4 ก.ค.61 เว็บไซต์ นสพ.The Guardian ของอังกฤษ นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง “It felt like a movie : international team trying to save Thai football team from cave” (ราวกับภาพยนตร์ : ทีมงานนานาชาติร่วมกู้ชีวิตทีมฟุตบอลชาวไทยติดภายในถ้ำ) เนื้อหาว่าด้วยการรวมตัวกันของทหาร แพทย์ และอีกหลายภาคส่วนเพื่อนำผู้ประสบภัยทั้ง 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อ 23 มิ.ย. 2561 ออกมาโดยเร็ว
เรืออากาศเอก (หญิง) Jessica Tait แห่งกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา 1 ในผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่เข้าร่วมภารกิจตามคำร้องขอของรัฐบาลไทย กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เธอสังเกตได้ในปฏิบัติการครั้งนี้คือทุกคนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำงานด้วยกัน และไม่มีใครเลยที่ทำให้รู้สึกท้อแท้ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกได้ถึงความหวังที่ยิ่งใหญ่ และเมื่อพบข่าวดี เธอก็รู้สึกได้ว่านี่มันไม่ใช่เหตุการณ์ในภาพยนตร์ มันรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ทำงานกันอย่างหนักและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เพราะคงไม่ใช่ทุกครั้งที่จะรู้สึกเช่นนี้ได้
รายงานของ The Guardian กล่าวต่อไปว่า สัมผัสแห่งความหวังเกิดขึ้นจากอาสาสมัครกู้ภัยจำนวนมากจากทั่วประเทศมุ่งหน้าสู่ จ.เชียงราย เพื่อใช้ทักษะที่มีช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิต แต่ก็ไม่ได้มีเฉพาะผู้ชำนาญด้านกู้ภัยเท่านั้น อาทิ Wisalaya หญิงวัย 50 ปี ชาว อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตัดสินใจเดินทางมาเพื่อทำอาหารแจกจ่าย ไม่ว่าทหาร แพทย์ หรือแม้แต่สื่อมวลชน เธอกล่าวว่ามาที่นี่เพราะชอบช่วยเหลือคนพอๆ กับที่เธอชอบทำอาหาร
ขณะที่ ผู้กอง Tait เธอกล่าวเสริมว่า ทุกคนที่นี่ทำงานกัน 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องการรับประทานอาหารอย่างมาก การที่มีคนไทยยังคงนำอาหารมาจ่ายทุกคนถือเป็นภาพที่สวยงาม เพราะแสดงให้เห็นถึงความเป็นมิตรของพวกเขา และทุกคนก็รู้สึกขอบคุณกับมิตรภาพนี้ นอกจากนี้ เธอยังบอกด้วยว่าได้แรงบันดาลใจจากความร่วมมือกับทีมงานของหลายประเทศเช่นกัน เป็นเรื่องน่าทึ่ง เพราะที่นี่มีทั้งคนไทย อเมริกัน ออสเตรเลีย จีน รวมถึงนักดำน้ำจากอังกฤษ แสดงให้เห็นว่ากองกำลังทั้งหลายถูกฝึกมาก็เพื่อการนี้ สำหรับเหตุการณ์จริงตรงนี้
ทว่าแม้ความรู้สึกของผู้คนในศูนย์บัญชาการดูจะเป็นบวก แต่พวกเขายังมีเรื่องที่ต้องทำหลังทั้ง 13 ชีวิต ถูกพบบนเนินแห้งในถ้ำที่เรียกกันว่า “หาดพัทยา” (Pattaya Beach) เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค.นั่นคือทีมกู้ภัยต้องสอนเด็กๆ ให้ดำน้ำ รวมถึงโครงการที่อาจต้องส่งอาหารไปให้ทั้งหมดดำรงชีพได้นานถึง 4 เดือน อย่างไรก็ตาม วันที่ 3 ก.ค.มีรายงานว่า อาจต้องหาทางนำตัวทั้ง 13 คน ออกจากถ้ำให้ได้ก่อนที่มรสุมลูกใหม่ จะทำให้เกิดฝนตกหนักช่วงปลายสัปดาห์นี้
พลเอก Anupong Paojinda รัฐมนตรีมหาดไทยของประเทศไทย กล่าวกับ Bangkok Post ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นว่า พยากรณ์อากาศพบว่าอาจมีฝนตกชุกในอีก 2 - 3 วันข้างหน้า จึงต้องเร่งการอพยพให้เร็วขึ้น เพราะถ้าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจะยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการพาตัวเด็กๆ ออกมาจากถ้ำ ส่วนผู้กอง Tait ระบุว่า มันยากที่จะวางกรอบเวลาในเรื่องนี้ เพราะมีทางเลือกมากมายให้พิจารณา แม้จะเห็นได้ชัดว่าแผนดำน้ำเริ่มดำเนินการ แต่ก็มีแผนอื่นๆ อยู่ด้วยเช่นกัน เช่น การหาปล่องที่สามารถส่งเจ้าหน้าที่โรยตัวลงไปในถ้ำพาทุกคนออกมา
ทีมงานของผู้กอง Tait ยังมีนักจิตวิทยาที่จะช่วยเยียวยาจิตใจเหล่าเด็กๆ ที่ติดอยู่ในถ้ำอันมืดมิดกว่า 10 วัน ซึ่งนายทหารหญิงแห่งกองทัพสหรัฐผู้นี้ ทิ้งท้ายว่า อะไรที่เราตัดสินใจได้เราพร้อมแนะนำและช่วยเหลือ นั่นคือเหตุผลที่เราอยู่ที่นี่ และจะสนับสนุนอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“บางครั้งเมื่อมีปัญหาคุณคิดว่ามีทางออกแค่ทางเดียว แต่นั่นเกิดขึ้นถ้าคุณไม่เปิดใจรับหนทางอื่นๆ ก็เท่านั้น ฉันมั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะเลือกทางออกที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ทุกคน” ผู้กอง Tait กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข่าวและภาพจาก : https://www.theguardian.com/world/2018/jul/03/it-felt-like-a-movie-international-team-waiting-to-help-rescue-thai-footballers
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี