที่ถูกพิสูจน์
เหมือนล่อซื้อ ?
หมอยู : ใช่ ฮอร์โมนก็เหมือนกัน เขาก็มีการวัดว่าระดับฮอร์โมนพุ่งสูงขึ้นขณะที่ฝังเข็มอยู่ เพราะฉะนั้นพอมันมีข้อมูลพวกนี้ มันก็ถูกจดบันทึกแล้วก็ถูก approve ด้วยวิทยาศาสตร์แล้ว หลัง ๆ เขาก็มีการบรรจุอยู่ใน WHO (World Health Oranization) โรค top 10 ที่รักษาได้ดีโดยการฝังเข็ม ก็เป็นพวกโรคปวด ปวดประจำเดือน ปวดศีรษะไมเกรน รวมถึงเรื่องมีบุตรยากเพราะมีบุตรยากก็เป็นเรื่องฮอร์โมน เพราะฉะนั้นเรื่องปวดประจำเดือนมันอยู่ในในโซนเดียวกัน มันมีประมาณ 10 โรคที่เขาลิสต์ไว้ top 10 พวกนี้จะช่วยใช้การฝังเข็มได้ค่อนข้างดี
จะรู้ได้ยังไงว่าฝังจุดไหนแก้ตรงไหน ตอนนี้ที่ชัวร์เลยโดยวิทยาศาสตร์มีงานวิจัยรองรับ ฝังอันนี้แก้อันนี้ มีโอกาสหายจริงมีอะไรบ้าง ?
หมอยู : อันนี้ย้อนไปยาวนิดหนึ่งนะ หลายพันปีก่อนจริง ๆ ต้องต้องบอกว่ามนุษย์เราวิวัฒนาการมาด้วยมาถึงปัจจุบันเทคโนโลยีมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ มันเกิดจากการจดบันทึกแล้วส่งต่อส่งผ่านไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานจนถึงปัจจุบันเรา ตอนที่ผมเรียนอาจารย์เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนที่ยังไม่มีการฝังเข็ม เขาว่ากันว่า ไม่มีใครรู้ว่ามันเริ่มต้นมาจากไหน ตัวเข็มมันถูกค้นพบในสุสานจีนเมื่อ 2-3,000 ปีก่อน เริ่มจากเป็นเข็มหินสมัยก่อนเป็นแล้วก็ค่อยพัฒนาเป็นกระดูกสัตว์เรื่อย ๆ
ตามตำรามีบอกอยู่แล้วว่าฝังจุดนี้เพื่อแก้ ?
หมอยู : มี เป็นพื้นฐานเลย เป็นจุดพื้นฐานก่อน แล้วก็ต้องมาประยุกต์ใช้เอาตามคนไข้ ฝังลึกแค่ไหน องศาประมาณไหน ต้องฝังปริมาณเยอะไหม มันต้องพิจารณาจากหลายส่วนเลย
อาการซึมเศร้าก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับฮอร์โมนเหมือนกัน ฝังเข็มช่วยได้ไหม ?
หมอยู : ช่วยได้ เพราะว่าคนไข้ก็คนส่วนใหญ่ซึมเศร้าก็จะเป็นการหลั่งสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ เราก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายมันกลับมาสมดุลเหมือนเดิม มีหลาย ๆ เคสที่เขาหาย
โดยที่ไม่ต้องกินยา ?
หมอยู : ใช่ แต่ผมว่าถ้าเป็นหนัก ๆ ยังไงก็ต้องกินยา แต่ถ้าเป็นนิด ๆ หน่อย ๆ ผมว่ารักษาได้ แต่ถ้าเป็นในเคสที่หนักมาก ๆ มันอาจจะไม่ได้เพราะว่าเซลล์สมองส่วนที่มันผลิตสารต่าง ๆ มันพังไปแล้ว บางทีมันพังไปแล้วมันก็ไม่ได้ชุบชีวิตให้ฟื้นขึ้นมาได้ มันก็อาจต้องมีอะไรทดแทน
อัมพฤกษ์อัมพาตล่ะ ?
หมอยู : อันนี้ต้องมาเร็วนิดหนึ่ง
แล้วแต่เลเวล ?
หมอยู : ใช่ แล้วแต่เลเวล ระยะเวลาสำคัญมากตัวนี้มีงานวิจัยสูงมากเลยว่าใช้ฝั่งเข็มช่วยโรคเส้นเลือดตีบได้ดี แต่ว่าปัจจุบันผมบอกตรง ๆ ว่าถ้าอยู่ ๆ คนเส้นเลือดตีบหรือเส้นเลือดแตก คนไข้เขาแบ่งแยกไม่ออกกว่าอาการมันตีบหรือแตก ส่งมาหาหมอหมอจีนอาจจะไม่ทัน ผมว่าส่งเข้าโรงพยาบาลดีกว่า เพราะว่าโรงพยาบาลเขาต้องทำสแกน ต้องดูว่าตีบหรือแตกหรือเขาต้องประเมินเบื้องต้นแล้ว มันก็จะมียาตัวหนึ่งที่เขาสามารถใช้ได้ในระยะเวลา 4 ชั่วโมงครึ่ง ช่วยให้รักษาเส้นเลือดตีบได้เฉียบพลัน
หมายถึงแผนปัจจุบัน ?
หมอยู : แผนปัจจุบัน ถ้าหลัง 4 ชั่วโมงครึ่งแล้ว เขาก็อาจจะไม่ได้ใช้แล้ว กว่าจะวินิจฉัยออกว่าเป็นอันไหน ถ้าบางทีวิ่งมาหาหมอจีน ผมบอกตรง ๆ นะ บางทีมันไม่ทัน แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าหมอวินิจฉัยเป็นยังไง แต่ปัจจุบันฝั่งเข็มจะใช้เป็นรักษาทางรองมากกว่า เพราะเป็นแพทย์ทางเลือก ยังไม่ใช่แพทย์ทางหลักถ้าในเคสแบบนี้ช่วยได้ ถ้าเป็นการฟื้นฟูนะ ผมเรียกว่าเป็นการฟื้นฟูดีกว่า แต่ในกรณีฉุกเฉินก็ยังคงแนะนำไปทางแพทย์แผนปัจจุบันเหมาะสมกว่า แต่ถ้ามาฟื้นฟูอย่างเช่น หลังจากเส้นเลือดตีบแล้วไม่เกินกี่เดือน กี่เดือน 6 เดือน มารักษา ผมว่ายังได้ผลดีอยู่ เลย 6 เดือนไปแล้ว มารักษาจะค่อนข้างยากนิดหนึ่ง
สมุนไพรจีนปลอดภัยแค่ไหน แล้วต่างจากสมุนไพรไทยยังไง ?
หมอยู : เรื่องแรกที่ถามความปลอดภัย ความปลอดภัยจริง ๆ แล้วค่อนข้างสูง ผมขอย้อนกลับไปนิดหนึ่งว่าเรื่องข่าวลือมันมีมาได้ยังไง ทุก ๆ วงการมันมีหมด คนที่ดีและไม่ดี สมัยก่อนก็อาจจะมีคนที่วัตถุประสงค์ไม่ดี เอายาแพทย์แผนปัจจุบันไปใส่
ก็คือสเตียรอยด์ ?
หมอยู : ใส่สเตียรอยด์เข้าไปเลย สมุนไพรมันเกิดจากธรรมชาติ มนุษย์ไม่ใส่ไปมันจะมีไหมล่ะ ถ้าคุณบอกมี ต้องเป็นในปริมาณที่เยอะมาก ๆ อย่างเช่น ข้าวที่คุณกินก็อาจจะมีสเตียรอยด์ตามธรรมชาติอยู่ แต่คุณจะให้ได้ปริมาณสเตียรอยด์ที่มีผลกับร่างกาย คุณอาจจะต้องกินข้าว 100 กก. มันเป็นไปไม่ได้ สเตียรอยด์ที่เขาตรวจพบมันเป็นสารสกัดออกมาแล้ว คือเป็นสเตียรอยด์ที่ใช้ในทางการแพทย์ ทีนี้ เวลาพาดหัวข่าว เขาเขียนเลยนะ ยาจีนตรวจพบสารอันตราย 5 ชนิดยกตัวอย่าง คนก็กลัวแล้ว พอคุณไปอ่านเนื้อข่าว ยาตรวจพบไดโคลฟีแนค ไอบูโพรเฟน ยาแก้แพ้ สเตียรอยด์ ยารักษาโรคสมรรถภาพทางเพศ มันครอบจักรวาลเลย แล้วเขาใส่ในปริมาณที่มันไม่ได้เหมาะสม พูดง่าย ๆ เลยว่า เขาเอายาสารพัดโรค ก็คือยาแผนปัจจุบันทั้งหมด มารวมกันอยู่ในเม็ดเดียว แล้วเขาไปตั้งชื่อว่ายาจีน แล้วเขาไปหลอกขายคนเฒ่าคนแก่ เป็นยาชุดอะไรอย่างนี้
มันมี OD (overdose) บ้างไหมยาจีน ?
หมอยู : มันยากมากเลยนะการที่จะให้ยาจีน OD (overdose) คุณต้องใส่ปริมาณเยอะมาก ๆ เพราะมันไม่เพียว
มันไม่ได้เป็นสารสกัด ?
หมอยู : ถูกต้อง คุณจะกินให้โอเวอร์โดส คือ คุณต้องกินปริมาณเยอะมาก ๆ เยอะกว่าที่เราใช้ในรักษาโรคปัจจุบันแบบหลายสิบเท่า ทุกวันนี้ในกระทรวงสาธารณสุขก็มีการทำวิจัยในหนูขาว มันจะมีเขียนอยู่ใน Textbook ของแพทย์จีน ว่าคุณต้องใช้ปริมาณเยอะประมาณนี้เลยนะมันถึงจะ OD ซึ่งผมมองในปริมาณมันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะกินยาได้เป็นแบบกิโลฯ แพงด้วย กินไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้น การ OD แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้ามันเป็นเม็ดเล็ก ๆ คว้ามาสัก 100 เม็ด 10 เม็ด ก็ OD ได้แล้ว ถูกไหม อันนี้มัน มันเป็นสมุนไพรกองเบอเร่อ มันเป็นไปไม่ได้
เวลากินยาจีนที่เป็นแคปซูลถึงต้องกินจำนวนเม็ดค่อนข้างเยอะ เพราะว่ามันไม่ใช่สารสกัด ?
หมอยู : มันเป็นสมุนไพรธรรมชาติ แค่ผ่านกระบวนการอบแห้ง แล้วก็ผ่านความร้อน แล้วก็ทำให้มันเป็นผงแค่นั้นเอง
ยาจีนมีทั้งแบบสมัยใหม่ แบบใส่แคปซูล ลูกกลอน ยาต้ม มีเป็นผง มันคุณสมบัติมันแตกต่างกันยังไง ?
หมอยู : ผมว่าความสะดวกในการกินกับการเก็บรักษามากกว่า ยาลูกกลอนมันเป็นยาที่ดีมาก ๆ เพราะว่ามันถูกผสานด้วยน้ำผึ้ง แล้วน้ำผึ้งมันเป็นอาหารชนิดเดียวบนโลกที่ไม่ ไม่มีวันหมดอายุ เพราะฉะนั้นถ้าคุณทำลูกกลอนได้อย่างมีคุณภาพ แล้วความชื้นไม่ได้สูง มันแทบจะไม่มีวันหมดอายุเลย
เขากวางอ่อน รังนก ชะลอวัยจริงไหม ?
หมอยู : กินเกินไปมันก็ไม่ได้ชะลอ อย่างถ้าเขากวางบางทีกินเยอะไปก็อาจจะร้อนก็ได้ หรือเขากุ๊ยที่เขาบอกว่ากินแล้วแก้ร้อนใน กินเยอะไปร่างกายคุณก็เย็นไป คุณพยายามรักษาสมดุลดีกว่า อะไรที่มันมากเกินไปน้อยเกินไป ผมว่ามันไม่ดี
อะไรคือตัว top ?
หมอยู : ในมุมมองเลย มันมีเขียนในประวัติศาสตร์มาหลาย 1,000 ปีแล้ว โสมกับกระเพาะปลา 2 อย่างนี้คือตัวท็อปเลย เขามีเขียนตำราว่า 氣為血之帥,血為氣之母 (ชี่ เหวย เสวี่ย จือ ซ่วย, เสวี่ย เหวย ชี่ จือ หมู่) แปลเป็นไทย ชี่ทำให้เลือดมันขับเคลื่อน เป็นพลังงานให้เลือดไหลเวียน โสมคือตัวต้าปู่เหวยชี่ คือบำรุงชี่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นการจะมีเลือดอย่างเดียวแล้วไม่มีชี่ ก็เหมือนคนที่แบบไม่มีเอนเนอร์จี ทีนี้พอมากระเพาะปลา กระเพาะปลามันบำรุงเลือด พอบำรุงเลือด เลือดเป็นตัวผลิตให้เกิดชี่ เอื้อกัน เขาก็เลยจับ 2 ตัวนี้มารวมกัน ก็เลยเป็นตำรับยาที่ The Best อันนี้แหละตัวท็อป แต่ว่าก็ด้วยความที่คนจีนเงินเยอะ บางทีเขาขายมา เขามาซื้อกลับ ช่วงโควิดนี่มาขอซื้อกลับ คนจีนเขารวย เขาก็ซื้อกลับไป เขาซื้อไหว เขาขายเราด้วย แล้วซื้อ resell กลับไป
แผนปัจจุบันและแพทย์จีนเป็นทางเลือก ทั้ง 2 ทางเลือก รักษาควบคู่กันไป ขัดแย้งกันไหม ?
หมอยู : คำถามนี้ผมชอบมาก เพราะว่าสมัยก่อน ทางกระทรวงสาธารณสุข พยายามผลักดันเพื่อให้มีการรักษาควบคู่กัน เพราะว่าบางอย่างปัจจุบันเขาดีกว่า บางอย่างแพทย์จีนเขาช่วยเสริมได้ หรือบางอย่างแพทย์จีนก็ดีกว่า เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับคนไข้มากที่สุดคือ 2 แบบต้องมา Merge กัน โรคนี้ใช้ยาปัจจุบันดี โรคนี้ใช้ยาจีนดี มันแบ่งเบาภาระได้ด้วย ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดมันจะตกอยู่กับคนไข้ มันไม่ได้ขัดกันหรอก ถ้าเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่สิ่งที่อาจจะขัดกันอาจจะมีบางตัวแต่น้อยมาก ๆ อย่างเช่น คนที่กินยาละลายลิ่มเลือดแบบชนิดรุนแรงมา อย่าง Warfarin (วาร์ฟาริน) ยกตัวอย่าง เราอาจจะใช้ยาบางตัวไม่ได้ แต่มันอยู่ในเคสที่ rare มากที่เขาจะใช้ยาตัวนี้
มีคนไข้ที่แอบมาหาหมอจีนแล้วไม่บอกหมอแผนปัจจุบันไหม ?
หมอยู : มี ทุกวันนี้ก็ยังเจออยู่ แต่ผมเข้าใจท่านนะ เพราะว่าธรรมชาติมนุษย์ทุกคนเราจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ คนไข้ผมยกตัวอย่างเช่น ที่มาบ่อยๆ คือเขาไปทำมีบุตรยาก กระบวนการ ไข่คนไข้คนนี้ปกติมันอยู่ประมาณนี้ เก็บไข่รอบหนึ่งได้ประมาณนี้ ทำไมอยู่ ๆ รอบนี้มัน มันดีขึ้น คุณภาพไข่ดีขึ้น ทำไมอัลตราซาวด์ไปมดลูกมันมีดูมีเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงได้มากขึ้น หรือว่าสีมันดีขึ้นจากที่สีเคยซีด ๆ เขาก็ถามคนไข้ว่าคุณไปทำอะไรมา เขาก็บอกไปกินยาจีนมา แรก ๆ เขาก็ยังคาใจ แต่พอด้วยระยะเวลาผ่านไปหลาย ๆ ปี หลาย ๆ คลินิกที่เขาทำมีบุตรยากแนะนำมาเอง อันนี้มันก็ต้องอาศัยการเรียนรู้ เพราะว่ามันต้องมีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพราะว่าแพทย์แผนจีนก็เข้ามาในประเทศไทยแค่ไม่กี่ 10 ปีเท่านั้นเอง การรับรู้มันอาจจะยังต้องใช้เวลา
วิธีดูแลตัวเองหรือว่าสังเกตสมดุลของร่างกายของเรา ตามแบบหลักของศาสตร์จีน ว่ามีวิธีสังเกตตัวเองอะไรบ้างว่าเราเริ่มไม่สมดุลแล้ว ?
หมอยู : อันนี้จะสอนยาก แต่ผมเอาแบบที่สังเกตเห็นง่าย ๆ แล้วกัน พื้นฐานที่เข้าใจง่าย ๆ เลยคืออย่างเช่น วันนี้คุณมีอาการคอแห้งหิวน้ำ แล้วคุณก็ดื่มน้ำเยอะ แล้วก็ไม่หายหิวน้ำสักที อันนั้นร่างกายคุณอาจจะเริ่มร้อนเกินไป หรืออินพร่อง คุณอาจจะต้องพักผ่อนเพิ่ม นอนให้เพียงพอ หรืองดของทอด ของมัน ทุเรียน อะไรที่มีฤทธิ์ร้อนต่าง ๆ หรือวันนี้คุณตื่นมาคุณรู้สึกเอาที่ไม่ใช่เรื่องประจำเดือนนะ รู้สึกหงุดหงิดเป็นพิเศษ อารมณ์ไม่ค่อยดี คุณอาจจะนอนไม่พอหรือเปล่า
มีอะไรให้สังเกตกับเกี่ยวกับการนอนไหม มันมี Sign อะไรบอกไหม ?
หมอยู : ฝันบ่อยนี่คือร่างกายคุณเสียสมดุลแล้ว
หยินพร่องเกิดมาจากอะไร ?
หมอยู : หลัก ๆ เลยแพทย์จีนก็คือเหมือนเครื่องที่ Overheat เครื่องที่ทำงาน เครื่องจักรทำงานตลอดเวลา นอนน้อย พักผ่อนใหม่ไม่พอ กินของทอด กินของมัน กินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนเยอะ มีความเครียด ไม่ใช่ว่าบางคนบอกร้อนในเพราะเป็นแผลในปากอย่างเดียวนะ บางทีคุณอาจจะเป็นแผลในปากเฉย ๆ เพราะคุณลิ้นไปกัดโดนลิ้นก็ได้ แต่ถ้าคุณเป็นแผลในปากโดยที่คุณไม่ได้กัด นั่นน่ะคุณเสียสมดุล
หยางพร่องเกิดมาจากอะไร ?
หมอยู : หยางพร่องเหรอ ก็เกิดจากร่างกายค่อนข้างที่จะไม่ได้รับพลังหยาง อย่างเช่น ถ้าทางแพทย์จีนอาจจะบอกคุณอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ไม่ได้รับพลังงานจากหยาง คือมันก็จะมี จากพระอาทิตย์บ้างอะไรบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี