นิวเดลี (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) – ช็อกกันทั้งอินเดีย หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปีอย่างกะทันหัน เพื่อปราบปรามแบงก์ปลอมและการทุจริต

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ประกาศว่า ธนบัตรราคา 500 รูปี และ 1,000 รูปี จะถูกถอนออกจากการหมุนเวียนใช้ในระบบการเงินทันที ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เพื่อปราบปรามการทุจริตและธนบัตรปลอม โดยโมดีระบุว่า ปัญหาธนบัตรปลอม หรือ “แบล็ค มันนี่” และการทุจริต เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการกำจัดความยากจนในอินเดีย นอกจากนี้ ยังมีจุดประสงค์เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่จ้องจะโจมตีอินเดีย โดยกลุ่มเหล่านี้นิยมใช้ธนบัตรปลอมราคา 500 รูปี เป็นเงินทุนในการปฏิบัติการโจมตีอินเดีย

ด้านธนาคารทั่วอินเดียจะปิดทำการในวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน และตู้เอทีเอ็มจะไม่ทำงานด้วย โดยประชาชนจะสามารถนำธนบัตรที่ถูกประกาศยกเลิก ไปเปลี่ยนเป็นธนบัตรใหม่ได้ที่ธนาคาร เป็นเวลา 50 วัน นับจากวันที่ 10 พฤศจิกายนถึง 30 ธันวาคมปีนี้ ส่วนธนบัตรที่ถูกยกเลิกจะสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายได้ถึงเพียงวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น โดยรัฐบาลอินเดียจะออกธนบัตรราคา 500 รูปีรูปแบบใหม่ และธนบัตรราคา 2,000 รูปี มาใช้แทนธนบัตรที่ถูกยกเลิกไป

การประกาศยกเลิกธนบัตร 500 และ 1,000 รูปีครั้งนี้ เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ชาวอินเดียทั่วประเทศเกิดความตระหนก จึงพากันไปเข้าแถวกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มกันยาวเหยียด เพื่อถอนเงินสดเป็นธนบัตร 100 รูปี เพราะเกรงจะไม่มีเงินสดใช้อย่างเพียงพอในช่วง 2-3 วันนี้คาดว่าคำสั่งยกเลิกธนบัตรภายในเวลาชั่วข้ามคืน จะสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบเศรษฐกิจภายในประเทศของอินเดีย ซึ่งยังนิยมใช้เงินสดกันอย่างมาก โดยเป็นเรื่องธรรมดาที่คนทั่วไปอาจมีเงินสดราว 2-3 แสนรูปีเก็บไว้ใต้เตียงที่บ้าน โดยในจำนวนนี้เป็นธนบัตร 1,000 รูปีหลายใบ

ด้านนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้แบงก์ 500 และ 1,000 รูปีครั้งนี้ และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียด้วย เนื่องจากเศรษฐกิจอินเดียเป็นประเภทที่ใช้เงินสดเป็นหลัก โดยการทำธุรกรรมส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวันของชาวอินเดียประมาณร้อยละ 45 จะใช้เงินสด และเกือบร้อยละ 40 ของเศรษฐกิจอินเดีย ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งใช้เงินสดเป็นหลัก