8 พ.ค.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ทำเนียบขาวสหรัฐแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะไม่เดินทางไปอิสราเอลในสัปดาห์หน้า เพื่อร่วมพิธีเปิดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐแห่งใหม่ประจำกรุงเยรูซาเลม แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทรัมป์ จะแสดงท่าทีว่าต้องการที่จะไปร่วมงานดังกล่าว ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าอาจเพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
สำหรับพิธีเปิดสถานทูตใหม่ของสหรัฐ จะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ โดยจะมีคณะผู้แทนของรัฐบาลวอชิงตันเข้าร่วม นำโดย นายจอห์น ซัลลิแวน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ นายเดวิด ฟรีดแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอล นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง น.ส.อิวังก้า ทรัมป์ ลูกสาวทรัมป์ในตำแหน่งผู้ช่วยและที่ปรึกษาของประธานาธิบดี นายจาเร็ด คุชเนอร์ สามีของนางอิวังก้าในตำแหน่งผู้ช่วยและที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี และนายเจสัน กรีนบลัตต์ ผู้แทนพิเศษด้านการเจรจาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มติดตั้งป้ายบอกทางไปสถานทูตสหรัฐในนครเยรูซาเลมแล้ว โดยมีทั้งภาษาฮีบรู ภาษาอาหรับ และภาษาอังกฤษ
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล รวมทั้งยังแถลงย้ายสถานทูตจากกรุงเทลอาวีฟไปนครเยรูซาเลม ซึ่งนับได้ว่าสหรัฐเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้การรับรองนี้ นับตั้งแต่การสถาปนารัฐอิสราเอล เมื่อปี 2491 เรียกเสียงประณามจากหลายชาติทั้งมุสลิมและที่เป็นกลางทั่วโลก
กรุงเยรูซาเลมซีกตะวันออก เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่สำคัญของทั้งชาวคริสต์ มุสลิม และชาวยิว อิสราเอลบุกยึดพื้นที่แห่งนี้ได้ในสงครามตะวันออกกลางเมื่อปี 2510 และประกาศเป็นเมืองหลวงของตนอย่างแบ่งแยกไม่ได้ แต่นานาชาติไม่ได้ให้การยอมรับ โดยประเทศต่างๆ ยังคงประจำการสถานทูตของตนไว้ในนครเทลอาวีฟ แต่อิสราเอลก็ไม่สน แถมยังให้ชาวยิวถึง 2 แสนคน เข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในกรุงเยรูซาเลมซีกตะวันออก แม้จะขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม ขณะชาวปาเลสไตน์ประกาศว่า กรุงเยรูซาเลมซีกตะวันออก คือนครหลวงของรัฐปาเลสไตน์ ในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี