เรื่องเหลือเชื่อที่ว่า ยามนี้กรุงเทพฯ ถนนหนทางกลับมาว่างอีกครั้ง หลังจากที่เคยมีปรากฏการณ์เช่นเดียวกัน เมื่อหลายปีที่ผ่านมา
ด้วยอิทธิพลของละครช่อง 3 นี่แหละคือเรื่อง “ อาญารัก” จำได้ว่า ตอนจบของเรื่อง “ช่อ ชัยพฤกษ์” อยู่ในงานแต่งงาน
คนที่เข้าร่วมในงานแต่ง ต้องขอให้ทางโรงแรมนำเอา ทีวี.มาตั้งให้ดู จะขาดใจเสียให้ได้ !!
แต่ละครเรื่องนั้นไม่ได้แสดงความยิ่งใหญ่ของการสร้าง หากว่าความแตกต่างนั้น อยู่ที่การแสดงของดารา ไม่ว่าจะเป็น “นก” จริยา หรือ “บุ๋ม” รัญญา และแม้แต่ “นก” ฉัตรชัย “กวาง” กมลชนก
การปรากฏตัวของดาราแต่ละคน “ข้นถึงก้นหม้อ” เรียกว่าคนที่รอดูนั้น เป็นความสะใจในตอน “ไคลแม็กซ์” ของเรื่อง
ในสายตาของ “ช่อ ชัยพฤกษ์” คิดว่า ผู้ดูละครเรื่อง “อาญารัก” เกิดความเกลียดตัวละครแบบไม่ต้องปรึกษาใคร
คือ “ร้ายอย่างแสบไส้” เป็นนิยายที่นำมาสร้างเป็นหนังสมัย มิตร ชัยบัญชา ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น “จำลักษณ์” ผู้แต่งนิยายเรื่องนี้ มาแรงสุดเหมือนกัน
แต่เมื่อต้องเทียบกับถนนที่แทบจะว่างเปล่าวันนี้ อยู่ที่“คอละคร” อยากจะดูความยิ่งใหญ่ของละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส”เสียมากกว่า
ด้วย “นางปริก” ที่เหมือนจะร้าย กลายเป็นถูกการแต่งกาย “การลงทุนสร้างอย่างตระการตา” กลบหมด
อีกส่วนหนึ่งที่คนดูอยากรู้และอยากเห็น ว่าละครเรื่องนี้ดีอย่างไร “อาการฟีเว่อร์” จะมีกันแค่ไหน หรือว่า
ความน่ารักของ “แม่หญิงการะเกด” เป็นเหตุให้คนทั้งเมืองต้องหลงใหล .....!!
จะใช่หรือ ในเมื่อ เบลล่า-ราณี แคมเปน ก็เป็นดารานำที่มาจากนางร้ายด้วยซ้ำไป ...
เป็น “นางเอก” ก็มิใช่ว่าจะใหม่สด หรืออยู่ที่บทของเธอออกมาตรงกับเนื้อหา มองกันตอนนี้ยังไม่ออกจริงๆ ว่าสิ่งที่เกิดนี้จากเรื่องใด
“ช่อ ชัยพฤกษ์” ลองไปคุยกับดาราที่ไม่น่าจะเป็นจุดสนใจของผู้ชม แต่ก็ต้องชมว่า เขาคนนี้ มีบทที่ต้องเกี่ยวข้องกับบ้านเมืองของยุคนั้น อย่างเลี่ยงไม่ได้
นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบทเป็น “ออกญาโหราธิบดี”ที่ช่วงแรกอาจไม่มีบทเด่นเท่าไรนัก แต่ผู้แสดงบางท่านแอบบอกว่า คนนี้แหละเป็นคนกำหนด “ชะตาเมือง”
“หนิง” บอกว่า เขาชื่นชมกับการทำงานของทีมงาน ที่ทำแล้วสบายใจ โดยเฉพาะผู้กำกับฯอย่าง “ใหม่” ภวัต พนังคศิริ ทุ่มเทการกำกับฯ รับผิดชอบในหน้าที่ ทั้งที่เรื่องนี้ เป็นงานยากยิ่ง
“เบลล่า” เป็นตัวชูโรง นำมาซึ่งความสนุกขบขัน ถ้าจะต้องตอบคำถามว่า ละครเรื่องนี้ มีความน่าดูเนื่องจากมีความเด่นตรงไหน ผมให้คะแนนที่การเล่าเรื่องของประวัติชาติ ได้อย่างละเอียดและต่อเนื่อง การย้อนกลับของบท ที่เปรียบเทียบให้แม่หญิงการะเกด กับ เกศสุรางค์ นั่นเป็นการลุ้นของเรื่องที่จะเป็นไปตามประวัติศาสตร์ ที่เรียนมาหรือไม่
อีกประการหนึ่ง ผมมองว่า การแต่งกายของตัวละครที่บังเอิญเข้ากับช่วงจังหวะบ้านเมืองเรา คนไทยเราเข้าไปมีส่วนร่วมตรงนี้ ผมอยากให้คนไทย อย่าอายตัวตนที่แท้จริง ในการแต่งกายไม่ต้องตลอดเวลา แต่ควรเป็นบางเวลา และกาลเทศะ รวมถึงในแต่ละสถานที่ ควรมีชุดให้ชาวต่างชาติ มีโอกาสได้แต่ง จะให้มีการเช่าชุดก็ได้
“อยากฝากบอกครับว่า คนไทย ควรทำสิ่งที่ดีนี้ให้เป็นกิจวัตร อย่าให้เพียงแค่เป็นกิจกรรมที่ทำแล้ว ก็เลิกกันไป”
ท่าน “ออกญาโหราธิบดี” คงมีคำเสนอแนะให้ “เสนาบดี”วันนี้ ต้องปฏิบัติ..!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี